4 ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งแรง คว้าแชมป์ตลาดผลงานดีสุด ปี 2025

ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เป็นดาวเด่นของโลกการลงทุนในปี 2025 นับจากต้นปีถึงวันที่ 30 ธันวาคม ซึ่งเป็นทำการสุดท้ายของปี 2025 ดัชนี Kospi ปรับตัวขึ้นมากกว่า 75.67% ทำสถิติเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในปีนี้ ทิ้งห่างดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯมากถึง 58 จุดเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่กว้างที่สุดในรอบมากกว่า 20 ปี 

การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นเกาหลีใต้ในปี 2025 เป็นการพลิกฟื้นที่น่าทึ่ง หลังจากในช่วงสามปีที่ผ่านมา ดัชนี Kospi มีอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ต่ำกว่า 1 ซึ่งหมายความว่านักลงทุนส่วนใหญ่ประเมินมูลค่าบริษัทต่ำกว่าสินทรัพย์ของบริษัท แต่ในปี 2025 ภาพเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ เพราะนักลงทุนกลับมาพิจารณาหุ้นเกาหลีใต้อีกครั้ง 

หนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นแรงส่งให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น เป็นปัจจัยเดียวกันกับแรงหนุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั่นคือ กระแสการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) 

ถึงอย่างนั้นก็ตาม การที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ทำผลงานดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ แบบทิ้งห่างก็ย่อมสะท้อนว่าความร้อนแรงของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ไม่ได้มาจากปัจจัยหนุนเดียว SPOTLIGHT ขอชวนมาดูกันว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่หนุนให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้นจนคว้าแชมป์ตลาดที่ทำผลงานดีสุดแห่งปี 2025

กระแส AI ดันบริษัทชิปยักษ์ใหญ่ทะยาน

การพุ่งขึ้นของดัชนี Kospi ได้แรงหนุนหลักมาจากสองบริษัทใหญ่ที่สุดในดัชนี คือ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) และเอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) ซึ่งรวมกันแล้วมีน้ำหนักเกือบ 30% ของดัชนี 

ในปีนี้ ราคาหุ้น Samsung พุ่งขึ้น 125% ขณะที่หุ้น SK Hynix ทะยานขึ้น 280% เนื่องจากได้รับประโยชน์จากความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (High-Bandwidth Memory) 

โจชัว แครบบ์ (Joshua Crabb) หัวหน้าฝ่ายหุ้นเอเชียแปซิฟิกของ Robeco อธิบายมุมมองนักลงทุนว่า เมื่อหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ถูกประเมินมูลค่าสูงมาก ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่า ถ้าการประเมินมูลค่านั้นถูกต้อง แล้วมีส่วนไหนของห่วงโซ่อุปทานอีกบ้างที่ถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง 

ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ คือ หุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ 

Samsung ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก รายงานว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส  3 ปี 2025 (กรกฎาคม-กันยายน) เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำสิถิติอัตราเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบสามปี ขณะที่ SK Hynix รายงานกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากถึง 62% ในไตรมาสเดียวกันนี้ 

นอกจากนั้น ทั้งสองบริษัทยังได้ลงนามข้อตกลงกับโอเพนเอไอ (OpenAI) เพื่อจัดหาเซมิคอนดักเตอร์สำหรับโครงการศูนย์ข้อมูลสตาร์เกต (Stargate) มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นี่ยิ่งตอกย้ำบทบาทระดับโลกของเกาหลีใต้ในโครงสร้างพื้นฐาน AI มากขึ้นไปอีก 

การปฏิรูปธรรมาภิบาลบริษัทในตลาด 

อีกแรงที่ดึงนักลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ คือ ความพยายามของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการปรับปรุงมูลค่าตลาดหุ้นและยกระดับธรรมาภิบาลในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ควบคุมโดยครอบครัวหรือตระกูลเดียว หรือที่เรียกว่า ‘แชโบล’ (chaebol) โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 รัฐบาลเกาหลีได้แก้ไขกฎหมายให้บริษัทระบุหน้าที่ของกรรมการต่อผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังมีการเตรียมแผนลดภาษีเงินปันผล และมีการเสนอร่างกฎหมายบังคับให้บริษัทต้อง ‘ตัดหุ้นที่ซื้อคืน’

อัลเบิร์ต ซาปอร์ตา (Albert Saporta) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทจัดการสินทรัพย์ GAM กล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังดำเนินตามแนวทางการปฏิรูปธรรมาภิบาลองค์กรของญี่ปุ่นเมื่อ 10 ปีก่อน ผสานกับการปฏิรูปภาษี ซึ่งนั่นทำให้นักลงทุนตื่นเต้น 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความคาดหวังต่อมาตรการเหล่านี้ช่วยหนุนราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ (conglomerate) และกลุ่มสถาบันการเงินที่มีการถือครองหุ้นซื้อคืนปริมาณมาก

นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นเกาหลีใต้

หลังจากเป็นฝ่ายขายสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิหุ้นเกาหลีใต้ โดยเข้าซื้อสุทธิราว 2 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์) ในปีนี้

หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นเกาหลีใต้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 แต่ภาพรวมทั้งปี นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิแล้ว 

ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นเกาหลีใต้จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่นักลงทุนรายย่อยยังไม่ได้มีส่วนร่วมในการพุ่งขึ้นของตลาดในปีนี้เท่าไรนัก โดยแรงซื้อส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศ 

ภาคการผลิตเป็นแรงเสริมสำคัญ 

นอกจากแรงขับเคลื่อนหลักจากบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่แล้ว การฟื้นตัวของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ในปี 2025  ยังได้รับแรงหนุนจากผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น การป้องกันประเทศ การต่อเรือ และแบตเตอรี 

หุ้นของ Hanwha Aerospace ผู้ผลิตด้านการป้องกันประเทศรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 162% ในปีนี้ และ HD Hyundai Heavy Industries ผู้ต่อเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 76% 

ทั้งนี้ เกาหลีใต้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศผู้ส่งออกด้านการป้องกันประเทศชั้นนำของโลกนับตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงคาดหวังว่าเกาหลีใต้จะได้รับประโยชน์จากความพยายามของชาติตะวันตกในการเสริมกำลังทางทหาร ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคาดหวังด้วยว่า บริษัทต่อเรือของเกาหลีใต้จะมีบทบาทสำคัญในการที่สหรัฐฯพยายามจะเสริมแสนยานุภาพกองทัพเรือให้ทัดเทียมจีน

ส่วนผู้ผลิตแบตเตอรีก็ได้รับแรงหนุนจากความต้องการระบบกักเก็บพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล AI และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการขายรถยนต์ไฟฟ้า 

ปี 2026 ดีมานด์ชิปยังหนุนหุ้นเกาหลีพุ่งต่อ

มุมมองเชิงบวกต่อหุ้นเกาหลีใต้ยังคงขยายต่อเนื่องไปในปี 2026 ดังที่นักวิเคราะห์จากหลายสถาบันมองตรงกันว่า ราคาหุ้นเกาหลีใต้ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก โดยบริษัทหลักทรัพย์อย่าง Citigroup, JPMorgan Chase & Co. และ Nomura Holdings ต่างคาดการณ์ว่าราคาหุ้นเกาหลีใต้จะปรับตัวขึ้นอย่างน้อยอีก 20% ในปี 2026 เนื่องจากการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนแนวโน้มขาขึ้น 

กลุ่มสถาบันการเงิน Macquarie เป็นอีกสถาบันที่คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นเกาหลีใต้จะแข็งแกร่งต่อไปอีกปี โดยคาดว่าดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้มีโอกาสเข้าใกล้ระดับ 6,000 จุด (ปิดปี 2025 ที่ 4,214.17 จุด) เนื่องจากมีแรงหนุนจากกำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทในตลาด สภาพคล่องที่สูง และนโยบายของรัฐบาลที่เป็นมิตรต่อตลาดหุ้น 

แดเนียล คิม (Daniel Kim) นักวิเคราะห์ของ Macquarie เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของกำไรในหุ้นเกาหลีใต้ว่า ในปี 2026 หุ้น 103 ตัวในกลุ่มหุ้นเกาหลีใต้ที่ Macquarie ติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งคิดเป็น 70% ของดัชนี KOSPI/KOSDAQ น่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) 48% 

Macquarie คาดว่า Samsung Electronics และ SK Hynix จะมีบทบาทอย่างมากในการนำดัชนีพุ่งขึ้นต่ออีกปี โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญ คือ ภาวะซัพพลายชิปหน่วยความจำที่ตึงตัวอย่างรุนแรง อุตสาหกรรมกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนชิปหน่วยความจำครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยที่ยังไม่เห็นสัญญาณว่าปัญหาอุปทานจะคลี่คลายในอีกสองปีข้างหน้า

นักวิเคราะห์ของ Macquarie มองว่า ราคาชิปหน่วยความจำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก และตลาดยังไม่สะท้อนศักยภาพนั้นอย่างเต็มที่ในประมาณการกำไร ณ ปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่า ราคาหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปยังมีศักยภาพที่จะพุ่งขึ้นต่อไป 

อ้างอิง: Financial Times, Investing.com, SK Hynix, Bloomberg