Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทรัมป์อ้างช่วยหยุด 8 สงคราม รวมถึงไทย-กัมพูชา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทรัมป์อ้างช่วยหยุด 8 สงคราม รวมถึงไทย-กัมพูชา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?

17 ธ.ค. 68
14:11 น.
แชร์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาประกาศว่า เขาสามารถยุติสงครามไปได้แล้วถึง 8 สงคราม โดยตัวเขาเองยกย่องความสำเร็จเหล่านี้ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาพูดอยู่เสมอว่าบทบาทของเขาในการเข้าไปเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยสร้างสันติภาพในทั่วทุกมุมโลก น่าจะทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ

แต่การปะทะกันริมชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชารอบล่าสุด เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือน หลังจากทรัมป์เป็นตัวกลางในการดึงไทยและกัมพูชาเข้าสู่ข้อตกลงสันติภาพและการหยุดยิง ซึ่งความขัดแย้งของไทยและกัมพูชากลายเป็นอีกหนึ่ง “สงคราม” ที่ทรัมป์อ้างว่า ตัวเขาทำให้สงบลงและสร้างสันติภาพอีกครั้ง 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์โพสต์ข้อความอ้างว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงกัน หลังเขายกหูโทรศัพท์หารือกับผู้นำของทั้งสองประเทศ แต่ไทยและกัมพูชายังไม่ได้เข้าสู่การหยุดยิงจริง ซึ่งการที่ทรัมป์ไม่สามารถแทรกแซงไทยและกัมพูชาได้ อาจจะสะท้อนว่าอำนาจและอิทธิพลของสหรัฐฯ เองก็มีจำกัด 

Spotlight รวบรวมมาให้ว่า นอกจากไทยและกัมพูชาแล้ว อีก 7 สงครามที่ทรัมป์อ้างว่าเขามีบทบาทสำคัญในการยุติคืออะไรบ้าง และในความเป็นจริงแล้ว ในบรรดาสงครามที่ว่า ทรัมป์สามารถสร้างสันติภาพได้จริงหรือ? 

สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก–รวันดา

ประธานาธิบดีเฟลิกซ์ ชิเซเคดี ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และประธานาธิบดีพอล คากาเม ของรวันดา เข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงเมื่อต้นเดือนธันวาคมผ่านมา โดยข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะครอบคลุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการสนับสนุนโอกาสการลงทุนในภาคแร่ธาตุสำคัญ พลังงาน และการท่องเที่ยว

ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังความพยายามสร้างสันติภาพตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีสหรัฐอเมริกา สหภาพแอฟริกา และกาตาร์เป็นตัวกลาง ภายหลังจากที่ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งมุ่งเน้นการประสานงานด้านความมั่นคง คำมั่นของรัฐในการยุติการสนับสนุนอาวุธให้กับกลุ่มท้องถิ่น และการรับรองการส่งตัวผู้ลี้ภัยที่พลัดถิ่นตั้งแต่เหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาปี 1994 กลับถิ่นฐานเดิม

โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาชื่นชมข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็น “ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสันติภาพ” 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและนักการทูตบางส่วนแสดงท่าทีระมัดระวังมากกว่า โดยชี้ว่า หนึ่งในคู่ขัดแย้งหลักอย่างกลุ่มกบฏเอ็ม23 (M23) ไม่ได้เป็นภาคีในข้อตกลงที่สหรัฐฯ เป็นตัวกลาง และกลุ่มดังกล่าวก็ยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่อไป

มิเชลล์ กาวิน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำบอตสวานา และอดีตสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติในสมัยรัฐบาลบารัก โอบามา มองว่า ข้อตกลงนี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง เพราะกองกำลังติดอาวุธยังไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ตะวันออกของคองโกภายหลังการลงนามข้อตกลงดังกล่าว

สงครามในฉนวนกาซา

อิสราเอลและกลุ่มฮามาสประกาศเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ทั้งสองฝ่ายยอมรับข้อตกลงหยุดยิง เพื่อยุติสงครามอันยืดเยื้อกว่า 2 ปีในฉนวนกาซา ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นคน และทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก นับตั้งแต่นั้นมา ฮามาสได้ส่งตัวประกันชาวอิสราเอลที่ยังมีชีวิตทั้งหมดกลับประเทศ รวมถึงคืนร่างของตัวประกันชาวอิสราเอลเกือบทั้งหมด เหลือเพียง 1 รายเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับการส่งคืน

อย่างไรก็ตาม อิสราเอลยังคงโจมตีเป้าหมายบางแห่งในฉนวนกาซาด้วยการโจมตีทางอากาศ ซึ่งฮามาสระบุว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง แต่โดยภาพรวม ข้อตกลงดังกล่าวยังคงมีผลบังคับใช้

ดังนั้น อนาคตของฉนวนกาซายังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงยังขาดรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านจากระยะแรกไปสู่ระยะที่สอง ซึ่งคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องหารือในประเด็นสำคัญ เช่น การปลดอาวุธฮามาส การบริหารปกครองฉนวนกาซา ความมั่นคงในพื้นที่ และการฟื้นฟูบูรณะต่อในอนาคต 

