มะเร็งตับอาจเริ่มจากแค่อาการคัน หนึ่งในสัญญาณเตือนที่หลายคนมองข้าม
มะเร็งตับ (Liver Cancer) เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคตับเรื้อรัง เช่น ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ซึ่งมะเร็งตับมักไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์เมื่อโรคเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว
นายแพทย์อิศราพงษ์ ศิริชวโรจน์ อายุรแพทย์ชำนาญการด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า หลายคนอาจไม่รู้ว่า “อาการคันตามตัว” โดยไม่มีผื่น อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งตับโดยเฉพาะหากเกิดร่วมกับอาการอื่น เช่น ตัวเหลือง เหนื่อยง่าย หรือเบื่ออาหาร
1. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อเซลล์ตับเริ่มถูกทำลาย ร่างกายจะเผาผลาญและดูดซึมสารอาหารได้ลดลง ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายและน้ำหนักลดอย่างไม่ตั้งใจ
2. แน่นท้อง ปวดบริเวณชายโครงขวา
อาจมีอาการแน่นหรือปวดท้องด้านขวาบน ซึ่งเกิดจากก้อนมะเร็งในตับที่ขยายตัวและกดทับอวัยวะข้างเคียง
3. ตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน)
เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตับทำงานผิดปกติ ไม่สามารถขจัดสารบิลิรูบินออกจากร่างกายได้ ทำให้สารนี้สะสมในเลือด
4. คันตามตัว โดยไม่มีผื่น
เกิดจากสารพิษ เช่น บิลิรูบิน ที่สะสมในร่างกาย ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยโรคตับและมะเร็งตับ ควรพบแพทย์หากมีอาการคันต่อเนื่องโดยหาสาเหตุไม่ได้
5. เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องโต
อาจรู้สึกอึดอัดหรือแน่นท้องตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อมีน้ำในช่องท้อง หรือก้อนเนื้อในตับโตขึ้นจนกดทับระบบย่อยอาหาร
ตรวจคัดกรองมะเร็งตับ ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งมีโอกาสรักษาได้
การตรวจคัดกรองมะเร็งตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้มีไวรัสตับอักเสบบี/ซี ผู้ดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง หรือมีประวัติมะเร็งตับในครอบครัว
การตรวจที่แนะนำ ได้แก่:
• อัลตราซาวนด์ช่องท้อง (Ultrasound Whole Abdomen)
• ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP)
• ตรวจค่าการทำงานของตับ (LFTs)
• หรือหากมีประวัติมะเร็งในครอบครัว แนะนำให้ตรวจคัดกรองความเสี่ยงมะเร็ง (Cancer screening)
แม้ว่าอาการ “คันตามตัว” จะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากเป็นต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหนื่อยง่าย ตัวเหลือง แน่นท้อง หรือเบื่ออาหาร ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรคตับอย่างละเอียด เพราะยิ่งรู้เร็ว โอกาสในการรักษาก็ยิ่งสูงขึ้น
Advertisement