ธุรกิจการตลาด

Apple ยอดขาย iPhoneพุ่ง ดันผลประกอบการ Q2ดีกว่าคาด แม้รายได้-กำไรหดตัว

5 พ.ค. 66
Apple ยอดขาย iPhoneพุ่ง ดันผลประกอบการ Q2ดีกว่าคาด แม้รายได้-กำไรหดตัว

วันนี้ (5 พ.ค.) Apple ได้ประกาศผลประกอบการของไตรมาสที่สอง (1 ม.ค. - 1 เม.ย. 2023) พบว่าผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ เนื่องจากยอดขาย iPhone ยังเพิ่มขึ้น แม้ทั้งรายได้และกำไรจะลดลงก็ตาม 

โดยรายงานการเงินของ Apple ในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ Apple มีรายได้รวม 9.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.2 ล้านล้านบาท ลดลง 2.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไร อยู่ที่ 2.416 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ ราว 8.16 แสนล้านบาท ลดลง 3.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้รายได้ของ Apple ในไตรมาสนี้จะลดลง แต่รายได้นี้ก็ ถือว่า ยังสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อยู่ที่ 9.296 หมื่นล้านดอลลาร์ เพราะสินค้าเรือธงอย่าง ‘iPhone’ ยังสามารถสร้างรายได้เพิ่ม 

โดยหากแยกรายได้จากสินค้าแต่ละประเภท สัดส่วนรายได้ของ Apple ใน Q2  สามารถแจกแจงได้ดังนี้

iPhone: รายได้ทั้งหมด 5.13 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.73 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% 

Mac: รายได้ทั้งหมด 7.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.4 แสนล้านบาท ลดลง 31.3% 

iPad: รายได้ทั้งหมด 6.67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.25 แสนล้านบาท ลดลง 12.8%

สินค้าอื่นๆ : รายได้ทั้งหมด 8.76 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.95 แสนล้านบาท ลดลง 0.5%

บริการ: รายได้ทั้งหมด 2.091 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4%

โดยจากรายการดังกล่าว จะเห็นได้ว่า สิ่งที่อุ้มรายได้ของ Apple ขึ้นมาได้ในไตรมาสนี้ มี 2 อย่างด้วยกัน คือ iPhone และ รายได้จากการให้บริการต่างๆ และไฮไลท์ ก็คือ iPhone ที่ยังสามารถทำรายได้เพิ่มได้ ถึงแม้ตลาดโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทั่วโลกจะกำลังอยู่ในภาวะซบเซา

จากข้อมูลของ IDC บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกหดตัวถึง 15% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้การที่ยอดขาย iPhone มีการเคลื่อนไหวสวนกระแสในตลาดแบบนี้ 

จึงสะท้อนว่า ผลกระทบจากสภาวะความไม่สงบที่มีต่อห่วงโซ่การผลิตของ iPhone ในจีนนั้นทุเลาลงแล้ว และส่งสัญญาณบวกว่า iPhone ยังเป็นสินค้าที่ลูกค้ารายได้สูงเลือกใช้ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจน้อยที่สุด

 

ยอดขายในจีนเข้าสู่ขาลง คาดไตรมาส 3 รายได้ลดลง 3%

จากรายงานผลประกอบการของ Apple ประเทศที่ยังคงทำรายได้ได้มากที่สุด คือ ทวีปอเมริกา รองลงมาเป็นยุโรป จีน ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ) และ ญี่ปุ่น โดยสามารถแจกแจกได้ตามพื้นที่ดังนี้

ทวีปอเมริกา: ทำรายได้ทั้งหมด 3.78 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.57%

ทวีปยุโรป: ทำรายได้ทั้งหมด 2.39 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.82%

จีน (รวมไต้หวัน ฮ่องกง): ทำรายได้ทั้งหมด 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.89%

ญี่ปุ่น: ทำรายได้ทั้งหมด 7.17 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.09%

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ): ทำรายได้ทั้งหมด 8.12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.29%

โดยจากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่า ขณะที่รายได้ในพิ้นที่อื่นๆ รวมถึงจีนลดลง รายได้จากประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกลับปรับตัวขึ้นสูงมากกว่า 15% สะท้อนผลสำเร็จจากการตีตลาดเอเชีย โดยเฉพาะ ‘อินเดีย’ ที่ Apple เพิ่งย้ายการผลิตบางส่วน รวมถึงไปตั้ง Apple Store แห่งแรกเมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา 

จากคำกล่าวของ Tim Cook เขาพบว่ามี Switcher หรือคนที่ย้ายจากแบรนด์มือถืออื่นมาใช้ Apple จำนวนมากในอินเดียหลังมีการเข้าไปลงทุน

อย่างไรก็ตาม Apple คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่ 3 ของ Apple น่าจะลดลง 3% เพราะสภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังซบเซาอยู่ และ Apple ได้ผลกระทบอย่างมากจากรายได้โฆษณาดิจิทัลและเกมมือถือที่ลดลง แต่คาดว่ารายได้จากจีนน่าจะเพิ่มขึ้นจากลูกค้าที่เป็นบริษัทใหญ่และธุรกิจ เพราะลูกค้าเหล่านี้อาจต้องการเครื่องมือไปให้พนักงานใช้หลังมีการเปิดประเทศและปลดล็อกดาวน์แล้ว

 

ที่มา: Apple, CNBC

 

advertisement

SPOTLIGHT