(22 ต.ค. 2568) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) เปิดเผยภายหลังการประชุมด่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเรียกประชุมวานนี้ (21 ต.ค. 2568) เพื่อดำเนินการตามปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรีที่ได้มีการเรียกประชุมคณะอำนวยการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้นำแนวทางที่นายกรัฐมนตรีมอบให้ โดยขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยกระดับการทำงานของศูนย์วอร์รูมที่จัดตั้งขึ้น ให้ทำงานร่วมกับธนาคารเพื่อดูแลเรื่องการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งตั้งแต่มีการจัดตั้งศูนย์ฯ สามารถระงับการเคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศได้มากกว่า 40%
เมื่อถามถึงการปฏิบัติงานของตำรวจไทยที่ดูเหมือนจะมีความแตกต่างกับทางการเกาหลีใต้ที่ใช้เวลาไม่กี่วันสามารถนำพลเมืองของตนกลับประเทศได้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ปฏิบัติ ตำรวจไทยเคยทำมาก่อนและมีความพยายามมาโดยตลอด โดยได้ยกตัวอย่างเมื่อเดือนสิงหาคมถึงกันยายนปี 2567 ตำรวจไซเบอร์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานงานกับตำรวจกัมพูชานำโดย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ขณะดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ ศปอส.ตร. โดยได้เดินทางไปกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อพูดคุยและมอบข้อมูลที่ตำรวจไทยเรียกว่า คดีภูริกาสิโน
โดยภูริกาสิโน เป็นที่ตั้งของทั้งกาสิโนและเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งตำรวจไทยสามารถขยายผลออกหมายจับผู้กระทำความผิดทั้งคนไทยและกัมพูชาได้มากกว่า 160 หมายจับ พร้อมมีตำแหน่งที่ตั้งของฐานปฏิบัติการสแกมเมอร์ที่ชัดเจน และนำข้อมูลทั้งหมดประสานกับทางการกัมพูชาที่แจ้งว่าจะมีการปฏิบัติการร่วมกัน
พล.ต.ท.ไตรรงค์ เผยว่า เมื่อทางการกัมพูชาพาตำรวจไทยไปดูตามสถานที่ตั้งที่เป็นอาคารปฏิบัติงานของสแกมเมอร์ ก็ได้พบอาคารที่มีรั้วรอบขอบชิด มีส่วนของการกักขังและห้องปฏิบัติงานเหมือนที่ตำรวจเกาหลีใต้เจอ แต่ภายหลังจากมีการกำหนดวันที่จะลงปฏิบัติการเข้าจับกุมและช่วยเหลือ กลับมีการเลื่อนนัดหมายโดยตลอด จนเวลาล่วงเลยไปกว่า 1 เดือน และขอให้เจ้าหน้าที่ไทยกลับประเทศก่อนจะมีการนัดหมายใหม่ ส่งผลให้ในครั้งนั้นตำรวจไทยต้องกลับบ้านมือเปล่า
ทั้งนี้ยืนยันว่าตำรวจไทยเดินหน้าปฏิบัติการดังกล่าวมาก่อนทางตำรวจเกาหลีใต้และทำอย่างจริงจัง เนื่องจากมีหมายจับที่ชัดเจนระบุรายชื่อบุคคลที่กระทำความผิดไว้ แต่ความร่วมมือที่เราได้รับจากทางการกัมพูชาแตกต่างจากเกาหลีใต้ เรื่องนี้อยู่ที่ทางกัมพูชาที่จะตัดสินใจให้ความร่วมมือกับไทยเหมือนกับที่ให้กับเกาหลีใต้หรือไม่
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ในการการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ตำรวจไทยได้มีการนำส่งข้อมูลถึงสถานที่ตั้งของสแกมเมอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา 62 จุด ให้ทางการกัมพูชา แต่ทางการกัมพูชาก็ไม่ยอมรับเรื่องนี้ พร้อมกับส่งข้อมูลจุดผ่านแดนธรรมชาติว่ามีการลักลอบข้ามแดน ซึ่งกัมพูชาก็ไม่ยอมรับ ส่งหมายจับไปให้ก็อยู่ระหว่างการเจรจา
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงต่างประเทศมีการยกระดับเกี่ยวกับมาตรการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ โดยจะต้องมีการประสานงานหน่วยงานต่างๆ หน่วยงานนานาชาติทั้งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และหน่วยงานการช่วยเหลือ ทั้งภาคเอกชน และ NGO ให้เข้ามาร่วมมือกันกับทางการไทยในการช่วยเหลือเหยื่อและส่งต่อข้อมูล รวมถึงกดดันไปยังประเทศที่เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์บุคคลในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นบุคคลสองสัญชาติ เช่น กรณีของออกญา ลี ยงพัด หรือชื่อไทยว่า พัด สุภาภา สมาชิกวุฒิสภาและนักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง เจ้าของบริษัทแอลวายพีกรุป (LYP Group)
เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตรวจสอบว่าผิดกฎหมายส่วนใดให้กระทรวงมหาดไทยรับเรื่องไป หากพบว่ามีความผิดก็จะมีการเพิกถอนสัญชาติเป็นลำดับต่อไป ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีหลักฐานแน่ชัดว่า พัด สุภาภา มีบัตรประชาชนของประเทศไทย แต่เป็นชาวกัมพูชา และมีชื่ออยู่ในเครือข่ายสแกมเมอร์ รีสอร์ทโอร์เสม็ดกาสิโน ที่ตั้งอยู่ฝั่งกัมพูชา ซึ่งคาดว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย สำนักงาน ปปง. มีการอายัดทรัพย์ พัด สุภาภา เฉพาะในประเทศไทยไปแล้วประมาณ 70 ล้านบาท
ส่วนกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศกัมพูชามีการกระจายตัวและบางส่วนหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับมีการนำชาวเกาหลีใต้ที่ทำงานเข้ามาซุกซ่อนร่วมด้วยนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่าขณะนี้ทราบเพียงกระแสข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ในการตรวจสอบยังไม่พบข้อเท็จจริงว่ามีการลักลอบนำชาวเกาหลีใต้เข้ามาในเมืองไทยผ่านช่องทางใด
Advertisement