ธุรกิจการตลาด

Apple ปล่อยแว่น VR และสินค้าราคาเหยียบแสน - iPhone 8 และ X อดไปต่อ

6 มิ.ย. 66
Apple ปล่อยแว่น VR และสินค้าราคาเหยียบแสน - iPhone 8 และ X อดไปต่อ

Apple ได้เปิดตัวหลากหลายผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในงาน WWDC 2023 เมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา แต่ไฮไลต์คงหนีไม่พ้น ‘Apple Vision Pro’ แว่น AR/VR ตัวแรกที่ออกมาตามคาด ด้วยป้ายราคา “120,000 บาท” แพงกว่าสินค้าหลักของบริษัทอย่าง iPhone 14 ถึงเกือบ 4 เท่าตัว อีกทั้งยังเปิดตัวหลากหลายผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ระดับเทพ ซึ่งมีราคาค่าตัวเจาะตลาดพรีเมียมโดยเฉพาะ

 

Apple Vision Pro

 

นอกจากนั้น ในงานนี้ Apple ยังเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ‘iOS 17’ ที่มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย และเป็นการส่งสัญญาณให้เจ้าของ iPhone รุ่นเก่าๆ เตรียมทำใจเปลี่ยนเครื่อง เพราะในการอัพเดตที่จะถึงนี้ iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X จะไม่ได้ไปต่อกับ iOS 17 นั่นเอง

มาดูไฮไลต์ผลิตภัณฑ์ตัวเด็ด พร้อมส่องฟีเจอร์เด่นๆ ของ iOS 17 ไปพร้อมกัน

 

Apple ปล่อยสารพัดสินค้าระดับเทพ พร้อมเปิดตัว ‘Vision Pro’ แว่น AR/VR ราคาหลักแสน

 

Apple Vision Pro ราคา

 

Vision Pro ‘แว่น AR/VR ข้ามโลก’
เริ่มต้น 120,000 บาท

 

ตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้ ในที่สุด Apple ก็ปล่อยแว่น AR/VR ออกมาให้สาวกได้เตรียมเป็นเจ้าของ แต่ด้วยระดับราคาสุดแรงที่ 3,499 ดอลลาร์ (121,545 บาท) แพงกว่าคู่แข่งอย่าง Meta Quest 3 รุ่นใหม่จากค่าย Meta ถึงเกือบ 10 เท่า และแพงกว่ารุ่นท้อป Meta Quest Pro ราว 3.5 เท่า ซึ่งชี้ให้เห็นว่า Apple ต้องการปล่อยสินค้าสุดล้ำตัวนี้มาเพื่อลองตลาดโลกเสมือน กับตลาดกลุ่มบน หรือคนที่คลั่งไคล้เทคโนโลยีที่ต้องการสัมผัสนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนใคร

 
 สเปกที่น่าสนใจของ Apple Vision Pro มีดังนี้

  • จอภาพ micro - OLED ความละเอียดระดับ 4K ข้างละ 23 ล้านพิกเซล

  • ใช้เลนส์ Zeiss ตัดเลนส์สายตาเพิ่มได้

  • มีลำโพงตัวเล็กอยู่บนสายคาด รองรับ Spatial Audio

  • ใช้ชิปประมวลผล M2 และชิปชนิดใหม่ R1 ที่สร้างขึ้นเพื่อประมวลผล AR/VR โดยเฉพาะ

  • ใช้ระบบปฏิบัติการ visionOS

  • มีกล้องด้านหน้า สำหรับส่องสิ่งแวดล้อมแล้วในห้อมเสมือน มีกล้องอินฟาเรดและหลอด LED ในแว่น จับความเคลื่อนไหวของตวงตา เป็นการผสมผสานทั้ง AR (สร้างไอเทมเสมือน บนโลกจริง) และ VR (พาเราเข้าไปอยู่ในโลกเสมือน)

  • มีจอด้านหน้าที่แสดงภาพดวงตาของเรา ให้คนภาพนอกรู้สึกว่าเรากำลังมีปฏิสัมพันธ์ด้วยได้

  • ใช้วัสดุที่ออกแบบมาเพื่อความสบาย คล้ายกับหูฟัง Airpods Max

  • มีปุ่มกด และเม็ดมะยม เหมือนบน Apple Watch และ Airpods Max

  • ใช้งานได้ 2 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แบตเตอรี่เป็นแพ็คแยกออกจากกตัวแว่น

  • จับมือกับ Disney สร้างประสบการณ์ความบันเทิงมิติใหม่

 

Macbook Air 15 นิ้ว
 

Macbook Air 15 นิ้ว ‘บางสุดในโลก’
เริ่มต้น 47,900 บาท

 
Apple เพิ่มอีกหนึ่งไลน์ผลิตภัณฑ์ให้กับ Macbook Air ด้วย ขนาดใหม่ 15 นิ้ว ซึ่ง The Verge ระบุว่า เป็นโน้ตบุคขนาด 15 นิ้วที่ ‘บางที่สุดในตลาด’ ในตลาดขณะนี้ มาพร้อมกับชิป M2 ตัวล่าสุด สเปกที่น่าสนใจมีดังนี้

  •  หน้าจอ Liquid Retina Display ขนาด 15.3 นิ้ว
     
  • มีความหนาเพียง 11.5 นิ้ว บางที่สุดในโลก
     
  • ดีไซน์เหมือนรุ่น 13 นิ้ว มีบากกล้อง (Notch) ระบบสแกนนิ้วมือ (Touch ID)
     
  • มีพอร์ต Thunderbolt 2 พอร์ต, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และที่เสียบชาร์จแบบ MagSafe
     
  • ความสว่างของจอภาพ 500 nits
     
  • แบตเตอรีใช้งานได้นาน 18 ชั่วโมง (Battery Life 50%)
     
  • ความจุสูงสุด 2TB
     
  • ใช้ชิป Apple M2
     
  • CPU 8-core และ GPU 10-core
     
  • มีให้เลือก 4 สี คือ Midnight, Starlight, Space Gray และ Silver

 

M2 Ultra

 

 
ในงานนี้เอง Apple ยังได้เปิดตัวชิป M2 Ultra ตัวท้อปในตระกูล Apple M2 ที่เหนือกว่า M2 Max ซึ่งมีสเปกที่น่าสนใจกว่ารุ่นก่อนดังนี้

 

  • ใช้เทคโนโลยี 5nm
     
  • CPU 24-core เร็วขึ้น 20% และ GPU สูงสุด 76-core เร็วขึ้น 30%
     
  • ความจุสูงสุด 192GB
     
  • รองรับการต่อจอมากถึง 6 จอ (Pro Display XDRs)


 
และการเปิดตัว M2 Ultra นี้ มีผลให้ ‘Mac Studio’ และ ‘Mac Pro’ PC ตัวท้อปสำหรับมืออาชีพของ Apple เร็ว แรงขึ้นกว่าเดิม (แต่ยังคงดีไซน์เดิมอยู่) มีจุดที่น่าสนใจดังนี้

 

Mac Studio M2 Ultra

 

Mac Studio ‘ขุมพลังล้ำโลก’
M2 Max เริ่มต้น 74,900 บาท
M2 Ultra เริ่มต้น 149,900 บาท

 

  •  ใช้ชิปตระกูล M2 Max ความเร็ว 4 เท่าและ M2 Ultra ความเร็ว 6 เท่า (เร็วกว่าชิป M1 25%)

  • CPU 24-Core และ GPU 76-Core

  • เพิ่มประสิทธิภาพการเรนเดอร์เร็วขึ้น 50%

  • ความจุสูงสุด 192 GB (M2 Ultra) / 8 TB (Storage)

  • จอรองรับการแสดงผล 8K ที่ 240Hz

  • รองรับ Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.3

 

Mac Pro M2 Ultra

 

Mac Pro
‘สเปกแรงทะลุโลก’
เริ่มต้น 249,900 บาท

 

  •  ดีไซน์เดิม แต่เปลี่ยนชิปเป็น M2 Ultra

  • CPU 24-Core และ GPU 76-Core

  • รองรับการต่อสูงสุด 6 จอ (Pro Display XDRs)

  • ความจุสูงสุด 192 GB (M2 Ultra) / 8 TB (Storage)

