การเงิน

ปั้นพอร์ต 100 ล้านก่อนเกษียณได้...ง่ายนิดเดียว

21 เม.ย. 67
ปั้นพอร์ต 100 ล้านก่อนเกษียณได้...ง่ายนิดเดียว
ไฮไลท์ Highlight
"อย่าลืมว่าหลักการลงทุนที่เรากำลังพูดถึงนี้คือการลงทุนระยะยาวนะครับ ดังนั้นโฟกัสที่เรามุ่งเน้นคือตลาดที่ราคายังถูกเพื่อรับโอกาสการฟื้นตัวหลายเท่าในอนาคตนะครับ "

หลายๆ ท่านที่กำลังเก็บออมเงินและลงทุนอยู่ ผมอยากถามว่าคุณเคยตั้งเป้าหมายเงินออมของตัวเอง และเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นๆ หรือไม่ครับ

ลองพูดมันออกมาได้นะครับ อย่าเขินอายกับเป้าหมายในใจ แม้ว่า​เป้าหมายบางอย่างคุณอาจจะมองว่ามันเพ้อฝัน ห่างไกลความเป็นจริง  เพราะถ้าครั้งนึงในชีวิตคุณจะลองตั้งเป้าหมายให้ตัวเองแบบ Moonshot ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรจริงไหมครับ และเชื่อเถอะครับ ยิ่งเราพูดและ ย้ำมันบ่อยๆ กฏของแรงดึงดูดจะทำงานเองครับ

ผมเชื่อว่าทุกฝันเป็นจริงได้ถ้าเราตั้งใจจริง แม้ว่าเป้าหมายนั้นคือการมีเงินให้ได้หลักร้อนล้านบาทก็ตาม!

หากคุณจะแย้งว่า เงิน 100 ล้านบาท คุณจะต้องใช้เวลาเก็บสะสมเงินนานแค่ไหนกัน ...จริงอยู่ครับ เงิน 100 ล้านบาทอาจดูเป็นเงินมหาศาล ดูจับต้องไม่ได้ เอื้อมไม่ถึง แต่จริงๆ แล้วมันใกล้ตัวกว่าที่คิดครับและผมอยากให้คุณลองตั้งเป้ามีเงินตอนเกษียณไว้ที่ตัวเลข 100 ล้านบาทดูบ้าง ไม่ไกลเกินจริง เพราะวันนี้ผมจะมาแชร์วิธีการปั้นเงิน 100 ล้านบาทให้ได้ ในเวลาไม่เกิน 30 ปี!  

ใช่แล้วครับ ถ้าคุณอ่านบทความนี้จนจบและทำตามได้ เราอยากบอกว่าคุณสามารถมีเงิน 100 ล้านบาทได้ในระยะเวลาไม่เกิน 30 ปีครับไม่ยุ่งยากอะไรครับ ​วิธีปั้นพอร์ต 100 ล้านบาท มีเพียง 2 ขั้นตอนเท่านั้น!

วิธีปั้นพอร์ต 100 ล้านบาทภายในเวลา 30 ปี

ขั้นตอนแรก  คุณต้องมีทุนเริ่มต้นให้ได้   500,000 บาทก่อนนะครับ  (หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ยังเก็บเงินได้ไม่ถึง ไม่เป็นไรครับ โอกาสหน้าผมจะมาแชร์เทคนิคการเก็บเงินให้ถึง 500,000 บาทอีกครั้งนะครับ)

สมมติว่าวันนี้คุณมีเงินต้นแล้ว 500,000 บาท และเก็บมันไว้ในบัญชีเงินฝาก แน่นอนครับว่าดอกเบี้ยที่ระดับ 0.125 - 3.00% คงไม่มีทางที่จะไปถึงเป้าหมายของเราได้ และยากจะจินตนาการ  ดังนั้นคุณต้องเปลี่ยนที่อยู่ของมันครับ ให้เงิน 500,000 บาท ของเราไปอยู่ในที่ที่สร้างผลตอบแทนได้สูง เช่นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 10-15% ต่อปี  ทีนี้การมีเงิน 100 ล้านไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะครับ

ความยากต่อมาก็จะอยู่ที่ว่า แล้วคุณจะหาสินทรัพย์อะไรที่สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 10-15% ต่อปีได้ใช่ไหมครับ สำหรับผม ซึ่งเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) ก็บอกได้เลยว่าคุณต้องมองหา ‘หุ้นดีราคาถูก’ ตามหลักการของปู่ Warren Buffet เพื่อที่ว่าจะมีส่วนต่างสำหรับผลตอบแทนที่ก้าวกระโดดได้ในอนาคตนั่นเอง 

มาถึงตอนนี้ หากคุณรู้สึกว่ายากและไม่เห็นภาพว่าสินทรัพย์อะไรที่จะสร้างผลตอบแทนดีขนาดนั้น  ผมก็จะขอยกตัวอย่าง Jitta Ranking ประเทศต่างๆ ที่ผมป้อนหลักการนี้ให้ AI ใช้​ในการวิเคราะห์และเลือกหุ้นเพื่อลงทุน​ และที่สำคัญพิสูจน์ได้จากผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ( Backtest) ของแต่ละแผนสร้างผลตอบแทนอยู่ประมาณ​ 10-15% ทั้งนั้น เช่น

  • Jitta Ranking หุ้นฮ่องกง ผลตอบแทน Backtest เฉลี่ยที่ +19.68%
  • Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ผลตอบแทน Backtest เฉลี่ยที่ +14.05%
  • Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม ผลตอบแทน Backtest เฉลี่ยที่ +13.90%

"อย่าลืมว่าหลักการลงทุนที่เรากำลังพูดถึงนี้คือการลงทุนระยะยาวนะครับ ดังนั้นโฟกัสที่เรามุ่งเน้นคือตลาดที่ราคายังถูกเพื่อรับโอกาสการฟื้นตัวหลายเท่าในอนาคตนะครับ "

ใน 3 ตลาดด้านบน ผมจึงขอเน้นที่ตลาดหุ้นเวียดนามและจีนที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากในช่วงที่ผ่านมา และถือว่าเหมาะสมที่จะเข้าลงทุนในเวลานี้เพื่อรับโอกาสหลายเด้งในอนาคตนั่นเอง​

ผมขอฉายภาพสั้นๆ ของทั้ง 2 ตลาด เริ่มต้นที่ตลาดหุ้นเวียดนามก่อนนะครับ ตั้งแต่ช่วงมีนาคมปี 2565 ที่ธนาคารกลางสหรัฐได้มีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงจากระดับ 1520 จุดลดลงไปอยู่ตํ่าที่สุดที่ 900 จุด แต่ในปี 2566 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นเวียดนามได้ทำการฟื้นตัวอย่างช้าๆ จนมาทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี

แม้ล่าสุดเวียดนามจะมีประเด็นของธนาคารท้องถิ่นอย่าง ธนาคารไซ่ง่อน จอยท์ สต็อก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (SCB) ทั้งในเรื่องของการทุจริตในการบริหารงาน และภาครัฐอาจต้องเข้าไปอุ้ม กดดันให้ตลาดหุ้นปรับร่วงลงอีกครั้ง  แต่หากมองในแง่เศรษฐกิจเวียดนามที่ยังขยายตัวได้ถึง 5.1% ในปีที่ผ่านมา ส่วนปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 6-6.5% โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกที่ฟื้นตัว  ขณะที่ตลาดหุ้นเองมีการคาดการณ์ว่าดัชนี VNI จะเติบโตขึ้นถึง 10-15% ในปีนี้จากการเติบโตของรายได้กลุ่มธนาคาร และหากไม่นับเหตุการณ์ล่าสุด ในช่วง 3 เดือนแรกของปีตลาดหุ้นเวียดนามสร้างผลตอบแทนได้แล้ว  13.30%  เวียดนามกำลังมีอนาคตไกลจากการเป็นตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier) อยู่ครับ จ่อที่จะขึ้นไปเทียบชั้นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging) อีกไม่นานนี้แน่นอนครับ

มาดูที่ตลาดหุ้นจีนกันบ้างครับ  แรงกดดันจาดภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่  แต่ภาครัฐจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 ที่ราว 5% โดยให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการพัฒนาของประเทศและลดความเสี่ยงที่เกิดจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ล้มละลาย ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับสหรัฐฯ เพื่อดึงความเชื่อมั่น  ขณะที่ภาคการส่งออกของจีนก็ยังขยายตัวได้ดี  ที่สำคัญ ใครๆ ก็รู้ว่ามีเพียงจีนเท่านั้นที่จะเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจกับยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ ได้อย่างสูสี ดังนั้นอนาคตของจีนยังอีกไกลแน่ๆ ครับ

spotlight__5__100__pr_240419เอาละครับผมชี้ทางสำหรับการสร้างผลตอบแทนหลายเด้งในอนาคตแล้ว ทีนี้ผมจะพาไปดูวิธีที่ 2 ที่จะช่วยให้พอร์ตของคุณก้าวไปถึง 100 ล้านบาทได้จริงๆ

วิธีที่สอง หลังจากเราผ่านก้าวแรก…ด้วยการเลือกการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพและมีโอกาสเติบโตกันไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะทำให้เป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้สำเร็จได้ ‘วินัย’ ก็สำคัญ

เพราะในเส้นทางการลงทุน เรามีโอกาสได้เห็นตลาดหุ้นขึ้นและลงอีกหลายรอบแน่นอนครับ ดังนั้นวินัยและความสม่ำเสมอคือกุญแจสำคัญที่สุดไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร คุณต้องไม่หวั่นไหว และทำตามแผนการลงทุนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด

วินัยที่ว่าก็คือ การลงทุนอย่างต่อเนื่อง ถัวเฉลี่ยเงินลงทุนหรือ DCA ทุกเดือน ด้วยเงินขั้นต่ำ 50,000 บาท  เพราะการ DCA เติมเงินเข้าพอร์ตทุกๆ เดือนด้วยเงินเพิ่มทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท เป็นวินัยที่จะช่วยทำให้คุณเดินเข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วขึ้น  ทุกๆ เดือน คุณจะได้เห็นพลังของเงินทบต้นและผลตอบแทนทบต้นที่ทำงานอย่างแข็งขัน  ดังนั้นหากคุณกำลังลงทุนอยู่ แล้วมีฟีเจอร์ของการ DCA อัตโนมัติก็เชื่อผมเถอะครับ ยอมตัดบัญชีแล้วทำเป็นลืมไป รู้ตัวอีกทีเงินลงทุนของคุณจะเติบโตแบบที่คุณไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยล่ะครับ

คุณคงสงสัยว่าทั้ง 2 เทคนิคนี้หากทำตามแล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหน?แต่คุณไม่ต้องเสียเวลาคำนวณเองครับ เพราะผมมีเฉลยมาให้เรียบร้อยแล้ว! 

หากคุณเลือกสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10% แล้วเดินหน้า DCA อย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถสร้างเงิน 100 ล้านได้ภายใน 30 ปี และหากคุณตาถึงจริงๆ สามารถเลือกสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 15% คุณจะย่นเวลาลงมาได้อีก 8 ปี เหลือเพียง 22 ปีเท่านั้น ก็ไปถึงเป้าหมายที่  100 ล้านบาทแน่นอน 

และหากคุณมีเงินก้อนพิเศษ เช่นโบนัสหรือถูกล็อตเตอรี่ก้อนโต แล้วมาเติมพอร์ตได้ก็จะเร่งให้พอร์ตโตไวขึ้น ปล่อยพลังของเงินทบต้นและผลตอบแทนทบต้นได้ทำงาน ดังนั้นท่องเอาไว้ครับว่า ‘เพิ่มทุนทุกครั้งที่มีโอกาส’  100 ล้านบาทอาจใกล้กว่าที่คิดทีเดียวครับ

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด

advertisement

SPOTLIGHT