ตับแข็งแรงแค่กินถูก! เคล็ดไม่ลับ อาหารช่วยบำรุงและปกป้องตับให้แข็งแรง
ตับแข็งแรงแค่กินถูก! เคล็ดไม่ลับ อาหารที่ช่วยบำรุงและปกป้องตับให้แข็งแรง เริ่มต้นง่ายๆ ที่การกิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตับเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย และเป็นอวัยวะเดียวที่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ อยู่ใต้ชายโครงด้านขวา โดยมีซี่โครงเป็นเกราะกำบัง มีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม แบ่งเป็น 2 ส่วน เรียกว่า ตับกลีบซ้ายและตับกลีบขวา มีบทบาทสำคัญในการกรองเลือด กักเก็บพลังงาน และผลิตน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร แต่น่าเสียดายที่บางโรคสามารถทำลายตับของเราได้ ฉะนั้นเราจึงต้องดูแลตับให้ดี เพราะตับเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่หลากหลาย หากตับทำงานผิดปกติ จะส่งผลเสียร้ายแรงต่อร่างกายซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
วิธีดูแลตับของเราให้แข็งแรง
1. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดภาวะอ้วน จนไขมันไปสะสมที่ตับหรือไขมันพอกตับ
2. ลดปริมาณอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลฟรุกโตส เช่น เครื่องดื่มหรืออาหารที่มีรสหวาน มากเกิน 24 กรัมต่อวันหรือเทียบเท่ากับประมาณ 6 ช้อนชา เนื่องจากน้ำตาลฟรุกโตสสามารถเปลี่ยนเป็นไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่จะไปสะสมที่ตับได้ รวมถึงทำให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของตับ
3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารอะฟลาทอกซินปนเปื้อนสูง เช่น ถั่วลิสงตากแห้ง พริกป่น ปลาเค็ม เป็นต้น เนื่องจากสารอะฟลาทอกซินทำให้เกิดการอักเสบของตับเรื้อรัง เกิดภาวะตับแข็ง และก่อให้เกิดมะเร็งตับ
4. ลดการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เสี่ยงต่อการเกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง
5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ข้อนี้สำคัญและเป็นเรื่องใกล้ตัว ตับของเราจะสุขภาพดีได้นั้น เริ่มต้นง่ายๆ ที่การกิน
แล้วกินอะไรได้บ้างให้ตับแข็งแรง?
- บร็อคโคลี่
ผักชั้นดีที่ช่วยดีท็อกซ์สารพิษและลดความเสียหายของเซลล์ตับได้ มีทั้งวิตามินซีและซัลเฟอร์ รวมทั้งสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยล้างพิษให้กับตับของเราได้
- แครอท
เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนที่ดี ซึ่งเป็นแคโรทีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีแคโรทีนอยด์ที่ช่วยบำรุงตับให้แข็งแรง มีงานวิจัยพบว่า แคโรทีนอยด์ในแครอทสีส้ม ช่วยบรรเทาไขมันพอกตับชนิดไม่มีแอลกอฮอล์ (NAFLD) หรือภาวะที่ไขมันสะสมในตับโดยไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ โดยมักสัมพันธ์กับโรคอ้วน เบาหวาน และภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ตับอักเสบหรือตับแข็งได้
- ขมิ้นชัน
ขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ตับ ขับสารพิษ และช่วยลดไขมันพอกตับ อย่างไรก็ตามควรระวังการรับประทานในปริมาณมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อตับได้
- อาหารที่มีโอเมก้า 3
จำพวกปลาทะเลน้ำลึก ไม่ว่าจะเป็น ปลาซาบะ ปลาทู แซลมอน หรือทูน่า จะช่วยลดการอักเสบของตับได้ จากผลการศึกษาแบบกลุ่มประชากรตามกลุ่มประชากรที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2566 ในวารสาร Frontiers in Public Health สรุปผล พบว่าการเสริมโอเมก้า 3 อาจช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคตับ โดยเฉพาะในผู้หญิง และผลการป้องกันนี้เห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษในโรคตับจากแอลกอฮอล์ โรคตับวาย และโรคตับจากแอลกอฮอล์
กรดไขมันโอเมก้า 3 อาจส่งผลโดยตรงต่อการเผาผลาญของตับ โดยเพิ่มการสลายไขมันในตับ ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของไขมันในตับ นอกจากนี้คุณสมบัติต้านการอักเสบของโอเมก้า 3 อาจช่วยต่อต้านการอักเสบของตับ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของโรคตับได้อีกด้วย
- ธัญพืชไม่ขัดสี
เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต บาร์เลย์ ควินัว และธัญพืชอื่นๆ เป็นส่วนที่ช่วยในการดูแลสุขภาพตับให้แข็งแรง ช่วยลดภาระการทำงานของตับได้ ใยอาหารและสารอาหารในธัญพืชเหล่านี้ช่วยลดการสะสมไขมันในตับ ลดการอักเสบ และเสริมสร้างการทำงานของตับ
- ผลไม้รสเปรี้ยว
ไม่ว่าจะเป็น ส้ม มะนาว กีวี เบอร์รี เกรปฟรุต เป็นต้น เหล่านี้จะช่วยสร้างกลูตาไธโอนตามธรรมชาติ และมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ผลไม้รสเปรี้ยวสำหรับตับเปรียบเสมือนเกราะโลหะที่ช่วยปกป้องตับจากอันตราย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพตับได้เป็นอย่างดี
บทความในเว็บไซต์ Genetic Nutrition ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลไม้รสเปรี้ยวอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และไฟโตเคมิคอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินซี ที่ทำหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ใยอาหารในผลไม้รสเปรี้ยวยังช่วยในการย่อยอาหารและส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของลำไส้ ซึ่งส่งผลดีต่อตับด้วย
รวมถึงอุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์ เช่น เฮสเพอริดินและนาริงเจนิน ซึ่งทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบและปกป้องเซลล์ในโรคที่เกี่ยวข้องกับตับได้ แต่ก็มีข้อให้ควรระวังเช่นกัน แม้ว่าผลไม้รสเปรี้ยวจะมีประโยชน์ต่อตับ แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดกรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก ปวดท้องหรือเสี่ยงเกิดนิ่วในไตเพิ่มจากสารประกอบบางชนิดในผลไม้รสเปรี้ยว
คอนเทนต์แนะนำ
Advertisement
