ธุรกิจการตลาด

สหรัฐฯ ทุ่มไม่อั้น เร่งอัดฉีดเงินให้ 'TSMC-Samsung' สร้างโรงงานผลิตชิปในประเทศ

9 เม.ย. 67
สหรัฐฯ ทุ่มไม่อั้น เร่งอัดฉีดเงินให้ 'TSMC-Samsung' สร้างโรงงานผลิตชิปในประเทศ

สหรัฐอเมริกาเตรียมอัดฉีดเงินอุดหนุนมูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านให้ ‘TSMC’ และ ‘Samsung’ เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์ (CHIPS and Science Act) ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศให้มากขึ้น

วางแผนมอบเงินอุดหนุนให้ TSMC มูลค่า 6.6 พันลานดอลลาร์

ทางรัฐบาลสหรัฐฯ วางแผนที่จะมอบเงินอุดหนุนมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ให้กับ TSMC ผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อช่วยสร้างโรงงาน 3 แห่งในแอริโซนา พร้อมทั้งให้เงินกู้อีกก้อนประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์

โดยโรงงานในรัฐแอริโซนาจะมุ่งเน้นไปที่การผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานในสมาร์ทโฟน 5G/6G ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเซิร์ฟเวอร์ศูนย์ข้อมูล AI

ซึ่งหลังจากที่ TSMC ประกาศลงทุนโรงงานที่สาม ทำให้มูลค่าลงทุนตอนนี้รวมกว่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากก่อนหน้านี้อยู่ที่เพียง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแอริโซนา

Mark Liu ประธาน TSMC กล่าวว่า โรงงานทั้งสามแห่งนี้ จะทำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ สามารถเข้าถึงชิปได้ภายในประเทศ โดยชิปที่ผลิตรุ่นนี้จะขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ทั้งหลาย ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงดาวเทียม รวมถึงระบบปัญญาประดิษฐ์ โดยโรงงานแรกมีกำหนดเริ่มการผลิตในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ส่วนโรงงานที่สองภายในปี 2028

ซึ่งโรงงานทั้งสามแห่งนี้คาดว่าจะทำให้สหรัฐฯ สามารถผลิตชิปชั้นนำได้ถึง 20% ภายในปี 2030 และยังช่วยสร้างงานด้านการผลิต 6,000 ตำแหน่ง และงานด้านก่อสร้าง 20,000 ตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งใหม่หลายพันตำแหน่งทางอ้อมที่เชื่อมโยงกับซัพพลายเออร์หลายประเภทในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับชิป

ปัจจุบัน TSMC เป็นผู้ผลิตชิปสัญชาติไต้หวันรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดในโลกประมาณ 90% โดยลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC มีทั้ง AMD, Apple, Nvidia และ Qualcomm และลูกค้าของ TSMC จำนวน 70% เป็นลูกค้าสัญชาติสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มองว่า TSMC กำลังอยู่ในจุดที่เสี่ยง จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการรุกรานทางทหารจากจีนที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตชิป นอกจากนี้ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังทำให้เห็นถึงความเสี่ยงของอุตสาหกรรมต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วย

เตรียมอัดฉีดเงินให้ Samsung เช่นกัน

สำนักข่าว Reuters อ้างอิงจากแหล่งข่าววงใน 2 แห่งว่า สหรัฐฯ มีแผนที่จะมอบเงินอุดหนุนมูลค่ามากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์ให้กับ Samsung เช่นกันภายในสัปดาห์หน้า เพื่อขยายการผลิตชิปในเมืองเทย์เลอร์ รัฐเท็กซัส ซึ่งสอดคล้องกับแผนของทางรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พยายามเพิ่มการผลิตชิปภายในประเทศ

โดยเงินอุดหนุนจะนำไปก่อสร้างโรงงานทั้งสี่แห่งในเมืองเทย์เลอร์ ซึ่งรวมถึงโรงงานผลิตชิปมูลค่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ Samsung เคยประกาศไปในปี 2021 นอกจากนี้ยังรวมถึงการลงทุนในอีกสถานที่ ที่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการด้วย ทำให้ Samsung เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ มากกว่าสองเท่า มูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์

Samsung เป็นบริษัทที่ได้รับเงินอุดหนุนสูงสุดเป็นอันดับสาม รองลงมาจาก Intel และ TSMC อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเพิ่มเติมของการลงทุนในครั้งนี้ ยังไม่ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ

ความกังวลของสหรัฐฯ และซัพพลายเชนชิป

จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาคอขวดของซัพพลายเชนชิปทั่วโลกเป็นอย่างมาก และส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องผลิตชิปในประเทศมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักของซัพพลายเชนที่อาจเกิดขึ้น

ไบเดนเผยว่า ในปี 1990 กำลังการผลิตชิปทั่วโลกในสหรัฐฯ อยู่ที่ 37% แต่ภายในปี 2020 กำลังผลิตเหลือเพียง 12% และยังไม่มีชิปที่ทันสมัยที่สุดเลย ทำให้สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเปราะบางทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติอย่างมีนัยสำคัญ

ทำให้ในปี 2022 สภาคองเกรสได้อนุมัติกฎหมายว่าด้วยชิปและวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มผลผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศด้วยเงินอุดหนุนการวิจัยและการผลิต 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติยังได้อนุมัติวงเงินกู้ของรัฐบาลจำนวน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์

ซึ่งเมื่อปลายเดือนที่แล้ว สหรัฐฯ ได้มอบเงินอุดหนุนให้กับ Intel เกือบ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มการผลิตชิประดับแนวหน้าภายในประเทศ โดยเบื้องต้นมอบเงินช่วยเหลือ 8.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเงินกู้สูงสุด 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับ Intel ในรัฐแอริโซนา โดยเงินทุนบางส่วนจะถูกนำมาใช้เพื่อสร้างโรงงานใหม่ 2 แห่งและปรับปรุงโรงงานที่มีอยู่ให้ทันสมัย

ที่มา CNN, AP News, Reuters Technology

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT