สินทรัพย์ดิจิทัล

SBF เปิดใจกับสื่อนอกครั้งแรก หลัง FTX ล่ม เผยตอนนี้เกือบหมดตัวแล้ว

2 ธ.ค. 65
SBF เปิดใจกับสื่อนอกครั้งแรก หลัง FTX ล่ม เผยตอนนี้เกือบหมดตัวแล้ว
ไฮไลท์ Highlight
“มันชัดแล้วว่า ผมทำหลายอย่างพลาดไป มีหลายสิ่งที่ผมพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อขอกลับไปแก้ไขมันอีกครั้ง ผมไม่เคยแม้แต่คิดว่าจะโกงใคร” Sam กล่าว “ผมตื่นเต้นกับโอกาสต่างๆ ที่ FTX สามารถไปถึงได้ ผมมองมันเป็นธุรกิจที่พร้อมเติบโต ผมช็อคกับสิ่งที่มันกลายเป็นในเดือนนี้”

หลังจาก FTX ล่มสลาย และเริ่มแผลงฤทธิ์เป็น ‘โดมิโนระลอกที่ 2’ แห่งวงการคริปโท ล่าสุด ‘Sam Bankman-Fried’ หรือ SBF อดีตซีอีโอและผู้ก่อตั้ง FTX ได้ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเหตุการณ์การล่มสลายของ FTX แม้ทนายจะอยากให้เขาอยู่แบบเงียบๆ มากกว่าก็ตาม

 

SBF FTX



นับเป็นการปรากฏตัวต่อสื่อครั้งแรกๆ หลังจากเหตุการณ์การล่มสลายของ FTX ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย SBF ได้ให้สัมภาษณ์ใน ‘DealBook Summit’ ที่จัดโดย The New York Times เมื่อวันที่ 1 ธค. ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวเผยว่า เขาไม่มีเจตนาที่จะฉ้อโกง



“มันชัดแล้วว่า ผมทำหลายอย่างพลาดไป มีหลายสิ่งที่ผมพร้อมจะแลกทุกอย่างเพื่อขอกลับไปแก้ไขมันอีกครั้ง ผมไม่เคยแม้แต่คิดว่าจะโกงใคร” Sam กล่าว “ผมตื่นเต้นกับโอกาสต่างๆ ที่ FTX สามารถไปถึงได้ ผมมองมันเป็นธุรกิจที่พร้อมเติบโต ผมช็อคกับสิ่งที่มันกลายเป็นในเดือนนี้”



อย่างไรก็ดี Sam ได้กล่าวถึงการนำเงินของลูกค้าไปใช้ลงทุนโดยไม่ได้รับอนุญาติผ่านกองทุน Alameda Research ว่า เป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และถลำลึกกว่าความตั้งใจของเขา

 

 

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว Bloomberg เคยรายงานไปในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า หน่วยงานจากสหรัฐและบาฮามาส ซึ่งเป็นประเทศกบดานของ SBF และเป็นประเทศที่ FTX จดทะเบียนดำเนินธุรกิจอยู่นั้น อยู่ระหว่างการหารือกันถึงโอกาสที่จะส่งตัว SBF ไปสอบสวนที่สหรัฐ เมื่อถูกถามถึงเรื่องการเดินทางกลับมายังสหรัฐ Sam ตอบกลับไปว่า เขาดำเนินธุรกิจของ FTX จากที่บาฮามาสตั้งแต่ในช่วงปีที่ผ่านมา และได้ติดต่อกับหน่วยงานของบาฮามาสและอื่นๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ กำลังหาจุดหมายปลายทางเป็นประเทศใดๆ ก็ได้ในโลกที่อาจกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเขาอยู่

 

อ่านสรุปหายนะที่เกิดขึ้นกับ FTX ได้ที่นี่



Sam ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ขณะนี้กำลังมุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือการช่วยเหลือลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสีย ที่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของ FTX

 

SBF FTX Crypto



เมื่อถูกสอบถามถึงความเป็นอยู่ของเขาในปัจจุบัน SBF เผยว่าเขา ‘เกือบไม่เหลืออะไรแล้ว’ เพราะทรัพย์สินเกือบทั้งหมดนั้น ถูกนำกลับไปลงทุนในบริษัทจนหมด สิ่งที่เขาพอมีติดตัวตอนนี้ก็คือบัตรเครดิตหนึ่งใบ ที่มีวงเงินราว 1 แสนดอลลาร์ (ราว 3.5 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า FTX ใน สหรัฐ ได้ใช้เงินเกือบ 300 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในบาฮามาส ซึ่งจากการสืบสวนเบื้องต้นพบว่า ส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยสำหรับผู้บริหารของบริษัท

 

FTX Crypto

 

โดย SBF เคยได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ด้วยว่า บริษัทมีสวัสดิการเป็นอาหารให้กับพนักงาน บริการรับส่งไปยังที่พักรอบเกาะที่บาฮามาสซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท และยังมีพนักงานราว 10 คน ได้พักในเพนท์เฮาส์หรู มูลค่าราว 40 ล้านดอลลาร์ (1.4 พันล้านบาท) ซึ่ง SBF ได้ให้สัมภาษณ์ในงานนี้ว่า ปัจจุบัน ตัวเขาเองไม่ได้พักในเพนท์เฮาส์หรูแห่งนี้แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักตากอากาศมูลค่า 16 ล้านดอลลาร์หรือกว่า 500 ล้านบาท ที่ถูกซื้อในชื่อพ่อและแม่ของเขา ซึ่ง Sam ก็ได้บอกว่า บ้านหลังนี้ถูกซื้อในนามพ่อแม่ของเขาจริง แต่มีจุดประสงค์ที่จะมอบให้เป็นทรัพย์สินของบริษัทเพื่อให้พนักงานมาพักอาศัย

 

 

ตลอดช่วงที่ผ่านมา SBF ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้โกหกคนทั้งโลก เพียงแต่นำเสนอแต่มุมมองด้านดีของ FTX และโอกาสที่จะเกิดขึ้น จนทำให้เขามองข้ามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งตัวเขาเองก็ได้แต่หวังว่า เขาจะสามารถย้อนกลับไปมองในด้านลบให้มากกว่าด้านดี เหตุการณ์แบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้น

ปัจจุบัน หน่วยงานด้านกฎหมายของสหรัฐยังไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ กับ FTX แต่ก็มีความพยายามจากหลายฝ่ายที่ต้องการให้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเร่งการสอบสวนเรื่องนี้ อย่างเช่นเรื่องการนำเงินของลูกค้าไปแสวงหาผลประโยชน์นั้น ก็เป็นการทำผิดทั้งต่อระเบียบของ ก.ล.ต. สหรัฐ และกฎระเบียบของ FTX เอง

สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ Elizabeth Warren และ Sheldon Whitehouse ได้เสนอต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ให้มีการสอบสวนและลงโทษ Sam ในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหายให้กับลูกค้าของ FTX เช่นเดียวกับ Warren Davidson ส.ส. สหรัฐ ที่เร่งให้รัฐบาลรีบดำเนินการกับ SBS เสียที

 

“ผมเชื่อว่าทั้งโลกคงรู้สึกอึ้ง ที่ตอนนี้ SBF ยังไม่ถูกหน่วยงานรัฐควบคุมตัว”



ที่มา : Arstechnica, New York Times, Decrypt, Business Insider

advertisement

SPOTLIGHT