
เชื่อว่าใครที่เล่น TikTok น่าจะต้องเคยเห็น งาน Coffee Party ที่เกิดขึ้นที่ไทย ที่ดูเผินๆเหมือนเราไปเที่ยว Night Club ตอนกลางคืน เพราะมีทั้ง DJ เปิดเพลง EDM แสง สี เสียง สุดอลังการ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ นี่คือความสนุกที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้า ชนแก้วด้วย a cup of coffee ไม่ใช่ glass of wine จบงานแค่ 5 โมงเย็น กลับบ้านแบบไม่แฮงก์แต่ได้ความสนุกเหมือนไปเที่ยวตอนกลางคืน และนี่คือ core concept ของ Coffee Party ปาร์ตี้กาแฟที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่สายรักสุขภาพ
ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นงาน Coffee Party ได้เกิดขึ้นมากมายในไทย แต่งานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คืองาน Morning Affair เพราะล่าสุดพวกเขาสามารถจัดงานให้มีผู้ร่วมงานได้มากถึง 3,500 คน ซึ่งนี่เป็นสเกลที่เทียบเท่ากับการจัดคอนเสิร์ต หรือเรียกได้ว่าเป็น mini–Music Festival เลยก็ว่าได้
ความน่าสนใจของงาน Morning Affair นี้ เกิดขึ้นจากการจับมือของ 2 แบรนด์ดังที่ต่างกันสุดขั้ว อย่างร้านกาแฟ RISE COFFEE ที่ Progressive Coffee Space และร้าน Night Club ชื่อดังอย่างแบรนด์ Tictactoe โดยใช้เวลาดีลงานเพียงแค่ 2 นาที และหัวใจหลักในการจัดงาน คือ ‘การสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า’ ไม่ได้คาดหวังกำไร
โดยบทความนี้ ทีม SPOTLIGHT ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 2 ผู้จัด คุณกษิดิศ เหล่าบุญมี Co-founder RISE COFFEE และคุณธีธัช เยื่องศรีกุล Co-founder Tictactoe
คุณกษิดิศ ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า โปรเจกต์ Morning Affair ตนใช้เวลาตอบตกลงคุณธีธัช เพียง 2 นาที! เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์อยากจับมือกันเพื่ออยากสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นไปเจอคอนเซปต์ Morning Party ที่ต่างประเทศ ก็เลยมองว่า Coffee Party นี่แหละดูเข้ากับทั้ง 2 แบรนด์
โดยสิ่งที่ทำให้ตอบตกลงอย่างรวดเร็วเนื่องจาก คิดว่า 2 แบรนด์ ( RISE COFFEE - Tictactoe) มี character ที่คล้ายๆกัน มีความสนุกคล้ายๆกัน และที่สำคัญมีกลุ่มลูกค้าคล้ายๆกัน ซึ่งหากจะจัดโปรเจกต์อะไรก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสามารถ blend in ธุรกิจของทั้ง RISE COFFEE และTictactoe เข้าไปด้วยกันได้
และหากมาเจาะที่กลุ่มลูกค้า คุณธีธัชได้เล่าว่า Tictactoe และ RISE COFFEE มีกลุ่มลูกค้าที่ใกล้เคียงกันมาก โดยเป็นกลุ่ม lifestyle ที่ตอนกลางวันกินกาแฟที่ Rise แต่พอตอนกลางคืนก็มาเที่ยว Tictactoe
ความน่าสนใจนี้คือการร่วมทำโปรเจกต์กันเพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น โดยใส่กิมมิก ความสนุก แต่จะต้องไม่ทิ้ง DNA ขอทั้ง 2 แบรนด์ โดยการจัด Morning Affair สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าเก่าให้กลายเป็นลูกค้าใหม่ สร้าง royal customer และการขยายฐานกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ อย่างเช่น
คุณกษิดิศ และ คุณธีธัช ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า Morning Affair จัดมาแล้ว 5 ครั้ง ซึ่งทุกรอบที่จัดจะมีการพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น พร้อมกับการใส่ความเล่นใหญ่และกิมมิกที่ตอบโจทย์ ตรงใจคนรุ่นใหม่
หากเราอ่านมาถึงตรงนี้ เราจะพบว่ากลยุทธ์ที่สำคัญของ ผู้จัด Morning Affair คือการยึดหลัก Customer Centric หรือการปรับการบริการทุกอย่างให้ตอบโจทย์ตรงใจกับลูกค้าให้ได้มากที่สุด
คุณกษิดิศ ได้เล่าให้ทีม SPOTLIGHT ฟังว่า “การเริ่มต้นทำธุรกิจสมัยนี้ มันไม่เหมือนแต่ก่อนที่ เราพัฒนาสินค้าออกมาแล้วค่อยหาวิธีการขาย มองว่าตอนนี้เราต้องฟังลูกค้ามากๆพยายามหา inside จากลูกค้า ว่าลูกเขารู้สึกยังไง ชอบไหม ความต้องการของเขาคืออะไร แล้วค่อยเอาอินไซต์พวกนี้มาพัฒนาสินค้าของเรา เพื่อให้ตอบโจทย์เค้า แล้วพอตอบโจทย์เค้า เค้า happy เค้าก็จะบอกต่อเป็น Word of Mouth”
และในยุคที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วย content และกระแสของ social media ก็ได้เกิดกระแสการรีวิว Morning Coffee ของ Morning Affair ไวรัลทั่วโลกออนไลน์ ทั้งรีวิวความสนุกของงาน กิมมิกของงาน ที่ทำให้ใครหลายๆคนอยาจจะมาลองเปิดใจเที่ยวดูสักครั้ง
และเมื่อทีม SPOTLIGHT ได้ถาม 2 ผู้จัดขอ how to การทำธุรกิจไม่ใช่แค่ให้อยู่รอด แต่ต้องรุ่งในยุคปัจจุบัน กลับได้คำตอบที่น่าสนใจในแบบผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่
คุณธีธัช ได้เล่าว่า “ตอนนี้เทรนด์มันมีเยอะมาก เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ถ้าหากเราจับทุกเทรนด์ เราตายแน่อนไม่ทันแน่นอน core ต้องชัดเจน identity ต้องชัดเจน พอเทรนด์ใหม่มาเราก็เลือกจับให้มันตรงกับ core เรา หรือถ้าเราปั้นแบรนด์ให้แข็งแรง เรานี่แหละจะสามารถสร้างเทรนด์ได้”
ส่วนคุณกษิดิศ ได้เล่าว่า “ 3 สิ่งที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดคือ จุดยืนต้องชัด, ปั้นแบรนด์ให้แข็ง, operation ให้ดี การทำธุรกิจในยุคนี้มันยาก สิ่งสำคัญคือเราต้องมีจุดยืนอย่างชัดเจน ต้องฟังลูกค้าแต่สิ่งสำคัญคือเราห้ามลืมคือตัวตนของเรา ในที่นี่หมายถึง ถ้าเราปรับตามเสียงลูกค้าตลอดเวลาจนจุดยืนเราหาย สุดท้ายแล้วเราจะไม่มีอะไรที่ชัดเจนหรือน่าจดจำ”