  • รองรับ Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.3

  • มีทั้งให้เลือกเป็นแบบขาตั้ง (Tower) และแบบแร็ค (Rack) สามารถซื้อล้อเสริมได้

 

 iOS17 มีอะไรใหม่ - iPhone 8, 8 Plus, X ไม่ได้ไปต่อ

 

iPhone 8 X

 

ทางฝั่งซอฟต์แวร์ ในงาน WWDC23 ครั้งนี้ Apple ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นล่าสุดของทั้ง iOS17, iPadOS 17, MacOS Sonoma และ WatchOS 10 ด้วย

โดยไฮไลต์สำคัญที่ของสาวก iPhone ก็มักหนีไม่พ้น iOS ตัวใหม่ และ iPhone รุ่นที่ไม่ได้ไปต่อ ซึ่งในการอัพเดตครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ iPhone รุ่นที่สามารถอัพเดตเป็น iOS17 ได้มีดังนี้
 

  • iPhone 14
  • iPhone 14 Plus
  • iPhone 14 Pro
  • iPhone 14 Pro Max
  • iPhone 13
  • iPhone 13 Mini
  • iPhone 13 Pro
  • iPhone 13 Pro Max
  • iPhone 12
  • iPhone 12 Mini
  • iPhone 12 Pro
  • iPhone 12 Pro Max
  • iPhone 11
  • iPhone 11 Pro
  • iPhone 11 Pro Max
  • iPhone XS
  • iPhone XS Max
  • iPhone XR
  • iPhone SE (2nd gen)

 
โดยรุ่นที่จะไม่ได้รับการสนับสนุนใน iOS17 นี้ คือตั้งแต่ iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X ลงไป

 

ios17

 
สำหรับฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ iOS 17 มีดังนี้

 

  •  ปลุก Siri ไม่ต้องเรียก Hey Siri แล้ว เหลือแค่ Siri แทน
     
  • ถ้า AirDrop ไม่เสร็จ ส่งผ่านอินเตอร์เน็ตต่อได้ โดยไม่ต้องอยู่ใกล้กัน
     
  • ปรับแต่งหน้าจอสายเรียกเข้าได้มากขึ้น
     
  • สร้างสติ๊กเกอร์ อีโมจิในแอป Messages จากรูปหรือวิดีโอที่ไดคัทเองได้แล้ว
     
  • เปิดตัวฟีเจอร์ NameDrop แตะเครื่องเพื่อแลกเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล ผ่าน AirDrop (เหมือนแลกนามบัตร)
     
  • มีฟีเจอร์ภาพพักหน้าจอใหม่ เปลี่ยนไอโฟนเป็นปฏิทิน นาฬิกาตั้งโต๊ะ หรือกรอบรูปดิจิทัลได้
     
  • ใช้งานแผนที่แบบ Offline ได้แล้ว

 

Apple NameDrop



Apple เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ Top 3 ของโลกมาอย่างต่อเนื่อง ความกล้าหาญที่จะตั้งราคาสินค้าตัวใหม่ในระดับราคาที่แพงกว่าผู้เล่นในตลาดนับ 10 เท่านี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์ของตัวเอง และการจับลูกค้าในตลาดพรีเมี่ยม - ลักชัวรี่ และกลุ่มคลั่งไคล้เทคโนโลยี ‘Early Adopter’ ที่ต้องการสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ก่อนใคร ซึ่งจากโควิด-19 ที่ผ่านมาก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า กลุ่มตลาดบนได้รับผลกระทบน้อยจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และยังพร้อมใช้จ่ายกับสินค้าที่พวกเขาชื่นชอบหากมองว่าคุ้มค่าน่าลอง

 

ต้นปี 2024 เราและ Apple คงจะได้ฟังเสียงตอบรับของสาวกกระเป๋าหนา ที่กล้าซื้อแว่น AR/VR ราคาทะลุแสนอย่าง Vision Pro มาใช้ หลังจากนั้น จึงจะได้เห็นท่าทีของ Apple ว่าจะปล่อยรุ่นราคาที่ถูกลงมาเมื่อไร และมีแผนการจะสู้กับเจ้าตลาดอย่างเช่น Meta, HTC, Valve ฯลฯ อย่างไร


ที่มา : Apple, The Verge, MacThai

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT