Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ไทยอยู่อันดับไหนของโลก? ส่องอันดับกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปี2025

ไทยอยู่อันดับไหนของโลก? ส่องอันดับกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปี2025

15 ธ.ค. 68
16:34 น.
แชร์

ส่อง 20 อันดับ มหาอำนาจโลกทางการทหาร ที่มี "กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ปี 2025" สหรัฐฯ-รัสเซีย-จีน ยึดท็อป 3 ประเทศไทยอยู่อันดับไหนของโลก?

ปี พ.ศ. 2568 ยังเป็นปีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยความขัดแย้งส่วนใหญ่เป็นความต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า หรือเป็นผลจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สะสมมานาน แล้วรู้หรือไม่ว่าประเทศใดในโลกนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็น ประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางการทหารมากที่สุด?

การประเมินกำลังทหารโลก จากแหล่งที่น่าเชื่อถือที่ถูกอ้างอิงและนำไปใช้มากที่สุด ได้แก่ ดัชนี Global Firepower Index (GFP) ที่ทำการจัดอันดับประเทศต่าง ๆ กว่า 145 ประเทศตามความสามารถในการทำสงคราม ซึ่งได้พิจารณาปัจจัยมากกว่า 60 ประการในการกำหนดคะแนน ดัชนีอำนาจ (PowerIndex หรือ PwrIndx) ซึ่งครอบคลุมทั้งปัจจัยกำลังพล, ยุทโธปกรณ์, ทรัพยากรธรรมชาติ, การเงิน, และภูมิศาสตร์ ทั้งนี้การจัดอันดับนี้ คะแนนที่ยิ่งต่ำ จะหมายถึงศักยภาพทางทหารที่สูงกว่า

เปิด 20 อันดับ มหาอำนาจโลกทางการทหาร ที่มี "กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ปี 2025" มีดังนี้

1. สหรัฐอเมริกา

กองทัพสหรัฐอเมริกาได้รับการจัดอันดับโดย Global Firepower (GFP) ให้เป็น กองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ประจำปี 2025 อย่างต่อเนื่อง ด้วยค่า PowerIndex (PwrIndx) ที่ 0.0744 ค่าคะแนนที่ต่ำที่สุดในโลกนี้ ตอกย้ำถึงสถานะของสหรัฐฯ ในฐานะมหาอำนาจทางทหารที่ไม่มีใครเทียบได้ในปัจจุบัน ทั้งในเชิงคุณภาพของเทคโนโลยีและเชิงปริมาณของอาวุธยุทโธปกรณ์ มีงบประมาณด้านกลาโหมสูงที่สุดในโลก ทำให้สามารถลงทุนในโครงการวิจัย พัฒนา และจัดซื้อเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เครื่องบินขับไล่สเตลท์ เช่น F-22, F-35 เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเป็นประเทศเดียวที่มีหลายลำ หรือแม้แต่เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนรุ่นใหม่อย่าง B-21 Raider

นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังมีกองเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก รวมถึงมีเครือข่ายฐานทัพทหารทั่วโลก ทำให้มีความสามารถในการส่งกองกำลังและปฏิบัติการทางทหารได้ในทุกจุดของโลก มีกองทัพอากาศที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเครื่องบินที่มากที่สุดและทันสมัยที่สุด และกองทัพเรือที่มีความสามารถในการควบคุมทะเล และฉายอำนาจไปทั่วโลกได้อย่างเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมด

2. รัสเซีย

กองทัพรัสเซียเป็นกองทัพที่มีความสามารถในการทำสงครามแบบครบวงจร และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทรงอานุภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านยุทธศาสตร์นิวเคลียร์และกำลังภาคพื้นดิน ทำให้ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ 2 ของการจัดอันดับโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.0788

แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากสงครามที่ยืดเยื้อในยุโรปตะวันออก แต่ก็ยังคงความแข็งแกร่งไว้ได้ด้วยปัจจัยทางประวัติศาสตร์ ขนาดของกำลังพล และศักยภาพทางยุทธศาสตร์ที่โดดเด่น และเป็นหนึ่งในสองประเทศที่มีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทียบเท่ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการป้องปรามในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

มีกำลังพลสำรองที่พร้อมระดมพลจำนวนมหาศาล และมีจำนวนรถถัง รถหุ้มเกราะ และปืนใหญ่ที่มากที่สุดในโลก ทำให้มีความสามารถในการทำสงครามภาคพื้นดินขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาวุธรายใหญ่ของโลก สามารถผลิตเครื่องบินรบ เรือรบ และระบบขีปนาวุธที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง และอาวุธทางยุทธศาสตร์อื่น ๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโลก

3. จีน

กองทัพจีนเป็นกองทัพที่โดดเด่นในด้านขนาดกำลังพล และการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด โดยมีเป้าหมายหลักคือการควบคุมพื้นที่ทางทะเลในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และเป็นมหาอำนาจคู่แข่งของสหรัฐฯ ในเวทีโลก เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.0788 คะแนนที่ใกล้เคียงกับรัสเซีย แสดงให้เห็นถึงการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของกองทัพจีนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะทัดเทียมหรือแซงหน้ามหาอำนาจตะวันตกในด้านความสามารถทางทหารและเทคโนโลยี

ด้วยงบประมาณกลาโหมที่สูงเป็นอันดับสองของโลก และมีกำลังพลประจำการมากที่สุด ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณกลาโหมสูงเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้สามารถจัดซื้อ จัดจ้าง และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างไม่จำกัด จีนเดินหน้าลงทุนอย่างมหาศาลในด้านขีดความสามารถทางทหารและการพัฒนาควบคู่ไปกับศักยภาพทางอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงอย่างจริงจัง เพื่อขยายอำนาจทางยุทธศาสตร์และตอบโต้ภัยคุกคามจากภายนอก

4. อินเดีย

กองทัพอินเดียได้รับการจัดอันดับโดย GFP ให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1184 สะท้อนถึงศักยภาพทางทหารที่ครอบคลุมและสมดุลของอินเดียในหลายมิติ ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนมหาศาล และการขยายขีดความสามารถในการป้องกันตนเองและปฏิบัติการในระดับภูมิภาค

ปัจจัยหลักที่หนุนให้กองทัพอินเดียแข็งแกร่ง ได้แก่ ปัจจัยด้านกำลังพลขนาดใหญ่ มีกำลังพลสำรองที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ประมาณ 1.15 ล้านนาย และมีกำลังพลประจำการที่มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ประมาณ 1.45 ล้านนาย ทำให้มีความสามารถในการทำสงครามที่ยืดเยื้อและครอบคลุมพื้นที่กว้าง

นอกจากนี้กองทัพเรืออินเดียถือเป็นกองทัพเรือน้ำลึก (Blue-Water Navy) ที่มีความสำคัญ มีเรือบรรทุกเครื่องบินที่ผลิตเองภายในประเทศ และมีกองเรือดำน้ำที่แข็งแกร่ง ซึ่งจำเป็นต่อการควบคุมมหาสมุทรอินเดีย เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้จ่ายงบประมาณทางทหารสูงที่สุดในโลก และพยายามปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตนเอง แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียใต้และเป็นผู้เล่นหลักในเวทีโลก

5. เกาหลีใต้

กองทัพเกาหลีใต้ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 5 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1656 เป็นมหาอำนาจด้านการป้องกันประเทศของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยทัดเทียมกับเกาหลีเหนือคู่แข่งในภูมิภาค ประเทศนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมหาอำนาจด้านการป้องกันประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งช่วยเสริมสร้างการป้องปรามต่อการเติบโตของจีน มีฐานอุตสาหกรรมทางทหารที่แข็งแกร่งและเติบโตเต็มที่ ทำให้สามารถผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับสนามรบได้เองภายในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการในท้องถิ่น เช่น การพัฒนาและผลิตด้านการบิน ยานเกราะ อาวุธขนาดเล็ก และการต่อเรือด้วยตนเอง

กองกำลังรบของเกาหลีใต้ได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ชื่อกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ประกอบด้วย 3 เหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศ สาธารณรัฐเกาหลี (RoKAF) กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี (RoKA รวมถึงนาวิกโยธินสาธารณรัฐเกาหลี) และกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี (RoKN) ระบบป้องกันประเทศของเกาหลีใต้ประกอบด้วยยุทโธปกรณ์ทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและมีการจัดระเบียบในด้านขีดความสามารถในการทำสงคราม โดยครอบคลุมทั้งแนวทางการรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านกลุ่มยุทโธปกรณ์ที่คัดสรรมาอย่างดีในสนามรบ

6. สหราชอาณาจักร

สหราชอาณาจักรมีกองทัพที่มีความซับซ้อนและมีศักยภาพในการปฏิบัติการทั่วโลก รวมถึงมีเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัย ด้วยเหตุนี้ สหราชอาณาจักรจึงยังคงครองตำแหน่งสูงสุดในกลุ่มมหาอำนาจด้านการป้องกันประเทศของยุโรปอย่างต่อเนื่องทุกปี และในปี 2025 อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1785

มีกองกำลังรบของสหราชอาณาจักรได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ชื่อกองทัพอังกฤษ และประกอบด้วยสามเหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศ (RAF) กองทัพบก และกองทัพเรือ (RN) มีระบบป้องกันประเทศของสหราชอาณาจักรประกอบด้วยสินทรัพย์ทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและมีการจัดระเบียบในด้านขีดความสามารถในการทำสงคราม โดยครอบคลุมทั้งโซลูชันเชิงรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านกลุ่มยุทธภัณฑ์ในสนามรบที่คัดสรรมาอย่างดี

7. ฝรั่งเศส

กองทัพฝรั่งเศสได้รับการจัดอันดับให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1878 สะท้อนถึงสถานะของฝรั่งเศสในฐานะมหาอำนาจทางทหารระดับโลก โดยเป็นกองทัพที่มีความทันสมัย มีความสามารถในการปฏิบัติการภารกิจขนาดใหญ่ และเป็นผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นนำ

ฝรั่งเศสมีกองกำลังที่มีความคล่องตัวสูงและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติการรบในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาวุธรายใหญ่ของโลก ตั้งแต่เครื่องบินรบไปจนถึงเรือรบ เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์และกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ช่วยเสริมศักยภาพทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงของยุโรป และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในภารกิจของ NATO ในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในยุโรปและเวทีโลกอีกด้วย

8. ญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นมีกองกำลังป้องกันตนเองที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีสูง และความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศที่เป็นประโยชน์กับสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1839 นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังมีฐานอุตสาหกรรมทางทหารที่แข็งแกร่งและเติบโตเต็มที่ ทำให้สามารถผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับการรบได้มากขึ้นในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการในท้องถิ่น

กองกำลังรบของญี่ปุ่นได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ชื่อกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น และประกอบด้วย 3 เหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JASDF), กองทัพบกป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JGSDF) และกองทัพเรือป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JMSDF)

9. ตุรกี

กองทัพตุรกี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1902 สะท้อนให้เห็นถึงบทบาททางทหารที่สำคัญยิ่งในฐานะสมาชิกหลักของ NATO ที่มีความสามารถในการปฏิบัติการที่หลากหลาย และมีอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสามารถในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เองสูงมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีโดรนติดอาวุธ (UAVs) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และถูกส่งออกไปยังหลายประเทศ ซึ่งทำให้ตุรกีเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโดรนที่ได้รับการพิสูจน์ในสนามรบจริง มีกองทัพที่มีกำลังพลประจำการขนาดใหญ่ และมีความพร้อมรบในทุกเหล่าทัพ ทั้งกองทัพบกที่แข็งแกร่ง และกองทัพเรือที่มีบทบาทในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

