คิม จองอึนยอมคุยทรัมป์ ถ้าเลิกหมกมุ่นเรื่องจะปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ
สำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) รายงานว่า ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ คิม จองอึน แถลงว่า ไม่มีเหตุผลใดที่ตัวเขาจะหลีกเลี่ยงการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ หากรัฐบาลวอชิงตัน ดี.ซี. เลิกยืนกรานจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพราะเขาไม่มีวันที่จะสละคลังอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการหลุดพ้นจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ผู้นำคิมยังกล่าวอีกว่า “โดยส่วนตัวแล้ว ผมยังคงมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
… หากสหรัฐฯ เลิกหมกมุ่นไร้สาระกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์และยอมรับความเป็นจริง และต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างแท้จริง ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เราจะไม่นั่งลงและพูดคุยกับสหรัฐฯ”
ทั้งนี้ คิม จองอึนอ้างมาเสมอว่า การสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เป็นไปเพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศจากภัยคุกคามร้ายแรงของสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ รวมไปถึงการซ้อมรบทางทหารกับประเทศพันธมิตรอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการซ้อมรบเพื่อทำสงครามนิวเคลียร์ ถือเป็นเรื่องของการเอาชีวิตรอดด้วยเช่นกัน
เกาหลีใต้พยายามเจรจามา 6 ปี
ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้น ในเวลาที่รัฐบาลเสรีนิยมชุดใหม่ของเกาหลีใต้ กำลังเรียกร้องให้ทรัมป์เป็นผู้นำในการเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลเกาหลีใต้พยายามจะเจรจามาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แต่ต้องล้มเหลวด้วยการปะทะกันในเรื่องมาตรการคว่ำบาตรและความพยายามในการรื้อถอนอาวุธนิวเคลียร์
ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งในสมัยที่ 2 รัฐบาลเกาหลีใต้ก็แสดงความพยายามที่จะขอเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างกระตือรืนร้น แต่ในฝั่งของรัฐบาลเปียงยางมีท่าทีเพิกเฉยและปฏิเสธจะร่วมโต๊ะเจรจาในทุกครั้ง
คิม จองอึน กล่าวว่าการยื่นข้อเสนอเจรจาครั้งล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเกาหลีใต้นั้นไม่จริงใจ เนื่องจากเจตนาพื้นฐานคือต้องการทำให้เกาหลีเหนืออ่อนแอลงและทำลายระบอบการปกครองของเขา พร้อมเสริมว่าข้อเสนอแบบค่อยเป็นค่อยไปของเกาหลีใต้ในการยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนี้
ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือประกาศกร้าว ระบุว่า “โลกรู้ดีอยู่แล้วว่าสหรัฐฯ จะทำอะไรหลังจากที่บังคับให้ประเทศใดประเทศหนึ่งยอมสละอาวุธนิวเคลียร์และปลดอาวุธ แต่เกาหลีเหนือจะไม่มีวันยอมสละอาวุธนิวเคลียร์ของเรา จะไม่มีวันเกิดขึ้น และจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกตลอดกาล การเจรจากับศัตรูเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของใดๆ เพียงเพราะอยากยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร”
มาตรการคว่ำบาตร หนทางสู่สันติภาพ?
ผู้นำสูงสุดคิม จองอึน กล่าวว่า การคว่ำบาตรถือเป็น “ประสบการณ์การเรียนรู้” และทำให้เกาหลีเหนือของเขามีความเข้มแข็งและยืดหยุ่นมากขึ้น
เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหลายชุด ซึ่งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการห้ามซื้อขายอาวุธ ซึ่งทำให้เงินทุนสำหรับการพัฒนาด้านการทหารถูกจำกัด แต่เกาหลีเหนือก็ยังคงมีความก้าวหน้าในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีประสิทธิภาพ
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อี แจมยอง กล่าวในบทสัมภาษณ์กับรอยเตอร์สว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวไม่สามารถหยุดยั้งเกาหลีเหนือได้ ซึ่งปัจจุบันเกาหลีเหนือเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์จำนวน 15 ถึง 20 ลูกเข้าไปในคลังแสงทุกปี เขากล่าวเสริมว่า “ความจริงก็คือวิธีการคว่ำบาตรและกดดันแบบเดิมไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเลย กลับทำให้ปัญหาแย่ลง”
นายอี แจมยอง ได้ยื่นข้อเสนอสันติภาพนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า การเจรจากับเปียงยางเป็นสิ่งจำเป็น และได้เสนอขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในที่สุด พร้อมยอมรับว่า การเจรจากับเกาหลีเหนือยังคงมีอุปสรรค แต่เขายังคงเชื่อว่าแนวทางแบบเป็นขั้นเป็นตอนในการรื้อถอนโครงการนิวเคลียร์ของเปียงยางเป็นทางเลือกที่สมจริง นอกจากนี้ เขายังเชื่อมันในตัวทรัมป์ว่าจะสามารถเปิดทางเจรจากับคิม จองอึนได้สำเร็จ
