Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
FDI พุ่ง แต่เทคฯ ไม่ซึม เวียดนามเสี่ยงติดหล่มฐานผลิต ไร้ความรู้ต่อยอด
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

FDI พุ่ง แต่เทคฯ ไม่ซึม เวียดนามเสี่ยงติดหล่มฐานผลิต ไร้ความรู้ต่อยอด

26 ธ.ค. 68
15:09 น.
แชร์

เวียดนามกำลังถูกจับตามองในฐานะ “ดาวรุ่ง” ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก หลังเงินลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Samsung และผู้ผลิตอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โรงงานผลิตเซิร์ฟเวอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ผุดขึ้นทั่วประเทศ จนภาพรวมทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า เวียดนามกำลังจะเป็น “The Next China” ในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีโลกหรือไม่

แต่ภายใต้กระแสการย้ายฐานการผลิตและตัวเลข FDI ที่เติบโตอย่างโดดเด่น งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัย RMIT Vietnam กลับชวนให้มองลึกกว่านั้น นักวิจัยตั้งคำถามสำคัญว่า การเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยทุนต่างชาติ กำลังถ่ายทอดองค์ความรู้และยกระดับศักยภาพทางเทคโนโลยีให้กับบริษัทท้องถิ่นจริงเพียงใด พร้อมเตือนว่า หากรูปแบบการพัฒนาไม่เปลี่ยน เวียดนามอาจเผชิญ “กับดักการประกอบ” ที่ทำให้ประเทศติดอยู่ในบทบาทผู้รับจ้างผลิตขั้นปลาย แม้โรงงานจะเพิ่มขึ้น แต่ความสามารถในการไต่ระดับสู่ห่วงโซ่มูลค่าสูงอาจยังคงอยู่ไกลเกินเอื้อม

ผลิตภาพตามหลังแนวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย RMIT Vietnam ได้พัฒนาวิธีการวัดผลิตภาพของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยสร้างตัวชี้วัดที่เรียกว่า “แนวหน้าทางเทคโนโลยี” ซึ่งสะท้อนศักยภาพสูงสุดของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยและมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ก่อนนำมาเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานของบริษัทในเวียดนาม

ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า บริษัทท้องถิ่นของเวียดนามสามารถดำเนินงานได้เพียงราว 64% ของแนวหน้าที่กำหนดโดยบริษัทต่างชาติ กล่าวคือ หากบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในโลกสามารถผลิตสินค้าได้ 100 หน่วย ภายใต้ระดับทุน แรงงาน และต้นทุนอื่น ๆ เท่ากัน บริษัทเวียดนามโดยเฉลี่ยจะผลิตได้เพียง 64 หน่วยในเงื่อนไขเดียวกัน

ประเด็นที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ตัวเลขช่องว่างด้านผลิตภาพนี้แทบไม่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วงปี 2554-2563 สะท้อนว่า การไหลเข้าของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศตลอดกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นการยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถทางเทคโนโลยีของบริษัทท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยจึงตั้งข้อสังเกตว่า ในบริบทเช่นนี้ FDI ที่เพิ่มขึ้นอาจกลายเป็นแรงกดดันต่อภาคธุรกิจในประเทศ มากกว่าจะทำหน้าที่เป็นกลไกหนุนการพัฒนา

เหงียน เจา จิ่ญ อาจารย์เศรษฐศาสตร์จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย RMIT Vietnam ระบุว่า เมื่อทุนต่างชาติครองบทบาทหลักในห่วงโซ่มูลค่า การแข่งขันย่อมทวีความเข้มข้นขึ้น และมีความเสี่ยงที่บริษัทท้องถิ่นจะถูกเบียดออกจากตลาด หรือถูกจำกัดบทบาทให้อยู่เพียงกิจกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ ซึ่งเปิดโอกาสน้อยมากในการยกระดับเทคโนโลยีและก้าวขึ้นสู่ขั้นที่สูงกว่าในห่วงโซ่อุตสาหกรรม

ส่งออกโตจาก FDI แต่เทคโนโลยียังไม่ไหลลงฐานราก

แม้เวียดนามจะถูกจับตามองว่าเป็นฐานการผลิตใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ตั้งแต่ชิ้นส่วนเซิร์ฟเวอร์ของ Foxconn ไปจนถึงสมาร์ตโฟนของ Google แต่งานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นภาพอีกด้านหนึ่งของความสำเร็จดังกล่าว โดยระบุว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 98% ของมูลค่าส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดของประเทศ ตัวเลขนี้สะท้อนว่า แกนหลักของอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในมือบริษัทข้ามชาติ ขณะที่การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการท้องถิ่นยังเกิดขึ้นอย่างจำกัด

นักวิจัยระบุว่า นักลงทุนจากญี่ปุ่นและโดยเฉพาะเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแหล่ง FDI รายใหญ่ของเวียดนามมาอย่างยาวนาน มักดำเนินธุรกิจผ่าน “เครือข่ายปิด” นำซัพพลายเออร์ของตนเองเข้ามาพร้อมกับการลงทุน และมีความเชื่อมโยงกับผู้ผลิตในประเทศค่อนข้างต่ำ ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีแกนหลัก การออกแบบ และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์สำคัญ ยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ

บทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Research Policy ยังชี้ให้เห็นความแตกต่างของพฤติกรรมนักลงทุน โดยพบว่า บริษัทจากจีน ไต้หวัน และบางประเทศในอาเซียน มีแนวโน้มเปิดรับการจัดหาชิ้นส่วนและบริการจากภายในประเทศมากกว่า ทั้งในรูปแบบการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค การถ่ายทอดความรู้ และการดึงซัพพลายเออร์ท้องถิ่นเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิต ซึ่งอาจช่วยยกระดับเทคโนโลยีและผลิตภาพของบริษัทเวียดนามได้ในระดับหนึ่ง

แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณบวกเป็นจุด ๆ เช่น กรณีของ Synopsys บริษัทผู้นำด้านซอฟต์แวร์ออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ ที่ระบุว่าทีมวิศวกรชาวเวียดนามมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีชิปเล็ตหรือชิปแบบหลายได แต่งานวิจัยมองว่าความสำเร็จลักษณะนี้ยังเป็น “ข้อยกเว้น” มากกว่าจะสะท้อนภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรม

ในบทสรุป นักวิจัยเตือนว่า หากไม่มีการร่วมทุนหรือมาตรการที่เอื้อต่อการสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการในประเทศ ช่องทางการถ่ายทอดเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมจะยังคงอ่อนแรง พร้อมเสนอให้รัฐบาลฮานอยใช้แรงจูงใจเชิงนโยบายเพื่อดึงดูดบริษัทต่างชาติให้จัดหาชิ้นส่วนจากภายในประเทศมากขึ้น ควบคู่กับการลงทุนยกระดับศักยภาพซัพพลายเออร์ท้องถิ่น เพื่อให้การเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเวียดนามก้าวข้ามบทบาท “โรงงานประกอบ” ไปสู่ห่วงโซ่มูลค่าสูงอย่างยั่งยืนในระยะยาว


แชร์
FDI พุ่ง แต่เทคฯ ไม่ซึม เวียดนามเสี่ยงติดหล่มฐานผลิต ไร้ความรู้ต่อยอด