
ส่อง 20 อันดับ มหาอำนาจโลกทางการทหาร ที่มี "กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ปี 2025" สหรัฐฯ-รัสเซีย-จีน ยึดท็อป 3 ประเทศไทยอยู่อันดับไหนของโลก?
ปี พ.ศ. 2568 ยังเป็นปีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยความขัดแย้งส่วนใหญ่เป็นความต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า หรือเป็นผลจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สะสมมานาน แล้วรู้หรือไม่ว่าประเทศใดในโลกนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็น ประเทศที่มีความแข็งแกร่งทางการทหารมากที่สุด?
การประเมินกำลังทหารโลก จากแหล่งที่น่าเชื่อถือที่ถูกอ้างอิงและนำไปใช้มากที่สุด ได้แก่ ดัชนี Global Firepower Index (GFP) ที่ทำการจัดอันดับประเทศต่าง ๆ กว่า 145 ประเทศตามความสามารถในการทำสงคราม ซึ่งได้พิจารณาปัจจัยมากกว่า 60 ประการในการกำหนดคะแนน ดัชนีอำนาจ (PowerIndex หรือ PwrIndx) ซึ่งครอบคลุมทั้งปัจจัยกำลังพล, ยุทโธปกรณ์, ทรัพยากรธรรมชาติ, การเงิน, และภูมิศาสตร์ ทั้งนี้การจัดอันดับนี้ คะแนนที่ยิ่งต่ำ จะหมายถึงศักยภาพทางทหารที่สูงกว่า
กองทัพสหรัฐอเมริกาได้รับการจัดอันดับโดย Global Firepower (GFP) ให้เป็น กองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ประจำปี 2025 อย่างต่อเนื่อง ด้วยค่า PowerIndex (PwrIndx) ที่ 0.0744 ค่าคะแนนที่ต่ำที่สุดในโลกนี้ ตอกย้ำถึงสถานะของสหรัฐฯ ในฐานะมหาอำนาจทางทหารที่ไม่มีใครเทียบได้ในปัจจุบัน ทั้งในเชิงคุณภาพของเทคโนโลยีและเชิงปริมาณของอาวุธยุทโธปกรณ์ มีงบประมาณด้านกลาโหมสูงที่สุดในโลก ทำให้สามารถลงทุนในโครงการวิจัย พัฒนา และจัดซื้อเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี เครื่องบินขับไล่สเตลท์ เช่น F-22, F-35 เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นเป็นประเทศเดียวที่มีหลายลำ หรือแม้แต่เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนรุ่นใหม่อย่าง B-21 Raider
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังมีกองเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก รวมถึงมีเครือข่ายฐานทัพทหารทั่วโลก ทำให้มีความสามารถในการส่งกองกำลังและปฏิบัติการทางทหารได้ในทุกจุดของโลก มีกองทัพอากาศที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเครื่องบินที่มากที่สุดและทันสมัยที่สุด และกองทัพเรือที่มีความสามารถในการควบคุมทะเล และฉายอำนาจไปทั่วโลกได้อย่างเหนือกว่าคู่แข่งทั้งหมด
กองทัพรัสเซียเป็นกองทัพที่มีความสามารถในการทำสงครามแบบครบวงจร และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทรงอานุภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านยุทธศาสตร์นิวเคลียร์และกำลังภาคพื้นดิน ทำให้ยังคงอยู่ในตำแหน่งที่ 2 ของการจัดอันดับโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.0788
แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากสงครามที่ยืดเยื้อในยุโรปตะวันออก แต่ก็ยังคงความแข็งแกร่งไว้ได้ด้วยปัจจัยทางประวัติศาสตร์ ขนาดของกำลังพล และศักยภาพทางยุทธศาสตร์ที่โดดเด่น และเป็นหนึ่งในสองประเทศที่มีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทียบเท่ากับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการป้องปรามในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
มีกำลังพลสำรองที่พร้อมระดมพลจำนวนมหาศาล และมีจำนวนรถถัง รถหุ้มเกราะ และปืนใหญ่ที่มากที่สุดในโลก ทำให้มีความสามารถในการทำสงครามภาคพื้นดินขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาวุธรายใหญ่ของโลก สามารถผลิตเครื่องบินรบ เรือรบ และระบบขีปนาวุธที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง และอาวุธทางยุทธศาสตร์อื่น ๆ ที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโลก
กองทัพจีนเป็นกองทัพที่โดดเด่นในด้านขนาดกำลังพล และการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด โดยมีเป้าหมายหลักคือการควบคุมพื้นที่ทางทะเลในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และเป็นมหาอำนาจคู่แข่งของสหรัฐฯ ในเวทีโลก เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.0788 คะแนนที่ใกล้เคียงกับรัสเซีย แสดงให้เห็นถึงการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของกองทัพจีนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะทัดเทียมหรือแซงหน้ามหาอำนาจตะวันตกในด้านความสามารถทางทหารและเทคโนโลยี
ด้วยงบประมาณกลาโหมที่สูงเป็นอันดับสองของโลก และมีกำลังพลประจำการมากที่สุด ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณกลาโหมสูงเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้สามารถจัดซื้อ จัดจ้าง และพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างไม่จำกัด จีนเดินหน้าลงทุนอย่างมหาศาลในด้านขีดความสามารถทางทหารและการพัฒนาควบคู่ไปกับศักยภาพทางอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงอย่างจริงจัง เพื่อขยายอำนาจทางยุทธศาสตร์และตอบโต้ภัยคุกคามจากภายนอก
กองทัพอินเดียได้รับการจัดอันดับโดย GFP ให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1184 สะท้อนถึงศักยภาพทางทหารที่ครอบคลุมและสมดุลของอินเดียในหลายมิติ ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนมหาศาล และการขยายขีดความสามารถในการป้องกันตนเองและปฏิบัติการในระดับภูมิภาค
ปัจจัยหลักที่หนุนให้กองทัพอินเดียแข็งแกร่ง ได้แก่ ปัจจัยด้านกำลังพลขนาดใหญ่ มีกำลังพลสำรองที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ประมาณ 1.15 ล้านนาย และมีกำลังพลประจำการที่มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ประมาณ 1.45 ล้านนาย ทำให้มีความสามารถในการทำสงครามที่ยืดเยื้อและครอบคลุมพื้นที่กว้าง
นอกจากนี้กองทัพเรืออินเดียถือเป็นกองทัพเรือน้ำลึก (Blue-Water Navy) ที่มีความสำคัญ มีเรือบรรทุกเครื่องบินที่ผลิตเองภายในประเทศ และมีกองเรือดำน้ำที่แข็งแกร่ง ซึ่งจำเป็นต่อการควบคุมมหาสมุทรอินเดีย เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้จ่ายงบประมาณทางทหารสูงที่สุดในโลก และพยายามปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตนเอง แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียใต้และเป็นผู้เล่นหลักในเวทีโลก
กองทัพเกาหลีใต้ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 5 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1656 เป็นมหาอำนาจด้านการป้องกันประเทศของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยทัดเทียมกับเกาหลีเหนือคู่แข่งในภูมิภาค ประเทศนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมหาอำนาจด้านการป้องกันประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งช่วยเสริมสร้างการป้องปรามต่อการเติบโตของจีน มีฐานอุตสาหกรรมทางทหารที่แข็งแกร่งและเติบโตเต็มที่ ทำให้สามารถผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับสนามรบได้เองภายในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการในท้องถิ่น เช่น การพัฒนาและผลิตด้านการบิน ยานเกราะ อาวุธขนาดเล็ก และการต่อเรือด้วยตนเอง
กองกำลังรบของเกาหลีใต้ได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ชื่อกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี ประกอบด้วย 3 เหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศ สาธารณรัฐเกาหลี (RoKAF) กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี (RoKA รวมถึงนาวิกโยธินสาธารณรัฐเกาหลี) และกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี (RoKN) ระบบป้องกันประเทศของเกาหลีใต้ประกอบด้วยยุทโธปกรณ์ทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและมีการจัดระเบียบในด้านขีดความสามารถในการทำสงคราม โดยครอบคลุมทั้งแนวทางการรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านกลุ่มยุทโธปกรณ์ที่คัดสรรมาอย่างดีในสนามรบ