อาร์เมเนีย–อาเซอร์ไบจาน

หลังความขัดแย้งยืดเยื้อมานานกว่า 4 ทศวรรษ ผู้นำอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียได้ลงนามข้อตกลง ซึ่งรวมถึงกรอบสันติภาพเพื่อยุติปัญหานากอร์โน-คาราบัคห์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวในพิธีลงนามว่า “พวกเขาต่อสู้กันมานานถึง 35 ปี และตอนนี้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว และจะเป็นเพื่อนกันไปอีกยาวนาน”

ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐฯ ได้รับสิทธิพิเศษในการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมอาเซอร์ไบจานกับดินแดนนาคชีวาน ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษที่อุดมไปด้วยพลังงาน ตั้งอยู่ระหว่างอาร์เมเนีย อิหร่าน และตุรกี เส้นทางดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า “เส้นทางทรัมป์เพื่อสันติภาพและความมั่งคั่งระหว่างประเทศ” (Trump Route for International Peace and Prosperity: TRIPP) 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายลงนามเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่ใช่ข้อตกลงสันติภาพอย่างสมบูรณ์

คาซาร์ อิบราฮิม เอกอัครราชทูตอาเซอร์ไบจานประจำสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงที่ทรัมป์เป็นตัวกลางไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ และอาเซอร์ไบจานยังไม่สามารถลงนามข้อตกลงสันติภาพได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญของอาร์เมเนียยังมีการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนที่อาเซอร์ไบจานถือว่าเป็นของตน

อย่างไรก็ตาม เขาแสดงความเชื่อมั่นว่า ความพยายามของทรัมป์จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่สงบมากขึ้นระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนีย 

ซอร์เบีย–โคโซโว

แม้เซอร์เบียและโคโซโวจะไม่ได้มีการสู้รบโดยตรงนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ตัวเขาเองได้ช่วยป้องกันไม่ให้ความรุนแรงรอบใหม่ปะทุขึ้น

ประธานาธิบดีโคโซโวสนับสนุนคำกล่าวอ้างของทรัมป์ โดยระบุว่า เซอร์เบียมีแผนจะโจมตีโคโซโวในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ทรัมป์จะเข้ามาแทรกแซง และยกย่องทรัมป์ว่ามีบทบาทในการป้องกันการเกิดสงคราม แต่ระบุว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมได้ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวยังเป็น “ความลับ” ขณะที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูชิช ของเซอร์เบีย ปฏิเสธว่าไม่มีแผนโจมตีโคโซโวแต่อย่างใด

อียิปต์–เอธิโอเปีย

ทำเนียบขาวระบุว่า ได้ช่วยคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างอียิปต์และเอธิโอเปีย จากข้อพิพาทเรื่องเขื่อนที่ยืดเยื้อมานาน แต่ในกรณีนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรม

อียิปต์และเอธิโอเปียขัดแย้งกันมาหลายปีในประเด็นสิทธิการใช้น้ำ และโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำแกรนด์เอธิโอเปียนเรอเนสซองส์ (GERD) บนแม่น้ำบลูไนล์ ซึ่งเป็นสาขาหลักของแม่น้ำไนล์ตอนต้นน้ำ โดยอียิปต์กังวลว่าเขื่อนดังกล่าว ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อราว 14 ปีก่อน อาจกระทบต่อปริมาณน้ำไนล์ที่ประเทศควรได้รับ

ทรัมป์เคยพยายามเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยข้อพิพาทนี้ในสมัยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีวาระแรก แต่การเจรจาหยุดชะงักลง ยังไม่ชัดเจนว่าการหารือได้กลับมาเดินหน้ามากน้อยเพียงใดในวาระที่สองของเขา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศเริ่มผ่อนคลายลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปริมาณฝนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยอียิปต์กังวลเป็นหลักเกี่ยวกับวิธีที่เอธิโอเปียจะบริหารจัดการเขื่อนในช่วงภัยแล้ง

อิสราเอล–อิหร่าน

หลังการสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอลยืดเยื้อนาน 12 วันในเดือนมิถุนายน ซึ่งเริ่มต้นจากการที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน และลุกลามไปสู่ความขัดแย้งที่รวมถึงการโจมตีของสหรัฐฯ ต่อเป้าหมายสำคัญในโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ผลักดันให้เกิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

อินเดีย-ปากีสถาน

หลังการปะทะกันนาน 10 วันระหว่างอินเดียและปากีสถาน ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า เขาเป็นผู้สกัดไม่ให้สถานการณ์บานปลายจากการตอบโต้ไปมาที่อาจยกระดับความรุนแรง

ปากีสถานยกย่องทรัมป์ในฐานะผู้สร้างสันติภาพ ขณะที่อินเดียปฏิเสธบทบาทของสหรัฐฯ ในกระบวนการดังกล่าว ซึ่งท่าทีนี้ของอินเดียถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เริ่มห่างเหินลง

ทรัมป์แสดงความไม่พอใจที่ไม่ได้รับเครดิตจากการหยุดยิงดังกล่าว และในเดือนสิงหาคมได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากอินเดียในอัตราสูงถึง 50% ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้า ซึ่งส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของอินเดีย


แชร์
ทรัมป์อ้างช่วยหยุด 8 สงคราม รวมถึงไทย-กัมพูชา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?