ธุรกิจการตลาด

BMW อวด ‘รถเปลี่ยนสี’ แห่งอนาคต เลือกสีได้ทั้งเฉพาะจุด - รอบคัน

11 ม.ค. 66
BMW อวด ‘รถเปลี่ยนสี’ แห่งอนาคต เลือกสีได้ทั้งเฉพาะจุด - รอบคัน

ย้อนกลับไปเพียง 1 ปี ค่ายรถเยอรมัน BMW ได้สร้างความฮือฮาในแวดวงยานยนต์ด้วยการเปิดตัวรถต้นแบบ ‘E Ink’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนสีรถเป็นสีขาว-ดำ ได้ด้วยการสั่งการผ่านแอปพลิเคชัน เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัส

 

BMW i VISION DEE

 

ในงาน CES 2023 งานแสดงเทคโนโลยีครั้งใหญ่ระดับโลก ที่จัดขึ้นที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ค่ายรถเจ้านี้ ก็เผยขั้นต่อไปของนวัตกรรมของปีก่อน ด้วยรถ ‘BMW i VISION DEE’ ซึ่งคราวนี้เปลี่ยนได้มากถึง 32 สี พร้อมลูกเล่นอีกเพียบ!

i VISION DEE คันนี้ เป็นรถยนต์ทรงซีดานสไตล์สปอร์ตล้ำสมัย ประหนึ่งว่าหลุดมาจากหนังไซไฟ ภายใต้แนวคิดการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ เปลี่ยนรถยนต์ให้เป็นเพื่อนร่วมทางอัจฉริยะ คำว่า DEE ในชื่อนั้นมาจาก ‘Digital Emotional Experience’ หรือ การสร้างประสบการณ์ด้านอารมณ์ความรู้สึกผ่านระบบดิจิตอล มุ่งเน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนและรถยนต์ พร้อมมอบประสบการณ์ในระหว่างการเดินทางท่องโลก

สำหรับลายเซ็นต์ที่ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นรถบีเอ็ม อย่าง กระจังหน้ารถ คราวนี้ไม่ได้มาเป็นซี่โลหะ Kidney Grille แต่เปลี่ยนเป็นจอภาพที่ผสานเป็นเนื้อเดียวกับไฟหน้า ทำหน้าที่แสดงอารมณ์และความรู้สึก ผ่านภาพเคลื่อนไหว

 

BMW



ที่ด้านในตัวรถยังมีด้วยหน้าจอแบบ EXTENDED LARGE-SCALE HEAD-UP DISPLAY หรือการใช้เทคโนโลยีแสดงผลที่สามารถแสดงข้อมูลต่าง ๆ ตลอดความกว้างของกระจกหน้าคนขับแทนการใช้จอปกติ และมี BMW MIXED REALITY SLIDER หรือระบบควบคุมการทำงานส่วนกลางที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนกระจกหน้า เป็นพื้นที่สำหรับสัมผัสประสบการณ์ดิจิตอลเต็มรูปแบบ เช่น แสดงข้อมูลการขับขี่ แจ้งเตือน หรือโซเชียลมีเดียได้

แน่นอนว่า ไฮไลต์ที่ทำให้ทุกสายตาต้องมองมาที่ BMW i VISION DEE คันนี้ คือฟีเจอร์ ‘เปลี่ยนสีได้ด้วยปลายนิ้ว’ ที่ยกระดับจากปีก่อน จากเปลี่ยนสีสลับขาว กับ ดำ เป็น 32 สี และเปลี่ยนได้ทั้งคันยันล้อแม็กซ์ ซึ่งยังคงใช้นวัตกรรม E Ink ซึ่งเป็นกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ ที่ภายในจะมีไมโครแคปซูลบรรจุเม็ดสีหลายล้านเม็ด ใช้ประจุไฟฟ้ากระตุ้นให้เม็ดสีลอยขึ้นมาอวดโฉมที่ผิว ทำให้ i VISION DEE สามารถเปลี่ยนสีได้ตามที่ต้องการ จะเป็นสีล้วน สีคาด ตารางหมากรุก ได้หมด!

 



นวัตกรรมล้ำสมัย แต่วิ่งในไทยคงยาก!

 

จากการสอบถามนักข่าวสายยานยนต์ของอมรินทร์ทีวี มองว่า เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่หากนำมาวิ่งจริงบนถนนของ ‘ประเทศไทย’ คงมีความท้าทายมากมาย ทั้งในแง่ของสภาพอากาศที่บ้านเราชื้นเป็นพิเศษ แถมมีวายร้ายอย่าง ‘หนูท่อ’ ชุกชุม รถที่เต็มไปด้วยระบบไฟฟ้า ‘ทั้งคัน’ แบบนี้คงต้องซีลดีจริงๆ ถึงจะรอดพ้นพี่หนูไปได้ หรือหากโดนหนูกัดสายไฟจะเป็นอย่างไรต่อ ระบบสีจะดับแค่ไหน หรือดับทั้งคันไหม และรถคนนั้นสามารถทนน้ำท่วมได้มากน้อยแค่ไหน เพราะฟีเจอร์เปลี่ยนสีมีทั้งคัน ยันล้อแม็กซ์

อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ‘การเฉี่ยวชน’ หากเกิดการเฉี่ยวชน คงเข้าร้าน เคาะ ปะ ผุ ทำสีรถทั่วไปไม่ได้แน่ ต้องเข้าศูนย์สถานเดียว หรือถ้าเป็นการกระแทกที่เล็กลงมา เช่น โดนดีดจากหินบนถนน เบียดฟุตบาธ ถอยชนเสา ค่าซ่อมบำรุงจะมากขนาดไหน

 

BMW เปลี่ยนสี



ในด้านข้อกฎหมายเอง การเปลี่ยนสีรถคงจะเป็นเรื่องยากในการขึ้นทะเบียนรถ จะระบุลักษณะตัวรถว่าเป็นสีอะไร และการวิ่งไปเปลี่ยนสีรถไป ก็ไม่ต่างอะไรจากการเปลี่ยนเลขทะเบียนรถ กล่าวคือ ทำให้การระบุลักษณะ และติดตามรถเป็นไปได้ยาก กล่าวโดยสรุปก็คือ คงมีบริบทรอบข้างที่ต้องพัฒนาอีกมาก เพื่อจะมารองรับนวัตกรรมสุดล้ำเช่นนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ในอนาคต
 

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ EV ในปีที่ผ่านมานั้นแสนร้อนแรง ทั้งรถยนต์ EV จากค่ายจากฟากสหรัฐ ค่ายจีน หรือแม้แต่ค่ายรถหรูสัญชาติเยอรมันด้วยกันเอง ทั้ง BMW และ Mercedes-Benz มียอดขายรถ EV เติบโตทะลุ 100% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งค่ายรถหรูเหล่านี้

 

นอกจากจะแข่งขันกันในเรื่องสมรรถนะของยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ค่ายเหล่านี้ยังแข่งขันกันเรื่องเทคโนโลยี ดีไซน์ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากลุ่มไฮ-เอนด์ เลือกรถจากแต่ละค่ายเป็นพาหนะคู่กายด้วย

 

ที่มา : BMW, Supercar Blondie, electrek

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT