Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อเมริกากำลังSetup ระบบการเงินใหม่ด้วย Bitcoin และ Stablecoin สู้กับจีน
โดย : นเรศ เหล่าพรรณราย

อเมริกากำลังSetup ระบบการเงินใหม่ด้วย Bitcoin และ Stablecoin สู้กับจีน

16 ต.ค. 68
12:01 น.
แชร์

นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขามีนโยบายชัดเจนในการแข่งขันกับประเทศจีนผ่านสงครามการค้าตลอดจนการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยี แต่ยังมีอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทรัมป์อาจหยิบขึ้นมาใช้ต่อสู้กับจีนรวมถึงชาติที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นคือการ Setup ระบบการเงินใหม่ผ่าน Bitcoin และ Stablecoin

นโยบายที่ชัดเจนที่สุดคือการจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์และกฎหมาย GENIUS Act ที่อนุญาตให้สามารถสร้าง Stablecoin ที่อิงกับสกุลเงินดอลลาร์ ถือเป็นสองนโยบายที่ผลักดันตลาดคริปโตให้เติบโตนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง

เริ่มที่การจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์ซึ่งมีเป้าหมายที่จะถือครองบิทคอยน์ให้ได้ 1 ล้าน BTC จากปัจจุบันมีอยู่ 200,000 BTC จากการยึดมาจากธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งมูลค่าการถือครองบิทคอยน์ที่จะเกิดขึ้นอาจจะสามารถลดหนี้สาธารณะของสหรัฐฯลงได้

ปัจจุบันนี้ สหรัฐฯมีหนี้สาธารณะมูลค่ากว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 122% ของจีดีพี แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นในประเทศเองจากการออกพันธบัตรรัฐบาลโดยผู้ถือพันธบัตร 75% คือนักลงทุนสหรัฐฯเองอย่างเช่นพวกกองทุนบำเหน็จบำนาญและหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่วนที่เหลือ 25% คือสัดส่วนของต่างชาติโดยญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนอันดับหนึ่ง

การก่อหนี้เพิ่มเติมได้ทันทีโดยไม่มีข้อจำกัดทำให้สถานะของสหรัฐฯที่ผ่านมาคือการออกหนี้ใหม่เพื่อใช้หนี้เดิมไปเรื่อยๆ ในขณะที่มูลค่าที่แท้จริงของสกุลเงินดอลลาร์ลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1979 ที่ยกเลิกระบบ Gold Standard มาใช้ Fiat Standard การก่อหนี้วนไปวนมาแบบนี้ไม่มีทางที่จะทำให้หนี้สาธารณะลดลงไปได้

แต่ถ้าถือครองบิทคอยน์เพื่อเป็นทุนสำรองแบบเดียวกับที่เคยถือทองคำเป็นทุนสำรอง ด้วยมูลค่าของบิทคอยน์ที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวมีโอกาสที่จะเข้าไปลดหนี้สาธารณะของสหรัฐฯลงได้

VanEck บริษัทจัดการลงทุนชั้นนำระบุในรายงานว่าหากมีกองทุนบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์ คลังสำรองดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงถึง 42 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2049 ซึ่งจะช่วยลดหนี้สาธารณะของสหรัฐฯได้ถึง 35% ภายใต้สมมุติฐานว่าในอีก 24 ปีข้างหน้าว่า ราคาบิทคอยน์จะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี ขณะที่หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นปีละ 5% จาก 37 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 ไปสู่ระดับ 119 ล้านล้านดอลลาร์

โดยมูลค่าของบิทคอยน์จะคิดเป็นประมาณ 18% ของสินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมดของโลกจากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 0.22% จากตลาดที่มีมูลค่ารวม 900 ล้านล้านดอลลาร์

การที่สหรัฐฯครอบครองบิทคอยน์ไว้กับตัวทั้งผ่านกองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์และผ่านตลาดทุนด้วย ETF นอกจากมีโอกาสลดหนี้ของตัวเองลงยังสามารถที่จะใช้บิทคอยน์เป็นเครื่องมือทางการเงินรูปแบบใหม่ได้อีกด้วย

ขณะที่ Stablecoin ในตลาดตอนนี้ส่วนใหญ่ 90% มีสกุลเงินดอลลาร์หนุนหลังอยู่แล้ว แต่ถ้าหากสหรัฐฯเลือกที่จะขยายการใช้งาน Stablecoin ออกไปทั่วโลกผ่านการเป็นคู่ซื้อขายกับบิทคอยน์หรือการใช้งานผ่านระบบการเงินไร้ตัวกลาง (DeFi) ระบบการเงินใหม่ที่มี Stablecoin เป็นผู้นำจะช่วยเพิ่มดีมานด์ในสกุลเงินดอลลาร์ทั่วโลกให้ยังเติบโตขึ้นได้อีกทาง

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา บทบาทของสกุลเงินดอลลาร์ในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องจากความขัดแย้งกับชาติมหาอำนาจที่นำโดยกลุ่ม BRICS ที่มีจีนเป็นผู้นำ รวมถึงสัดส่วนของการใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องโดยการถือทองคำปรับตัวขึ้นแทน

นโยบายการส่งเสริมคริปโตของสหรัฐฯมองด้านหนึ่งอาจเป็นเพียงแค่นโยบายหนึ่งเท่านั้น แต่มองอีกด้านการที่สหรัฐฯทำแบบนี้เพื่อที่จะสร้างดีมานด์ให้กับสกุลเงินดอลลาร์ยังมีพื้นที่ในตลาดโลกไม่ให้ถูกลดบทบาทลง และอาจถือโอกาส Setup ระบบการเงินใหม่โดยรัฐบาลเป็นผู้เล่นรายสำคัญด้วยตัวเอง

ขณะที่จีนยังไม่มีนโยบายเกี่ยวกับบิทคอยน์ออกมาและเลือกที่จะใช้แนวทางของการออกสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (CBDC) ใช้ในประเทศและขยายออกไปยังกลุ่มประเทศที่อยู่ในโครงการ One Belt One Road ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพแทน

ต้องจับตาว่าการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯและจีนในทางด้านการค้า สงครามด้านเทคโนโลยีอย่างการชิงตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมเอไอ อวกาศ ที่ลามไปถึงการแย่งชิงทรัพยากรอย่างแร่ Rare Earth และอาจจะรวมถึงการแข่งขันในการสร้างระบบการเงินใหม่ผ่านยุทธศาสตร์ส่งเสริมคริปโตของสหรัฐฯจะเป็นอย่างไรต่อไป

นเรศ เหล่าพรรณราย

นเรศ เหล่าพรรณราย

Founder Ricco และ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

แชร์
อเมริกากำลังSetup ระบบการเงินใหม่ด้วย Bitcoin และ Stablecoin สู้กับจีน