ธุรกิจการตลาด

Intel ผลิตชิปยังไงให้ขาดทุน? ธุรกิจโรงหล่อขาดทุน 7 พันล้านดอลลาร์ หุ้นร่วงหนัก 4.3%

3 เม.ย. 67
Intel ผลิตชิปยังไงให้ขาดทุน?  ธุรกิจโรงหล่อขาดทุน 7 พันล้านดอลลาร์ หุ้นร่วงหนัก 4.3%

Intel บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน เผยในรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ว่า ธุรกิจโรงหล่อชิปของ Intel ขาดทุนจากการดำเนินงานสูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023 ส่วนรายได้อยู่ที่เพียง 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หลังจากที่ Intel เปิดเผยข้อมูลทางการเงินสำหรับธุรกิจโรงหล่อชิป ทำให้มูลค่าหุ้นของ Intel ลดลง 4.3% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดในเมื่อวานนี้ เนื่องจากยอดขาดทุนของปีที่ผ่านมา มากกว่ายอดขาดทุนในปี 2022 ที่มูลค่าอยู่ที่เพียง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนยอดขายลดลง 31% จากเกือบ 2.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022 เช่นกัน

Patrick Gelsinger ซีอีโอของ Intel เผยว่า สาเหตุของการขาดทุนมาจากการตัดสินใจในอดีตที่ผิดพลาด และการนำเทคโนโลยี ‘EUV’ ที่ใช้ในการสร้างชิปที่ทันสมัยที่สุด มาใช้ที่ช้าเกินไป ทำให้ในปีนี้ ธุรกิจโรงหล่อชิปของ Intel จะยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปีที่เผชิญกับการขาดทุนมากที่สุดด้วย

อย่างไรก็ตาม Intel ตั้งเป้าถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 2027 โดยเชื่อว่า ธุรกิจโรงหล่อชิปจะช่วยขับเคลื่อนรายได้อย่างมาก ตอนนนี้ Intel ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่อจักร EUV แล้ว ถึงแม้จะมีราคาที่สูงกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เครื่องจักร EUV จะครอบคลุมความต้องการในการผลิตมากขึ้น และมีประสิทธิภาพกว่าเครื่องจักรแบบเดิม นอกจากนี้ Intel วางแผนที่จะลงทุน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงงานชิปเพิ่มใน 4 รัฐของสหรัฐฯ เพื่อดึงดูดให้บริษัทอื่นๆ มาจ้างผลิตชิปให้

นี่เป็นครั้งแรกที่ Intel เปิดเผยรายได้สำหรับธุรกิจโรงหล่อชิปเพียงอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมา Intel ออกแบบและผลิตชิปเอง และรายงานยอดขายชิปทั้งหมดให้กับนักลงทุน ไม่เหมือนกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติอเมริการายอื่นอย่างเช่น Nvidia และ AMD ที่ออกแบบชิปเอง แต่ส่งชิปเหล่านี้ไปยังโรงหล่อในเอเชีย ซึ่งมักจะเป็น TSMC ของไต้หวัน เพื่อการผลิต

ปัจจุบัน TSMC กำลังครองตลาดโรงหล่อชิปด้วยยอดขาย 6.94 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีกำไรสุทธิ 2.69 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2023 ที่ผ่านมา ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น — เปอร์เซ็นต์ของยอดขายที่เหลือหลังจากหักต้นทุนการผลิต — อยู่ที่ 54% และคาดว่ายอดขายจะขยายตัว 20% ในปีนี้อยู่ที่ 8.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่มา Reuters, CNBC, Yahoo Finance

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT