Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ติดหวานระวังติดเตียง เปิดเทคนิค "งดหวาน" ยังไง ปลอดภัยกับคนรอบข้าง

ติดหวานระวังติดเตียง เปิดเทคนิค "งดหวาน" ยังไง ปลอดภัยกับคนรอบข้าง

17 มิ.ย. 68
15:48 น.
แชร์

น้ำตาลเพื่อนแท้หรือศัตรูที่ปลอมตัวมา เตือน! ติดหวานระวังติดเตียง เสี่ยงสารพัดโรครุมเร้า เปิดเทคนิค งดหวานยังไงปลอดภัยกับคนรอบข้าง พี่ไม่ได้ใส่อารมณ์!!

น้ำตาลไม่ได้ฆ่าคนแบบฉับพลัน แต่มันคือ "ยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า" ซึ่งพาให้เราไปสู่โรคเรื้อรังมากมายโดยไม่รู้ตัว และปลายทางของความหวาน อาจไม่ใช่ร้านเค้ก แต่เป็น "เตียงคนไข้" ที่คุณต้องนอนนานแรมเดือน หรือไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย

น้ำตาล เพื่อนรักหรือศัตรูร้าย?

น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้โดยตรง ซึ่งในธรรมชาติเราพบน้ำตาลได้ในผัก ผลไม้ และอาหารหลายชนิด น้ำตาลธรรมชาตินั้นไม่มีปัญหา หากกินในปริมาณเหมาะสม

ปัญหาอยู่ที่ "เติมน้ำตาล" ซึ่งคือการที่เราเติมน้ำตาลลงไปในอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติ เช่น

• เครื่องดื่มชานม ชาเขียว กาแฟเย็น

• ขนมอบ เค้ก ขนมปังแผ่นหนา ๆ

• อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก ซอสสำเร็จรูป

• เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิด

เมื่อเรากินน้ำตาลมากกว่าความต้องการของร่างกาย น้ำตาลส่วนเกินจะไม่หายไป แต่ถูกเปลี่ยนเป็น ไขมันสะสม ทั้งในช่องท้อง ตับ หลอดเลือด หัวใจ และอวัยวะสำคัญอื่นๆ

ตัวเลขที่น่าตกใจ : เรากินหวานกันมากแค่ไหน?

ข้อมูลจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ย 26 ช้อนชาต่อวัน ขณะที่ WHO แนะนำไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน หมายความว่าเรากิน "มากกว่าที่ควร" ถึง 4 เท่า และเด็กไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยเกือบ 30 ช้อนชา/วัน

หวานพาไปติดเตียง เส้นทางโรคร้ายจากน้ำตาล

1. เบาหวาน

เมื่อบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เซลล์ร่างกายจะ "ดื้อต่ออินซูลิน" ฮอร์โมนที่คุมระดับน้ำตาลในเลือด ผลคือ น้ำตาลจะค้างอยู่ในกระแสเลือด จนกลายเป็น ภาวะเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมีแนวโน้มพบในคนอายุน้อยขึ้นเรื่อยๆ

ภาวะแทรกซ้อนที่น่ากลัวของเบาหวาน ได้แก่

• ตาบอด (เบาหวานขึ้นจอประสาทตา)

• ไตวาย

• แผลเรื้อรังที่เท้า จนถึงขั้นตัดขา

• เส้นเลือดในสมองตีบหรือตัน

ผู้ป่วยเบาหวานที่ดูแลไม่ดี มีโอกาส "ติดเตียง" จากแผลเรื้อรังหรืออัมพฤกษ์สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

2. โรคหัวใจและหลอดเลือด

น้ำตาลที่มากเกินจะกระตุ้นให้เกิด ไขมันเลว (LDL) เพิ่มขึ้น และไขมันดี (HDL) ลดลง ทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ

• เสี่ยงหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน

• ความดันโลหิตสูง

• อัมพาต หรืออัมพฤกษ์จากเส้นเลือดในสมองแตก

3. โรคไขมันพอกตับ

ไม่ใช่แค่คนดื่มเหล้าที่เป็น แต่ น้ำตาลฟรุกโตส ในเครื่องดื่มหวานจัดก็เป็นตัวการ ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลฟรุกโตสเป็นไขมัน และสะสมไว้ในตับ ทำเสี่ยงเกิดโรค

• ตับอักเสบเรื้อรัง

• ตับแข็ง

• เสี่ยงมะเร็งตับ

• และในระยะท้ายอาจต้อง "นอนติดเตียง" เพราะตับทำงานล้มเหลว

4. โรคไต

น้ำตาลมากเกินไปทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น ในคนเป็นเบาหวาน ไตจะค่อยๆ เสื่อม จนถึงขั้นต้องฟอกไต คนที่ไตเสื่อมระยะท้าย

• มักมีอาการอ่อนแรง

• เดินเหินลำบาก

• เสี่ยงติดเชื้อสูง

• และต้องนอนเตียงรับยาระงับปวด หรือฟอกเลือดวันเว้นวัน

5. โรคอ้วนและข้อเสื่อม

น้ำตาล = แหล่งพลังงานที่ใช้ไม่หมด = ไขมันสะสม โดยเฉพาะในช่องท้อง (Visceral fat) จะเพิ่มความเสี่ยงของโรค

• เบาหวาน

• ความดันโลหิตสูง

• โรคข้อเข่าเสื่อม

• การเคลื่อนไหวลดลง

• และท้ายที่สุด "พาร่างกายไปนอนนิ่งอยู่บนเตียง"

ติดหวาน = ติดยา ?

งานวิจัยชี้ว่า น้ำตาลกระตุ้นสมองให้หลั่งโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข เหมือนเวลาที่คนใช้สารเสพติดบางชนิด เช่น โคเคน หรือนิโคติน

สิ่งนี้ทำให้เกิดพฤติกรรม

• ต้องกินทุกวัน

• กินมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้รู้สึกดีเท่าเดิม

• หงุดหงิดเมื่องด

• ไม่สามารถหยุดได้เอง หรือที่เรียกว่า Sugar Addiction ภาวะติดน้ำตาลแบบเสพติด

สัญญาณเตือน "ติดหวาน" จนเสี่ยงสุขภาพ

• กินของหวานทุกวัน แม้ไม่หิว

• ชอบดื่มเครื่องดื่มรสหวานมากกว่าอาหารจริง

• ไม่อิ่มถ้าไม่ได้ของหวานตบท้าย

• น้ำหนักเพิ่มขึ้นแต่หยุดกินไม่ได้

• ตื่นกลางคืนมาหาของหวานกิน

• ค่าน้ำตาลในเลือด (FBS/HbA1c) เริ่มสูงผิดปกติ

จะลดหวานอย่างไรไม่ให้ทรมาน ?

1. เริ่มจากลดช้อนชา หากสั่งชานมใส่น้ำตาล 100% ลองเริ่มที่ 75% แล้วค่อยลดลง

2. รู้จักน้ำตาลแฝง เช่น น้ำผลไม้กล่อง ซอสมะเขือเทศ ซีเรียล ขนมปัง

3. อ่านฉลากก่อนซื้อ มองหาคำว่า "น้ำตาลรวม", "added sugar" และดูหน่วย "กรัม"

4. ทานผลไม้สดแทนขนมหวาน เช่น กล้วยหอม ส้ม แตงโม

5. เพิ่มโปรตีน ไฟเบอร์ ช่วยลดความอยากหวานได้ดี

6. พักผ่อนให้พอ ร่างกายที่พักไม่พอจะโหยน้ำตาลมากขึ้น

7. หาทางระบายเครียดอย่างอื่น เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ฟังเพลง หากิจกรรมอื่นๆ ทำแทนการกิน

สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้อง "ลดหวาน"

เวลาเจอของหวานที่เราชอบ ให้คิดถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ เช่น "ยิ่งหวาน ยิ่งเสี่ยง", "ยิ่งติด ยิ่งตกเป็นทาสน้ำตาล"
"ยิ่งอร่อยปาก อาจเจ็บปวดที่เตียง", "สุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่จานอาหารและแก้วเครื่องดื่ม"

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความจริงเอาไว้เตือนสติ ควบคุมการบริโภคหวาน เราไม่จำเป็นต้องเลิกหวาน 100% แต่ขอเพียงแค่ พอดี – มีสติ – มีวินัย

เพราะชีวิตไม่ควรจบลงด้วยน้ำตาล หากวันนี้คุณยังเลือกได้ อย่าปล่อยให้ความสุขเพียงไม่กี่นาทีจากของหวาน กลายเป็นความเจ็บปวดที่อยู่กับคุณไปทั้งชีวิต เพราะติดหวาน อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ ที่ปลายลิ้น แต่มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการ "นอนติดเตียงไปตลอดชีวิต" หยุดติดหวานวันนี้ เพื่อจะได้เดินได้อย่างมั่นคงในวันหน้า

Advertisement

แชร์
ติดหวานระวังติดเตียง เปิดเทคนิค "งดหวาน" ยังไง ปลอดภัยกับคนรอบข้าง