21 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซาระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมากองทัพอิสราเอลโจมตีกาซาอีกระลอก ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คน และอีกจำนวนมากต้องลี้ภัย ในขณะเดียวกัน รถถังอิสราเอลรุกล้ำเข้าพื่นที่ที่มีประชากรหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
อิสราเอลชี้ว่า พื้นที่เมืองกาซาซิตีเป็นป้อมปราการสุดท้ายของกองกำลังติดอาวุธฮามาส โดยกองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดิน ทำลายอาคารบ้านเรือนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว อ้างว่ากลุ่มฮามาสใช้งานบ้านเรือนเหล่านั้น
หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากการโจมตีเมื่อวันอาทิตย์คือ หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งเสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง และลูกเล็กอีก 2 คนของเธอ ด้านทางการอิสราเอลไม่ได้กล่าวถึงการเสียชีวิตดังกล่าว แต่ระบุในแถลงการณ์ว่า กองทัพอิสราเอลได้สังหารทหารจำนวนมาก
ญาติของผู้เสียชีวิต พยายามค้นหาเครื่องของข้าวใช้ของตนในตึกอพาร์ตเมนต์ที่ถูกทำลาย โมซาลลาม อัล-ฮาดัด พ่อสามีของหญิงท้องที่เสียชีวิตกล่าวถึงการเสียชีวิตชองเธอ
“แม่ ลูกชาย ลูกสาว ลูกในท้อง เราเจอตายหมดเลย” เขากล่าวและชี้ว่า ลูกชายของเขาก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน “เขาสาหัสมาก เราพาเขาไปโรงพยาบาล ขาของเขาถูกตัดขาด”
เมื่อวันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 อิสราเอลแถลงว่า กองทัพได้ขยายปฏิบัติการในเมืองกาซาซิตีตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา และสังหารทหารไป 30 นาย
เมื่อวันอาทิตย์ พยานระบุว่า รถถังของอิสราเอลกำลังเคลื่อนที่มุ่งหน้าทางตะวันตก ผ่านเทล อัล-ฮะวา ชานเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้
กองทัพอิสราเอลประเมินว่า คนกว่า 450,000 คนได้หนีออกจากเมืองนี้แล้วตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ฮามาสโต้แย้งข้อมูลนี้ กล่าวว่า มีคนลี้ภัยไปราว 300,000 คน และยังมีคนอาศัยอยู่ 900,000 คน
ทางตอนใต้ของอิสราเอล เสียงไซเรนดังกระหึ่ม เมื่อกองกำลังฮามาสยิงจรวด 2 ลูกข้ามชายแดน ลำหนึ่งถูกสกัดไว้ได้ ส่วนอีกลำตกลงในทุ่งโล่ง ไม่มีรายงายผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ
การโจมตีของอิสราเอลทำให้เกิดการประณามจากหลายประเทศ ประเทศตะวันตกหลายประเทศ (สหรชอาณาจักร, แคนาดา, ออสเตรเลีย, และโปรตุเกส) ประกาศจะรับรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ ก่อนการประชุมผู้นำประจำปีที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในสัปดาห์นี้