สหราชอาณาจักรมีกองทัพที่มีความซับซ้อนและมีศักยภาพในการปฏิบัติการทั่วโลก รวมถึงมีเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัย ด้วยเหตุนี้ สหราชอาณาจักรจึงยังคงครองตำแหน่งสูงสุดในกลุ่มมหาอำนาจด้านการป้องกันประเทศของยุโรปอย่างต่อเนื่องทุกปี และในปี 2025 อยู่ในอันดับที่ 6 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1785
มีกองกำลังรบของสหราชอาณาจักรได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ชื่อกองทัพอังกฤษ และประกอบด้วยสามเหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศ (RAF) กองทัพบก และกองทัพเรือ (RN) มีระบบป้องกันประเทศของสหราชอาณาจักรประกอบด้วยสินทรัพย์ทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและมีการจัดระเบียบในด้านขีดความสามารถในการทำสงคราม โดยครอบคลุมทั้งโซลูชันเชิงรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านกลุ่มยุทธภัณฑ์ในสนามรบที่คัดสรรมาอย่างดี
กองทัพฝรั่งเศสได้รับการจัดอันดับให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1878 สะท้อนถึงสถานะของฝรั่งเศสในฐานะมหาอำนาจทางทหารระดับโลก โดยเป็นกองทัพที่มีความทันสมัย มีความสามารถในการปฏิบัติการภารกิจขนาดใหญ่ และเป็นผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นนำ
ฝรั่งเศสมีกองกำลังที่มีความคล่องตัวสูงและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติการรบในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกาและตะวันออกกลาง อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาวุธรายใหญ่ของโลก ตั้งแต่เครื่องบินรบไปจนถึงเรือรบ เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์และกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่ช่วยเสริมศักยภาพทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงของยุโรป และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในภารกิจของ NATO ในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในยุโรปและเวทีโลกอีกด้วย
ประเทศญี่ปุ่นมีกองกำลังป้องกันตนเองที่มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีสูง และความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศที่เป็นประโยชน์กับสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1839 นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังมีฐานอุตสาหกรรมทางทหารที่แข็งแกร่งและเติบโตเต็มที่ ทำให้สามารถผลิตยุทโธปกรณ์สำหรับการรบได้มากขึ้นในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการในท้องถิ่น
กองกำลังรบของญี่ปุ่นได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ชื่อกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น และประกอบด้วย 3 เหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JASDF), กองทัพบกป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JGSDF) และกองทัพเรือป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JMSDF)
กองทัพตุรกี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 9 ของโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.1902 สะท้อนให้เห็นถึงบทบาททางทหารที่สำคัญยิ่งในฐานะสมาชิกหลักของ NATO ที่มีความสามารถในการปฏิบัติการที่หลากหลาย และมีอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสามารถในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เองสูงมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีโดรนติดอาวุธ (UAVs) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และถูกส่งออกไปยังหลายประเทศ ซึ่งทำให้ตุรกีเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโดรนที่ได้รับการพิสูจน์ในสนามรบจริง มีกองทัพที่มีกำลังพลประจำการขนาดใหญ่ และมีความพร้อมรบในทุกเหล่าทัพ ทั้งกองทัพบกที่แข็งแกร่ง และกองทัพเรือที่มีบทบาทในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
อิตาลีขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศมหาอำนาจเงียบในการจัดอันดับของ Global Firepower ประจำปี โดยได้ก้าวมาอยู่ในอันดับ 10 อันดับแรกในปี 2023 และรักษาอันดับที่ 10 มาได้โดยตลอด ประเทศนี้ยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญในยุโรป และเป็นพันธมิตรที่ทรงอิทธิพลของ NATO
มีกองทัพเรือที่มีความสามารถสูง โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือพิฆาต เรือฟริเกต และเรือดำน้ำที่ทันสมัย ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการควบคุมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่ก้าวหน้า โดยเฉพาะด้านการบินและอวกาศ รวมถึงการมีส่วนร่วมในโครงการเครื่องบินรบยุโรปและสหรัฐฯ เช่น F-35 กองทัพบกอิตาลีมีการจัดระเบียบที่ดีและมีประสบการณ์ในการเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพและการปฏิบัติการในต่างประเทศหลายแห่ง มีจุดแข็งที่สำคัญในด้านแสนยานุภาพทางทะเลและอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธที่พึ่งพาตนเองได้ ทำให้เป็นกองกำลังที่มีความน่าเชื่อถือในภูมิภาคยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน
กองทัพบราซิลได้รับการจัดอันดับโดย GFP ให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.2415 เป็นมหาอำนาจทางทหารที่โดดเด่นที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา และเป็นหนึ่งในกองกำลังขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมสูงในการป้องกันอธิปไตยและการรักษาความมั่นคงในระดับภูมิภาค มีกำลังพลสำรองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา และมีกองทัพที่ต้องรับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป่าอะเมซอน และชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก อีกทั้งยังมีอุตสาหกรรมการบินที่ก้าวหน้า ผลิตเครื่องบินที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศและช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า มีขีดความสามารถในการป้องกันตนเองได้อย่างครอบคลุม โดยเน้นการรักษาความมั่นคงภายในประเทศและมีศักยภาพในการขยายบทบาทในภูมิภาค
คู่แข่งสำคัญของอินเดีย และมีบทบาททางยุทธศาสตร์ในเอเชียใต้ ยุทโธปกรณ์ทางทหารส่วนใหญ่ที่ปากีสถานพัฒนาขึ้นในปัจจุบันมาจากจีน ความสัมพันธ์นี้ยังช่วยยกระดับฐานอุตสาหกรรมทางทหารในประเทศ เนื่องจากมีการผลิตสินค้าในประเทศมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ
กองกำลังรบของปากีสถานอยู่ภายใต้การบริหารจัดการร่วมกันของกองทัพปากีสถาน ซึ่งประกอบด้วย 3 เหล่าทัพหลัก ได้แก่กองทัพอากาศปากีสถาน (PAF) กองทัพบกปากีสถาน (PA) และกองทัพเรือปากีสถาน (PN) มีระบบป้องกันประเทศของปากีสถานประกอบด้วยกำลังทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและมีการจัดระเบียบเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการทำสงคราม โดยครอบคลุมทั้งการแก้ปัญหาเชิงรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านยุทธวิธีในสนามรบที่คัดสรรมาอย่างดี
กองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.2557 โดยมีศักยภาพที่สูงมากในการควบคุมพื้นที่ทางทะเลและรักษาความมั่นคงของหมู่เกาะขนาดใหญ่ อินโดนีเซียมีประชากรจำนวนมาก ทำให้มีฐานกำลังพลสำรองที่ใหญ่มาก และมีกำลังกึ่งทหารที่พร้อมสนับสนุนกองทัพ ซึ่งจำเป็นสำหรับการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ อินโดนีเซียตั้งอยู่บนเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญของโลก ทำให้มีความจำเป็นต้องรักษาสมดุลทางทหารและมีขีดความสามารถในการป้องกันผลประโยชน์ของตนเอง เนื่องจากเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่มีพรมแดนทางทะเลยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กองทัพเรืออินโดนีเซียจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีการลงทุนในกองเรือฟริเกต เรือดำน้ำ และเรือคอร์เวต เพื่อรักษาเส้นทางการเดินเรือและอธิปไตยทางทะเล
นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัย และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยพยายามสร้างความสามารถในการผลิตอาวุธเองมากขึ้น ทำให้เป็น มหาอำนาจทางทหารเบอร์หนึ่งของอาเซียนอย่างไม่มีข้อกังขา
กองทัพเยอรมนีแข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 14 ของโลก ประจำปี 2025 จากค่า PwrIndx ที่ 0.2601 เยอรมนีเป็นศูนย์กลางของสงครามโลกทั้งสองครั้งในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และยังคงมีอิทธิพลต่อภูมิภาคในฐานะผู้นำในกิจกรรมของสหภาพยุโรป ภายใต้เงาของสงครามที่เกิดขึ้นทางตะวันออก การพัฒนาให้ทันสมัยเป็นกุญแจสำคัญของประเทศในการก้าวผ่านทศวรรษปัจจุบันไปสู่ทศวรรษหน้า กำลังรบของเยอรมนีได้รับการบริหารจัดการร่วมกันภายใต้ Bundeswehr หรือกองกำลังป้องกันประเทศแห่งสหพันธรัฐเยอรมนี ซึ่งประกอบด้วย 6 เหล่าทัพหลัก ได้แก่ Luftwaffe (กองทัพอากาศเยอรมัน) , Heer (กองทัพบกเยอรมัน) , Deutsche Marine (กองทัพเรือเยอรมัน) , กองสนับสนุนร่วม, กองแพทย์ร่วม และกองบัญชาการด้านไซเบอร์และสารสนเทศ กองกำลังป้องกันประเทศในรูปแบบหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ครอบคลุมทั้งการรุกและการป้องปรามทั่วไปผ่านยุทธวิธีในสนามรบ
อิสราเอล มีค่า PwrIndx ที่ 0.2611 แม้ว่าอันดับจะไม่สูงเท่ากับมหาอำนาจขนาดใหญ่ แต่ค่าคะแนนนี้สะท้อนถึงศักยภาพทางทหารที่ โดดเด่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อเทียบกับขนาดของประเทศ อิสราเอลมีกองทัพที่มีประสบการณ์การรบสูงและเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัย มีระบบป้องกันประเทศของอิสราเอลด้วยกำลังทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สอดคล้องกับตะวันตกและเป็นระบบระเบียบในการวางแผนการรบ
และยังได้ชื่อว่าเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการทหารและการป้องกันประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบต่อต้านขีปนาวุธที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Iron Dome (โดมเหล็ก) และระบบอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง อิสราเอลได้รับความช่วยเหลือทางการทหารและเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยเสริมให้กองทัพอากาศและกองทัพบกมีความทันสมัยและพร้อมรบอยู่เสมอ มีระบบการเกณฑ์ทหารที่เข้มงวดทั้งชายและหญิง และมีกำลังพลสำรองที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถระดมพลเข้าสู่สนามรบได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์ฉุกเฉิน
อิหร่านในฐานะ มหาอำนาจทางทหารในตะวันออกกลาง ที่มีความโดดเด่นในด้านกำลังพลขนาดใหญ่ และการพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธที่พึ่งพาตนเองได้ จึงได้อยู่ในอันดับที่ 16 กองทัพที่แข็งแกร่งของโลก ประจำปี 2025 จากค่า PwrIndx ที่ 0.3048
แม้จะอยู่ภายใต้การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและอาวุธมาอย่างยาวนาน แต่อิหร่านมีกำลังพลประจำการและกำลังพลสำรองจำนวนมาก และที่สำคัญมีกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolutionary Guard Corps - IRGC) ซึ่งเป็นกองกำลังคู่ขนานที่มีอิทธิพลสูง รับผิดชอบโดยตรงต่อการปฏิบัติการนอกประเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีขีปนาวุธที่หลากหลายและครบวงจร มีการพัฒนาโครงการขีปนาวุธนำวิถีพิสัยใกล้-กลาง และไกลอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการผลิตอาวุธที่สามารถโจมตีเป้าหมายในภูมิภาคได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการป้องปรามทางทหารของประเทศ
อิหร่านใช้กลยุทธ์สงครามแบบอสมมาตร (Asymmetric Warfare) ผ่านการสนับสนุนและฝึกอบรมกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง เพื่อขยายอิทธิพลและคุกคามคู่แข่งในภูมิภาค เนื่องจากการถูกคว่ำบาตรอาวุธนานหลายทศวรรษ อิหร่านจึงถูกบังคับให้ต้องพัฒนาและผลิตยุทโธปกรณ์เกือบทั้งหมดด้วยตนเอง รวมถึงโดรน (UAVs) และอาวุธนำวิถีที่มีประสิทธิภาพ
กองทัพสเปนได้รับการจัดอันดับให้เป็น กองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 17 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.3242 สะท้อนถึงศักยภาพของสเปนในฐานะสมาชิกสำคัญขององค์กรป้องกันประเทศระดับโลกอย่าง NATO และมีขีดความสามารถที่โดดเด่นในการปฏิบัติการทางทะเล และการมีส่วนร่วมในภารกิจรักษาสันติภาพนานาชาติ
กองทัพเรือสเปนถือเป็นจุดแข็งสำคัญ โดยมีเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือยกพลขึ้นบกที่ทันสมัย และกองเรือดำน้ำที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการควบคุมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก กองทัพสเปนมีประสบการณ์ในการส่งกำลังไปร่วมภารกิจรักษาสันติภาพภายใต้ธงของสหประชาชาติและสหภาพยุโรปในหลายพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งเป็นการยืนยันความสามารถในการส่งกำลังบำรุงและปฏิบัติการรบในระยะไกล มีอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการสร้างเรือและการผลิตยุทโธปกรณ์ภาคพื้นดินบางประเภท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนกองทัพของตนเอง
ออสเตรเลียอยู่ในอันดับที่ 18 กองทัพที่แข็งแกร่งของโลก ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.3298 เป็นประเทศที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุด และมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเส้นทางการค้าโลกที่สำคัญ ออสเตรเลียทุ่มงบประมาณจำนวนมากในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยที่สุด โดยเฉพาะเครื่องบินรบยุคที่ 5 และการลงทุนในกองทัพเรือที่มีความสามารถในการปฏิบัติการทางทะเลระยะไกล กำลังรบของออสเตรเลียอยู่ภายใต้การบริหารจัดการร่วมกันของกองทัพออสเตรเลีย
ออสเตรเลียเป็นสมาชิกของข้อตกลงความมั่นคง AUKUS ร่วมกับสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ซึ่งทำให้ได้รับเทคโนโลยีทางทหารขั้นสูง โดยเฉพาะโครงการเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ (SSN) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันผลประโยชน์ทางทะเลในอินโด-แปซิฟิก และมีงบประมาณด้านกลาโหมสูงเมื่อเทียบกับขนาดของกำลังพล ทำให้สามารถรักษาระดับคุณภาพการฝึกและบำรุงรักษายุทโธปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมรบอยู่เสมอ
อียิปต์เป็นมหาอำนาจทางทหารที่ทรงอิทธิพลที่สุดในทวีปแอฟริกาและในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีขนาดกองทัพที่ใหญ่มากและมีระบบอาวุธที่หลากหลายจากทั้งสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ทำให้อยู่ในอันดับ 19 ของโลกจากการจัดอันดับโดย Global Firepower ด้วยค่า PwrIndx 0.3427
มีกองทัพที่มีกำลังพลประจำการขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีกำลังพลสำรองจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีขีดความสามารถในการป้องกันประเทศและรับมือกับภัยคุกคามภายในและภายนอกได้อย่างครอบคลุม อียิปต์ได้รับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอาวุธตะวันตกที่ทันสมัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีการจัดซื้ออาวุธจากรัสเซีย ฝรั่งเศส และจีน ทำให้มีระบบอาวุธที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน
มีการลงทุนในกองทัพเรืออย่างมาก โดยมีเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ยกพลขึ้นบกที่ทันสมัย และเรือดำน้ำหลายลำ ซึ่งจำเป็นต่อการควบคุมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดง รวมถึงดูแลควบคุม คลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือและเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้กองทัพอียิปต์มีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงและการค้าระหว่างประเทศ
ยูเครนตกอยู่ในภาวะสงครามเพื่อความอยู่รอดนับตั้งแต่การรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 โดยรัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านกลาโหมอันดับต้น ๆ ของโลก โดยยูเครนได้รับการสนับสนุนทางการเงินและวัสดุจากตะวันตก นำโดยสหรัฐอเมริกา ในการพยายามขัดขวางการรุกคืบของเครื่องจักรสงครามขนาดใหญ่ของรัสเซีย ทำให้กองทัพยูเครนได้รับการจัดอันดับโดย GFP ให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 20 ของโลก ประจำปี 2025 ด้วยค่า PwrIndx ที่ 0.3755
กองทัพยูเครนมีการสั่งสมประสบการณ์การรบจริงกับกองทัพที่มีขนาดใหญ่กว่ามาเป็นเวลานาน ทำให้กำลังพลมีความพร้อมทางจิตใจและยุทธวิธีสูง โดยได้รับความช่วยเหลือทางทหารมูลค่ามหาศาลจาก NATO, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ทำให้สามารถเข้าถึงและใช้งานระบบอาวุธที่ทันสมัย ซึ่งช่วยยกระดับขีดความสามารถในการทำสงครามให้เทียบเท่ามาตรฐานตะวันตก
นอกจากนี้ยังมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโดรนและการทำสงครามสมัยใหม่ เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้โดรน และเทคโนโลยีการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ภาคพื้นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก กองทัพยูเครนจึงมีความโดดเด่นในด้านความพร้อมรบที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในสนามจริง และการเข้าถึงระบบอาวุธและเทคโนโลยีจากพันธมิตรตะวันตก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้กองทัพยังสามารถต่อต้านกองกำลังขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการจัดอันดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ไทยยังคงอยู่ใน อันดับที่ 3 เป็นรองเพียงอินโดนีเซีย (อันดับ 13) และเวียดนาม (อันดับ 23) เท่านั้น ค่า PwrIndx 0.4536 ของประเทศไทยสะท้อนถึงจุดแข็งทางทหารแบบดั้งเดิม และความมั่นคงในระดับภูมิภาค ไทยมีกำลังพลประจำการและกำลังพลสำรองในสัดส่วนที่สูง โดยมีจำนวน กำลังพลประจำการประมาณ 360,850 นาย และมีกำลังพลสำรองที่พร้อมถูกเรียกตัวในยามจำเป็น ทำให้มีศักยภาพในการระดมพลที่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ
และยังมีแสนยานุภาพทางเรือที่โดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเรือรบหลากหลายชนิด รวมถึงเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ เรือพิฆาต/เรือฟริเกต 7 ลำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความมั่นคงทางทะเลในอ่าวไทยและอันดามัน มีการลงทุนในยุทโธปกรณ์ที่หลากหลายและทันสมัยจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งรถถัง เครื่องบินรบ เช่น F-16, Gripen และยุทโธปกรณ์สนับสนุนอื่น ๆ เพื่อรักษาความได้เปรียบทางทหารในภูมิภาค
นอกจากนี้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกรบร่วมผสมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง Cobra Gold ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการทำงานร่วมกับกองทัพพันธมิตรระดับโลก ทำให้ยังคงสถานะเป็นหนึ่งในกำลังทหารหลักของภูมิภาค
ที่มา : Global Firepower
Advertisement