10. อิตาลี

อิตาลีขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศมหาอำนาจเงียบในการจัดอันดับของ Global Firepower ประจำปี โดยได้ก้าวมาอยู่ในอันดับ 10 อันดับแรกในปี 2023 และรักษาอันดับที่ 10 มาได้โดยตลอด ประเทศนี้ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในยุโรป และเป็นพันธมิตรที่ทรงอิทธิพลของ NATO

มีกองทัพเรือที่มีความสามารถสูง โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือฟริเกต และเรือดำน้ำที่ทันสมัย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ก้าวหน้า โดยเฉพาะด้านการบินและอวกาศ รวมถึงการมีส่วนร่วมในโครงการเครื่องบินรบยุโรปและสหรัฐฯ เช่น F-35 กองทัพบกอิตาลีมีการจัดระเบียบที่ดีและมีประสบการณ์ในการเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพและการปฏิบัติการในต่างประเทศหลายแห่ง มีจุดแข็งที่สำคัญในด้านแสนยานุภาพทางทะเลและอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธที่พึ่งพาตนเองได้ ทำให้เป็นกองกำลังที่มีความน่าเชื่อถือในภูมิภาคยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน

11. บราซิล

กองทัพบราซิลได้รับการจัดอันดับโดย GFP ให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.2415 เป็นมหาอำนาจทางทหารที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา และเป็นหนึ่งในกองกำลังขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมสูงในการป้องกันอธิปไตยและการรักษาความมั่นคงในระดับภูมิภาค มีกำลังพลสำรองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา และมีกองทัพที่ต้องรับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป่าอะเมซอน และชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก อีกทั้งยังมีอุตสาหกรรมการบินที่ก้าวหน้า ผลิตเครื่องบินที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศและช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า มีขีดความสามารถในการป้องกันตนเองได้อย่างครอบคลุม โดยเน้นการรักษาความมั่นคงภายในประเทศและมีศักยภาพในการขยายบทบาทในภูมิภาค

12. ปากีสถาน

คู่แข่งสำคัญของอินเดีย และมีบทบาททางยุทธศาสตร์ในเอเชียใต้ ยุทโธปกรณ์ทางทหารส่วนใหญ่ที่ปากีสถานพัฒนาขึ้นในปัจจุบันมาจากจีน ความสัมพันธ์นี้ยังช่วยยกระดับฐานอุตสาหกรรมทางทหารในประเทศ เนื่องจากมีการผลิตสินค้าในประเทศมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ

กองกำลังรบของปากีสถานอยู่ภายใต้การบริหารจัดการร่วมกันของกองทัพปากีสถาน ซึ่งประกอบด้วย 3 เหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศปากีสถาน (PAF) กองทัพบกปากีสถาน (PA) และกองทัพเรือปากีสถาน (PN) มีระบบป้องกันประเทศของปากีสถานประกอบด้วยกำลังทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและมีการจัดระเบียบเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการทำสงคราม โดยครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาเชิงรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านยุทธวิธีในสนามรบที่คัดสรรมาอย่างดี

13. อินโดนีเซีย

กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.2557 โดยมีศักยภาพที่สูงมากในการควบคุมพื้นที่ทางทะเลและรักษาความมั่นคงของหมู่เกาะขนาดใหญ่ อินโดนีเซียมีประชากรจำนวนมาก ทำให้มีฐานกำลังพลสำรองที่ใหญ่มาก และมีกำลังกึ่งทหารที่พร้อมสนับสนุนกองทัพ ซึ่งจำเป็นสำหรับการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ อินโดนีเซียตั้งอยู่บนเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญของโลก ทำให้มีความจำเป็นต้องรักษาสมดุลทางทหารและมีขีดความสามารถในการป้องกันผลประโยชน์ของตนเอง เนื่องจากเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่มีพรมแดนทางทะเลยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กองทัพเรืออินโดนีเซียจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีการลงทุนในกองเรือฟริเกต เรือดำน้ำ และเรือคอร์เวต เพื่อรักษาเส้นทางการเดินเรือและอธิปไตยทางทะเล

นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัย และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยพยายามสร้างความสามารถในการผลิตอาวุธเองมากขึ้น ทำให้เป็น มหาอำนาจทางทหารเบอร์หนึ่งของอาเซียนอย่างไม่มีข้อกังขา

14. เยอรมนี

กองทัพเยอรมนีแข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 14 ของโลก ประจำปี 2025 จากค่า PwrIndx ที่ 0.2601 เยอรมนีเป็นศูนย์กลางของสงครามโลกทั้งสองครั้งในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และยังคงมีอิทธิพลต่อภูมิภาคในฐานะผู้นำในกิจกรรมของสหภาพยุโรป ภายใต้เงาของสงครามที่เกิดขึ้นทางตะวันออก การพัฒนาให้ทันสมัยเป็นกุญแจสำคัญของประเทศในการก้าวผ่านทศวรรษปัจจุบันไปสู่ทศวรรษหน้า กำลังรบของเยอรมนีได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ Bundeswehr หรือกองกำลังป้องกันประเทศแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี ซึ่งประกอบด้วย 6 เหล่าทัพหลัก ได้แก่ Luftwaffe (กองทัพอากาศเยอรมัน) , Heer (กองทัพบกเยอรมัน) , Deutsche Marine (กองทัพเรือเยอรมัน) , กองสนับสนุนร่วม, กองแพทย์ร่วม และกองบัญชาการด้านไซเบอร์และสารสนเทศ กองกำลังป้องกันประเทศในรูปแบบหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ครอบคลุมทั้งการรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านยุทธวิธีในสนามรบ

15. อิสราเอล

อิสราเอล มีค่า PwrIndx ที่ 0.2611 แม้ว่าอันดับจะไม่สูงเท่ากับมหาอำนาจขนาดใหญ่ แต่ค่าคะแนนนี้สะท้อนถึงศักยภาพทางทหารที่ โดดเด่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเทียบกับขนาดของประเทศ อิสราเอลมีกองทัพที่มีประสบการณ์การรบสูงและเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัย มีระบบป้องกันประเทศของอิสราเอลด้วยกำลังทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและเป็นระบบระเบียบในการวางแผนการรบ

และยังได้ชื่อว่าเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการทหารและการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบต่อต้านขีปนาวุธที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Iron Dome (โดมเหล็ก) และระบบอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง อิสราเอลได้รับความช่วยเหลือทางการทหารและเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเสริมให้กองทัพอากาศและกองทัพบกมีความทันสมัยและพร้อมรบอยู่เสมอ มีระบบการเกณฑ์ทหารที่เข้มงวดทั้งชายและหญิง และมีกำลังพลสำรองที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถระดมพลเข้าสู่สนามรบได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์ฉุกเฉิน

Iron Dome (โดมเหล็ก)
Iron Dome (โดมเหล็ก)

16. อิหร่าน

อิหร่านในฐานะ มหาอำนาจทางทหารในตะวันออกกลาง ที่มีความโดดเด่นในด้านกำลังพลขนาดใหญ่ และการพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธที่พึ่งพาตนเองได้ จึงได้อยู่ในอันดับที่ 16 กองทัพที่แข็งแกร่งของโลก ประจำปี 2025 จากค่า PwrIndx ที่ 0.3048

แม้จะอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและอาวุธมาอย่างยาวนาน แต่อิหร่านมีกำลังพลประจำการและกำลังพลสำรองจำนวนมาก และที่สำคัญมีกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolutionary Guard Corps - IRGC) ซึ่งเป็นกองกำลังคู่ขนานที่มีอิทธิพลสูง รับผิดชอบโดยตรงต่อการปฏิบัติการนอกประเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธที่หลากหลายและครบวงจร มีการพัฒนาโครงการขีปนาวุธนำวิถีพิสัยใกล้-กลาง และไกลอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการผลิตอาวุธที่สามารถโจมตีเป้าหมายในภูมิภาคได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการป้องปรามทางทหารของประเทศ

อิหร่านใช้กลยุทธ์สงครามแบบอสมมาตร (Asymmetric Warfare) ผ่านการสนับสนุนและฝึกอบรมกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง เพื่อขยายอิทธิพลและคุกคามคู่แข่งในภูมิภาค เนื่องจากการถูกคว่ำบาตรอาวุธนานหลายทศวรรษ อิหร่านจึงถูกบังคับให้ต้องพัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์เกือบทั้งหมดด้วยตนเอง รวมถึงโดรน (UAVs) และอาวุธนำวิถีที่มีประสิทธิภาพ

17. สเปน

กองทัพสเปนได้รับการจัดอันดับให้เป็น กองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 17 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.3242 สะท้อนถึงศักยภาพของสเปนในฐานะสมาชิกสำคัญขององค์กรป้องกันประเทศระดับโลกอย่าง NATO และมีขีดความสามารถที่โดดเด่นในการปฏิบัติการทางทะเล และการมีส่วนร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพนานาชาติ

กองทัพเรือสเปนถือเป็นจุดแข็งสำคัญ โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือยกพลขึ้นบกที่ทันสมัย และกองเรือดำน้ำที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการควบคุมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก กองทัพสเปนมีประสบการณ์ในการส่งกำลังไปร่วมภารกิจรักษาสันติภาพภายใต้ธงของสหประชาชาติและสหภาพยุโรปในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งเป็นการยืนยันความสามารถในการส่งกำลังบำรุงและปฏิบัติการรบในระยะไกล มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการสร้างเรือและการผลิตยุทโธปกรณ์ภาคพื้นดินบางประเภท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนกองทัพของตนเอง

18. ออสเตรเลีย

ออสเตรเลียอยู่ในอันดับที่ 18 กองทัพที่แข็งแกร่งของโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.3298 เป็นประเทศที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด และมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเส้นทางการค้าโลกที่สำคัญ ออสเตรเลียทุ่มงบประมาณจำนวนมากในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยที่สุด โดยเฉพาะเครื่องบินรบยุคที่ 5 และการลงทุนในกองทัพเรือที่มีความสามารถในการปฏิบัติการทางทะเลระยะไกล กำลังรบของออสเตรเลียอยู่ภายใต้การบริหารจัดการร่วมกันของกองทัพออสเตรเลีย

ออสเตรเลียเป็นสมาชิกของข้อตกลงความมั่นคง AUKUS ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ซึ่งทำให้ได้รับเทคโนโลยีทางทหารขั้นสูง โดยเฉพาะโครงการเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ (SSN) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันผลประโยชน์ทางทะเลในอินโด-แปซิฟิก และมีงบประมาณด้านกลาโหมสูงเมื่อเทียบกับขนาดของกำลังพล ทำให้สามารถรักษาระดับคุณภาพการฝึกและบำรุงรักษายุทโธปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมรบอยู่เสมอ

19. อียิปต์

อียิปต์เป็นมหาอำนาจทางทหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปแอฟริกาและในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีขนาดกองทัพที่ใหญ่มากและมีระบบอาวุธที่หลากหลายจากทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ทำให้อยู่ในอันดับ 19 ของโลกจากการจัดอันดับโดย Global Firepower ด้วยค่า PwrIndx 0.3427

มีกองทัพที่มีกำลังพลประจำการขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีกำลังพลสำรองจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีขีดความสามารถในการป้องกันประเทศและรับมือกับภัยคุกคามภายในและภายนอกได้อย่างครอบคลุม อียิปต์ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอาวุธตะวันตกที่ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีการจัดซื้ออาวุธจากรัสเซีย ฝรั่งเศส และจีน ทำให้มีระบบอาวุธที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน

มีการลงทุนในกองทัพเรืออย่างมาก โดยมีเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ยกพลขึ้นบกที่ทันสมัย และเรือดำน้ำหลายลำ ซึ่งจำเป็นต่อการควบคุมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง รวมถึงดูแลควบคุม คลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือและเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้กองทัพอียิปต์มีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงและการค้าระหว่างประเทศ

20. ยูเครน

ยูเครนตกอยู่ในภาวะสงครามเพื่อความอยู่รอดนับตั้งแต่การรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยรัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านกลาโหมอันดับต้น ๆ ของโลก โดยยูเครนได้รับการสนับสนุนทางการเงินและวัสดุจากตะวันตก นำโดยสหรัฐอเมริกา ในการพยายามขัดขวางการรุกคืบของเครื่องจักรสงครามขนาดใหญ่ของรัสเซีย ทำให้กองทัพยูเครนได้รับการจัดอันดับโดย GFP ให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 20 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.3755

กองทัพยูเครนมีการสั่งสมประสบการณ์การรบจริงกับกองทัพที่มีขนาดใหญ่กว่ามาเป็นเวลานาน ทำให้กำลังพลมีความพร้อมทางจิตใจและยุทธวิธีสูง โดยได้รับความช่วยเหลือทางทหารมูลค่ามหาศาลจาก NATO, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ทำให้สามารถเข้าถึงและใช้งานระบบอาวุธที่ทันสมัย ซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถในการทำสงครามให้เทียบเท่ามาตรฐานตะวันตก

นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโดรนและการทำสงครามสมัยใหม่ เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้โดรน และเทคโนโลยีการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ภาคพื้นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก กองทัพยูเครนจึงมีความโดดเด่นในด้านความพร้อมรบที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในสนามจริง และการเข้าถึงระบบอาวุธและเทคโนโลยีจากพันธมิตรตะวันตก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้กองทัพยังสามารถต่อต้านกองกำลังขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 25 จาก 145 ประเทศที่ได้รับการพิจารณา โดย Global Firepower ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.4536

ในการจัดอันดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไทยยังคงอยู่ใน อันดับที่ 3 เป็นรองเพียงอินโดนีเซีย (อันดับ 13) และเวียดนาม (อันดับ 23) เท่านั้น ค่า PwrIndx 0.4536 ของประเทศไทยสะท้อนถึงจุดแข็งทางทหารแบบดั้งเดิม และความมั่นคงในระดับภูมิภาค ไทยมีกำลังพลประจำการและกำลังพลสำรองในสัดส่วนที่สูง โดยมีจำนวน กำลังพลประจำการประมาณ 360,850 นาย และมีกำลังพลสำรองที่พร้อมถูกเรียกตัวในยามจำเป็น ทำให้มีศักยภาพในการระดมพลที่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ

และยังมีแสนยานุภาพทางเรือที่โดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเรือรบหลากหลายชนิด รวมถึงเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ เรือพิฆาต/เรือฟริเกต 7 ลำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความมั่นคงทางทะเลในอ่าวไทยและอันดามัน มีการลงทุนในยุทโธปกรณ์ที่หลากหลายและทันสมัยจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งรถถัง เครื่องบินรบ เช่น F-16, Gripen และยุทโธปกรณ์สนับสนุนอื่น ๆ เพื่อรักษาความได้เปรียบทางทหารในภูมิภาค

นอกจากนี้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกรบร่วมผสมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง Cobra Gold ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการทำงานร่วมกับกองทัพพันธมิตรระดับโลก ทำให้ยังคงสถานะเป็นหนึ่งในกำลังทหารหลักของภูมิภาค

ที่มา : Global Firepower

Advertisement

แชร์
ไทยอยู่อันดับไหนของโลก? ส่องอันดับกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปี2025