สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ตัวเร่งการเสื่อมของสมอง อย่าคิดว่าดีต่อสุขภาพ
ลดน้ำตาล แล้วหันมาใช้สารให้ความหวาน อาจคิดว่าดีต่อสุขภาพ แต่กลับเป็นตัวเร่งการเสื่อมของสมอง ความจริงที่คุณต้องรู้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจกับสุขภาพ ด้วยการลดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลให้น้อยลง และหันมาใช้สารให้ความหวานที่มีแคลอรีต่ำหรือไม่มีแคลอรีเพื่อจำกัดการบริโภคน้ำตาลแทน เพราะเชื่อว่าจะส่งผลดีกับสุขภาพมากกว่า ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือแม้แต่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่สารให้ความหวานเทียมที่คิดว่าดีต่อสุขภาพนั้น กลับเป็นตัวเร่งการเสื่อมของสมอง!
มีงานวิจัยที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคสารให้ความหวานเทียมที่มีแคลอรี่ต่ำและไม่มีแคลอรี่ (LNCS) กับความเสื่อมถอยทางสติปัญญา โดย Natalia Gomes Gonçalves ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซาเปาโล ประเทศบราซิล พบว่า สารให้ความหวานที่ใช้ในเครื่องดื่มอื่นๆ อาจเร่งการเสื่อมของสมองและการสูญเสียความจำ โดยผู้ที่บริโภคสารให้ความหวานเทียมมากที่สุด มีอัตราการเสื่อมถอยของความสามารถในการรับรู้เร็วขึ้น 62% ซึ่งแปลว่าความสามารถในการรับรู้เสื่อมลงประมาณ 1.6 ปี ที่มา
จากการศึกษาเชิงสังเกตเป็นระยะเวลา 8 ปี จากข้อมูลจากผู้ใหญ่จำนวน 12,772 คนในบราซิล พบว่าการบริโภคสารให้ความหวานเทียมและ Sugar alcohols (คือสารให้ความหวานที่มีแคลอรีต่ำ ซึ่งสกัดได้จากธรรมชาติในผลไม้และผักบางชนิด หรือผลิตขึ้นจากน้ำตาล) 6 ชนิด ได้แก่ แอสปาร์แตม (Aspartame) , แซกคารินหรือขัณฑสกร (Saccharin) , เอซีซัลเฟม เค (Acesulfame K) , อิริทริทอล (Erythritol) , ซอร์บิทอล (Sorbitol) และ ไซลิทอล (Xylitol) ในปริมาณที่สูงขึ้น เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางปัญญาที่แย่ลง
เช่นเดียวกับงานวิจัยเรื่อง Sugar- and artificially-sweetened beverages and the risks of incident stroke and dementia: A prospective cohort study ของศาสตราจารย์ Matthew P Pase แห่งภาควิชาประสาทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา และคณะ พบว่า การบริโภคเครื่องดื่มอัดลมที่มีสารให้ความหวานเทียม มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองและภาวะสมองเสื่อมที่เพิ่มมากขึ้น เช่นกัน
สารให้ความหวานเทียมกับการเสื่อมถอยทางสติปัญญาอย่างรวดเร็ว พบมากเป็นพิเศษในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปีและผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โดยผู้ป่วยโรคเบาหวานมักใช้สารให้ความหวานเทียมเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้โรคเบาหวานยังมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของการเสื่อมถอยทางสติปัญญาที่สูงขึ้น ผลสรุปจากงานวิจัยเสริมของ UK Biobank ซึ่งเป็นทีมจัดทำโครงการวิจัยขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ที่รวบรวมข้อมูลสุขภาพ ชีวภาพ และพันธุกรรมของผู้คนมากกว่าห้าแสนคน เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพันธุกรรม พฤติกรรมการดำเนินชีวิต สิ่งแวดล้อม และสุขภาพ
นอกจากนี้สารให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการบางชนิด ยังมีความเสี่ยงต่อหลายปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะดื้อต่ออินซูลิน , โรคหัวใจและหลอดเลือด , โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการบริโภคให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม น้ำตาลมีอยู่ในทุกจานอาหารและเครื่องดื่ม สารให้ความหวานเทียมไม่ใช่ผู้ร้ายเพียงคนเดียวที่เชื่อมโยงกับภาวะสมองเสื่อม ในงานวิจัยอื่นยังพบว่าน้ำตาลเชิงเดี่ยว เช่น ฟรุกโตสและซูโครส ที่พบในเครื่องดื่ม ซีเรียล และของหวาน ก็มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการเลือกบริโภคอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูปหรือผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด เพราะท้ายที่สุดแล้ว การบริโภคน้ำตาลจะมากหรือน้อยก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพอยู่ดี
Advertisement
