Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อธิบดีอาเซียนไทยเผย สแกมเมอร์ พลังงาน ฯลฯ หัวข้อหลักนายกฯ ถกอาเซียน
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

อธิบดีอาเซียนไทยเผย สแกมเมอร์ พลังงาน ฯลฯ หัวข้อหลักนายกฯ ถกอาเซียน

24 ต.ค. 68
17:17 น.
แชร์

การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 47 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไทยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีจะนำคณะผู้แทนไทยเดินทางเข้าร่วม พร้อมด้วยผู้นำจากกลุ่มประเทศอาเซียน และผู้นำจากภาคีพันธมิตร ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ (สมัยพิเศษ) และสหประชาชาติ เข้าร่วมด้วย

ท่ามกลางโลกผันผวน ไทยเข้าร่วมเป็นสิ่งสำคัญ

ก่อนการประชุมฯ จะเริ่มขึ้น นายพลพงศ์ วังแพน อธิบดีกรมอาเซียน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับความสำคัญของการประชุม ที่ผู้นำไทยจะได้แสดงจุดยืนเรื่องความร่วมมือในภูมิภาค

"การประชุมในครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ค่อนข้างผันผวนสูง ไม่ว่าจากการแข่งขันของมหาอำนาจ การเดินหน้านโยบายของขั้วอำนาจต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศเสียสมดุลไปพอสมควร" นายพลพงศ์กล่าว ชี้ว่าการประชุมในครั้งนี้เป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีของไทยจะได้แสดงจุดยืนของประเทศ

"การที่นายกรัฐมนตรีของเราได้พบปะกับผู้นำจากภาคีภายนอกภูมิภาคจะเป็นการแสดงถึงการที่ไทยยึดมั่นในระบบพหุภาคี" อธิบดีกรมฯ กล่าว เน้นย้ำความสำคัญของการรักษาเอกภาพของอาเซียน

การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งนี้เป็นการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งนอกจากการเข้าร่วมประชุม เขายังมีกำหนดการเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญอื่น ๆ ด้วย

ไทยยกหัวข้ออะไรมาพูด

เศรษฐกิจดิจิทัล

นายพลพงศ์ วังแพนกล่าวว่า สิ่งที่ไทยให้ความสำคัญในการประชุมครั้งนี้คือ การเกื้อหนุนสันติภาพ เสถียรภาพของภูมิภาค การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการพัฒนาศักยภาพของประเทศสมาชิก ทั้งหมดเพื่อจุดมุ่งหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สิ่งสำคัญที่จะช่วยได้คือการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล

"ไทยเป็นประธานคณะเจรจาขอกกรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่ เราคาดหวังว่า ภายในปีหน้าจะสามารถเจรจาได้สำเร็จ และความตกลงฉบับนี้จะเป็นความตกลงฉบับแรกของภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และจะทำให้มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียนเพิ่มประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2030"

การเปลี่ยนผ่านพลังงาน

อธิบดีกล่าวว่าการเจรจาจะเน้นย้ำเรื่องการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ที่อาเซียนตั้งเป้าใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานหมุนเวียนให้ได้ร้อยละ 43 ภายในปี ค.ศ. 2030

"เรากำลังมุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เน้นการปล่อยคาร์บอนน้อยลง ประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่มีความก้าวหน้าพอสมควร เราพยายามจะมี NET ZERO ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งเป็นการปรับเป้าหมายใหม่"

ปราบอาชญากรรมข้ามชาติ

การหลอกลวงทางออนไลน์หรือ Online Scam เป็นอาชญากรรมที่หลายส่วนของไทยพยายามต่อสู้มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจให้ไทยและหลายประเทศในอาเซียนมาก

"อาชญากรรมไซเบอร์ นอกจากจะสร้างความเสียหายให้ประชาชนในอาเซียนแล้ว ยังบั่นทอนการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่เราพยายามจะผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล [...] อาเซียนมีความพยายามจะสร้างความร่วมมือในเรื่องนี้มา 2-3 ปีแล้ว แต่ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ประเทศนอกภูมิภาคก็ให้ความสนใจกับปัญหาออนไลน์สแกม" นายพลพงศ์กล่าว

เขาตอกย้ำความสำคัญของความร่วมมือของประเทศภายนอก-ภายในภูมิภาค อธิบายต่อว่า อาเซียนจะยกระดับความร่วมมือในเรื่องนี้ผ่านกลไกต่าง ๆ ที่อาเซียนมีอยู่ เช่น ผ่านกรอบการประชุมรัฐมนตรีดิจิทัลเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งไทยได้ออกปฏิญญากรุงเทพฯ ต้านออนไลน์สแกม และอาชญากรรมไซเบอร์ รวมถึงตั้งคณะทำงานต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์โดยเฉพาะ

ความท้าทายในการจัดการปัญหาอาชญากรรมออนไลน์คือ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้ามพรมแดน และข้ามเสาของอาเซียน คือกระทบทั้งเสาการเมือง เสาเศรษฐกิจ และเสาสังคม ดังนั้นต้องมีการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ในทุกเสา รวมถึงมีเรื่องการบริหารจัดการชายแดนร่วมด้วย

บริหารจัดการชายแดน

อธิบดีกรมอาเซียนกล่าวว่า ไทยเพิ่งมี Road Map ASEAN Border Management ออกมา เพื่อเสริมสร้างความสามารถของเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และเพิ่มความสามารถในการตรวจจับอาชญากรรมข้ามชาติ

"ในการประชุมรอบนี้มีถ้อยแถลงของผู้นำที่จะให้เพิ่มความร่วมมือปราบปรามออนไลน์สแกมโดยเฉพาะด้วย ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการร่วมมือกัน" อธิบดีกล่าว อธิบายเพิ่มถึงโอกาสการร่วมมือกับภาคีนอกภูมิภาคด้วย หนึ่งในผู้เล่นสำคัญคือสหรัฐฯ ซึ่งได้เสนอข้อเสนอมาในกรอบการประชุม East Asia Summit (EAS)

"สหรัฐฯ ได้เสนอให้มีแถลงการณ์ร่วมของผู้นำ EAS ว่าด้วยเรื่องของความร่วมมือออนไลน์สแกมโดยเฉพาะ" พลพงศ์กล่าว "จะเห็นว่าเป็นประเด็นที่กระทบไปทั้งโลกและประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ก็ให้ความใส่ใจในการร่วมแก้ไขปัญหา เพราะมันไม่ได้กระทบแค่ชีวิตคนทั่วไป แต่กัดกร่อนการเงินโลกด้วย"

สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา

สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมาเป็นหนึ่งในหัวข้อที่การประชุมสุดยอดผู้นำครั้งนี้ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นความขัดแย้งภายในที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนานหลายปี ซึ่งครั้งนี้นายพลพงศ์กล่าวว่า อาเซียนต้องตั้งมั่นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้เมียนมาลดความรุนแรงภายในประเทศเมียนมาเอง และบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งต้องใช้ความร่วมมือของประเทศนอกภูมิภาคด้วย

"สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา ประเทศไทยสนับสนุนกลไกของประธานอาเซียน รวมไปถึงผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียนด้วยที่จะขับเคลื่อนฉันทามติ 5 ข้อ [...] เรื่องเมียนมาถือว่าเป็นวิกฤตที่อาเซียนต้องให้ความสำคัญต่อไป"

นายพลพงศ์กล่าวว่า ไทยกำลังจับตามองการเลือกตั้งเมียนมาที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้ ในช่วงเดือนธันวาคม 2568 และต้องจับตาต่อไปว่า อาเซียนจะมีท่าทีในเรื่องนี้อย่างไร

"สำหรับไทยเราก็มองว่า กระบวนการเลือกตั้งของเมียนมาคงจะ 'ไม่สมบูรณ์แบบ' แต่อย่างน้อยก็อาจนำมาสู่กระบวนการสันติภาพภายในประเทศของเขาได้ และเมื่อกระบวนการสันติภาพเดินหน้าต่อไป ความรุนแรงก็อาจลดลง และภาคส่วนต่าง ๆ อาจมารวมตัวกันได้" อธิบดีกรมอาเซียนกล่าว

แชร์
อธิบดีอาเซียนไทยเผย สแกมเมอร์ พลังงาน ฯลฯ หัวข้อหลักนายกฯ ถกอาเซียน