อยากสุขภาพดีต้องชัตดาวน์ "แสงสีฟ้า" เปิด 5 ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย เมื่อคุณเลิกนิสัย เล่นมือถือก่อนนอน เทคนิคหลับอย่างมีคุณภาพ
ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การใช้สมาร์ตโฟนก่อนนอนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการเช็กโซเชียลมีเดีย เล่นเกม ดูวิดีโอ หรือแม้กระทั่งทำงานผ่านมือถือ หลายคนอาจคิดว่า "เล่นอีกนิดก็หลับแล้ว" แต่ความจริงคือแสงจากหน้าจอและเนื้อหาที่บริโภคผ่านมือถือมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพการนอนหลับและสุขภาพโดยรวมของเรา
การหยุดใช้โทรศัพท์ก่อนนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ถือเป็นพฤติกรรมที่มีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ และนี่คือ "5 ผลลัพธ์สำคัญ" ที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มต้นเลิกนิสัยนี้ได้สำเร็จ และข้อแนะนำที่ทำตามได้จริง
ทำไมแสงจากมือถือถึงรบกวนการนอนหลับ ?
หน้าจอของมือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ปล่อย แสงสีฟ้า (Blue light) ซึ่งมีคุณสมบัติในการยับยั้งการหลั่งของ ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ฮอร์โมนตัวนี้ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมนาฬิกาชีวิตและสั่งให้ร่างกายรู้ว่าเมื่อไรควรหลับและตื่น การที่แสงสีฟ้ารบกวนการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้ร่างกายไม่รู้สึกง่วงและส่งผลให้เข้านอนได้ช้ากว่าที่ควร
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเลิกเล่นมือถือก่อนนอน
• คุณจะรู้สึกง่วงได้เร็วขึ้น
• ระยะเวลาการหลับลึก (Deep Sleep) เพิ่มขึ้น
• ตื่นมาแล้วสดชื่น ไม่รู้สึกเพลีย
• ความฝันลดลง เพราะสมองพักผ่อนเต็มที่
• อารมณ์ดีขึ้นในตอนเช้า
แสงสีฟ้าและการกระตุ้นสมอง
การดูหน้าจอมือถือไม่เพียงแต่ส่งแสงสีฟ้ามารบกวน แต่เนื้อหาที่เราเสพ เช่น การเลื่อนฟีดที่ไม่มีที่สิ้นสุด วิดีโอที่กระตุ้นอารมณ์ หรือข่าวสารที่สร้างความเครียด ล้วนส่งผลให้สมองต้องทำงานต่อเนื่อง ไม่มีช่วงผ่อนคลายก่อนนอน
การนอนและการฟื้นฟูสมอง
สมองของเราจะทำหน้าที่ "จัดระเบียบข้อมูล" และ "เก็บความจำ" ระหว่างการนอนหลับ การที่เราได้หลับอย่างเต็มที่โดยไม่มีสิ่งรบกวนจะทำให้สมองจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความจำระยะสั้นและระยะยาวดีขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเลิกเล่นมือถือก่อนนอน
• สมาธิในการทำงานและเรียนดีขึ้น
• ลดอาการหลงลืม
• ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น
• การตัดสินใจเฉียบคมขึ้น
• ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ในระยะยาว
มือถือกับสุขภาพจิต
หลายคนอาจไม่รู้ว่าการใช้มือถือก่อนนอนมีส่วนทำให้เกิดภาวะวิตกกังวล และความเครียดสะสม โดยเฉพาะการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นบนโซเชียลมีเดีย หรือการเสพข่าวลบก่อนนอน ทำให้สมองตึงเครียดและเกิดการคิดวนซ้ำ (Rumination) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า
ผลจากการนอนหลับที่ดีต่ออารมณ์
เมื่อคุณเลิกใช้มือถือก่อนนอน ร่างกายจะสามารถหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) และโดปามีน (Dopamine) ได้สมดุลมากขึ้น ฮอร์โมนทั้งสองมีบทบาทสำคัญต่อความสุขและอารมณ์ เมื่อหลับเต็มอิ่ม สมองจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี ลดความหงุดหงิดง่าย และมองโลกในแง่บวกมากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเลิกเล่นมือถือก่อนนอน
• อารมณ์นิ่งขึ้น ไม่เหวี่ยงง่าย
• ลดการคิดมากและวิตกกังวล
• ภาวะซึมเศร้าบรรเทาในระยะยาว
• ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้น
แสงสีฟ้ากับสุขภาพดวงตา
การจ้องหน้าจอเป็นเวลานานทำให้ตาแห้ง ปวดตา และเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration) โดยเฉพาะในตอนกลางคืนที่มีแสงน้อย การเล่นมือถือก่อนนอนทำให้ตาต้องรับภาระหนักเป็นพิเศษ
ระบบประสาทอัตโนมัติ
แสงจากหน้าจอมือถือยังส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ โดยกระตุ้นระบบซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) ซึ่งควรจะพักในช่วงกลางคืน การกระตุ้นระบบนี้ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง และนอนหลับยาก
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเลิกเล่นมือถือก่อนนอน
• อาการตาล้าและตาแห้งลดลง
• ลดความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อม
• ความดันโลหิตและชีพจรปกติ
• ระบบประสาทเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
วงจรฮอร์โมนกับการนอนหลับ
การหลั่งฮอร์โมนในร่างกาย เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ฮอร์โมนควบคุมความหิว (Ghrelin และ Leptin) และฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรานอนหลับสนิท การเล่นมือถือก่อนนอนรบกวนกระบวนการนี้ทั้งหมด
ส่งผลต่อรูปร่างและสุขภาพโดยรวม
โกรทฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเซลล์ เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และเผาผลาญไขมัน การที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอย่างเหมาะสมทำให้รูปร่างดีขึ้น ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี ลดความเสี่ยงเบาหวาน ความดัน และโรคอ้วน
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเลิกเล่นมือถือก่อนนอน
• รูปร่างกระชับ เผาผลาญดีขึ้น
• หิวน้อยลงตอนกลางคืน
• น้ำหนักลดโดยธรรมชาติ
• ลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย
แม้การเลิกเล่นมือถือก่อนนอนดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นยิ่งใหญ่เกินคาด คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น สมองทำงานดี สุขภาพจิตดี อวัยวะต่างๆ ได้ฟื้นฟูตามธรรมชาติ
การเริ่มต้นง่ายๆ อาจเริ่มจากการตั้งเวลาเลิกใช้มือถือไว้ล่วงหน้า ตั้งปลุกเป็นสัญญาณปิดหน้าจอ หันไปทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ หรือจดบันทึกประจำวัน แค่นี้ก็ช่วยให้คุณเปลี่ยนนิสัยได้ในไม่กี่วัน
ข้อมูลอ้างอิง
1. Harvard Medical School. (2015). Blue light has a dark side.
2. National Sleep Foundation. Why Electronics May Stimulate You Before Bedtime.
3. American Psychological Association. (2020). Sleep and mental health.
4. Mayo Clinic. Growth hormone and deep sleep.
5. Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism. Circadian rhythm and hormone balance.
Advertisement