Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รู้จัก “ห้องเรียนข้ามขอบ” การศึกษาแบบใหม่ ช่วยเด็กไทยไม่ให้หลุดจากระบบ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

รู้จัก “ห้องเรียนข้ามขอบ” การศึกษาแบบใหม่ ช่วยเด็กไทยไม่ให้หลุดจากระบบ

23 พ.ค. 68
12:08 น.
แชร์

ท่ามกลางระบบการศึกษาของประเทศไทย ซึ่งบางครั้งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหลายประเด็น โครงการห้องเรียนข้ามขอบถูกจุดประกายขึ้นมา เพื่อพัฒนา ‘นวัตกรรมทางการศึกษารูปแบบใหม่’ ที่มุ่งสร้างระบบนิเวศการเรียนและการศึกษาที่ยืดหยุ่น เพื่อให้เด็กเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น

เด็กไทยจำนวนมากต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาในทุกปี 

ต้องยอมรับว่า ในแต่ละปี มีเด็กนักเรียนจำนวนมากที่หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยตัวเลขระบุว่า ในปีการศึกษา 2566 เด็กไทย 1.02 ล้านคน หลุดออกจากระบบการศึกษา 

ทั้งนี้ มีปัจจัยมากมายที่ทำให้เด็ก ๆ หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ไม่ได้แยกขาดจากกันเสียทีเดียวหากแต่เชื่อมโยงกัน  และมีผลกระทบสืบเนื่องต่อกันและกันแบบทบทวี บางคนมีปัญหาทั้งเรื่องครอบครัว ปัญหาส่วนตัวและปัญหาการเงินส่งผลให้เด็กและเยาวชนจำนวนหนึ่งต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา 

โครงการ “ห้องเรียนข้ามขอบ” (Classroom and Beyond) เป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) นักวิจัย ชุมชน และโรงเรียนในพื้นที่ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการสร้าง “ระบบการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้เรียน” โดยเน้นบทบาทของผู้เรียนในการออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง และส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างแท้จริง

ในปีแรกของการดำเนินงาน โครงการได้พัฒนาพื้นที่นำร่อง 2 แห่ง ได้แก่

  • อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่: พัฒนาแนวทาง “Outside-In” โดย มูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการประสานเครือข่ายชุมชน สร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่เยาวชนสามารถเรียนรู้ผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และกิจกรรมลงมือทำร่วมกับครู ภูมิปัญญาท้องถิ่น และภาคประชาชน โดยมี คุณพฤหัส พหลกุลบุตร เลขาธิการมูลนิธิสื่อชาวบ้าน เป็นผู้ร่วมออกแบบและดำเนินงานในพื้นที่นี้อย่างใกล้ชิด เยาวชนไม่ได้เป็นเพียงผู้เรียน แต่เป็นนักออกแบบการเรียนรู้ร่วมกับผู้ใหญ่ในชุมชน
  • ตำบลห้วยซ้อ จังหวัดเชียงราย: พัฒนาแนวทาง “Inside-Out” โดย โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ผ่านการจัด “ห้องเรียนระบบสอง” ที่ออกแบบให้รองรับผู้เรียนที่มีความเปราะบาง เช่น ด้านเศรษฐกิจ สุขภาพจิต หรือข้อจำกัดทางภาษา ด้วยแผนการเรียนรู้เฉพาะบุคคล มีครูทำหน้าที่เป็นโค้ช และประเมินผลจากการลงมือปฏิบัติจริงในชีวิต เช่น การดูแลผู้สูงอายุ งานช่าง หรือการค้าขาย

ถอดบทเรียนจากพื้นที่จริง 

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 โครงการ “ห้องเรียนข้ามขอบ” จัดเวทีเสวนาวิชาการ “จินตนาการใหม่ที่เป็นไปได้ เพื่อการเรียนรู้ของทุกคน” เพื่อถอดบทเรียนจากการทำงานในพื้นที่จริง และเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น เชื่อมโยงกับชีวิต และส่งต่อข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการศึกษาไทยที่ไร้รอยต่อ

งานวิจัยในพื้นที่ชี้ให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อยเผชิญประสบการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก (Adverse Childhood Experiences – ACEs) และระบบการศึกษาแบบเดิมไม่สามารถรองรับความหลากหลายของผู้เรียนได้อย่างแท้จริง โครงการจึงนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายที่มุ่งเปลี่ยนโครงสร้างการศึกษาให้ยืดหยุ่นและเท่าเทียมมากขึ้น เช่น การรับรองผลการเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตจริง การสร้างธนาคารหน่วยกิตที่ยืดหยุ่น การพัฒนาระบบเทียบโอนผลลัพธ์ที่ไม่จำกัดเฉพาะในโรงเรียน และการส่งเสริมบทบาทใหม่ของครูให้เป็น “โค้ช” ที่อยู่เคียงข้างผู้เรียนอย่างเข้าใจและเชื่อมั่นในศักยภาพ

บริบทการศึกษาปัจจุบันเป็นอย่างไร?

ณิชา พิทยาพงศกร นักวิจัยประจำพื้นที่เชียงดาว จากโครงการ ห้องเรียนข้ามขอบ มองว่า "ข้ามขอบ" ในที่นี้ หมายถึงการที่เด็กสามารถเรียนรู้จากที่ใดก็ได้ และได้รับวุฒิการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อนำไปต่อยอดในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของเชียงดาว — และอาจรวมถึงภาพรวมระดับประเทศ — พบว่าหลายครัวเรือนมีผู้สูงอายุจำนวนมาก และยังมีฐานะยากจน ประกอบกับภาวะหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในขั้นวิกฤต ส่งผลให้เด็ก 7 ใน 10 คน เติบโตในครอบครัวรายได้น้อย

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการย้ายถิ่นตามผู้ปกครอง เนื่องจากงานที่มีรายได้ดีมักอยู่ในเมืองใหญ่ แต่การย้ายถิ่นบางครั้งไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมหน้าทั้งครอบครัว จึงเกิดปัญหาต่อเนื่องตามมา เช่น ผู้ปกครองหย่าร้าง เช่น เด็ก 17 ใน 20 คน ต้องอาศัยอยู่ในครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้างกัน ซึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาเศรษฐกิจและสังคม เด็กเหล่านี้จึงอยู่ในภาวะที่ต้องได้รับการดูแล ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นผู้ดูแลสมาชิกคนอื่นในครอบครัวด้วย

ณิชายังเล่าถึงกรณีของเด็กบางคนที่มีผลการเรียนดี แต่เนื่องจากข้อจำกัดของเวลาเรียนในระบบ ทำให้สุดท้ายต้องเปลี่ยนไปเรียนผ่าน กศน. แทน

ปัจจัยที่ทำให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษามีทั้งแรงผลักและแรงดัน ระบบการศึกษาที่มีกฎเกณฑ์บางอย่างเป็นตัวผลักเด็กให้ออกไป ส่วนปัญหาทางเศรษฐกิจก็เป็นแรงดันให้เด็กต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงาน

แม้ประเทศไทยจะมีระบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่สามารถโอนหน่วยกิตได้ แต่ในทางปฏิบัติ โรงเรียนหลายแห่งยังไม่รู้จักหรือไม่เข้าใจระเบียบนี้อย่างชัดเจน และการบังคับใช้ก็ยังไม่แพร่หลาย

เชื่อมโยงการศึกษาในระบบกับนอกระบบ

สุพินันท์ กันทะวงศ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาหวาย อำเภอเชียงดาว เปิดเผยว่า สำหรับโรงเรียนในสังกัด สพฐ. อย่างเช่นโรงเรียนบ้านนาหวาย เดิมทีเคยเชื่อว่า “ห้องเรียนที่ดี คือห้องเรียนที่เงียบ” แต่หลังจากได้นำแนวทางของ ห้องเรียนข้ามขอบ ที่เน้นการจัดการศึกษาตามแนวทาง "หนึ่งโรงเรียน สามรูปแบบ" ซึ่งมุ่งตอบโจทย์ชีวิตนักเรียนมาปรับใช้ กลับพบว่า เด็กมีความสุขในการเรียนรู้มากขึ้น และยังเรียนรู้ที่จะรักและหวงแหนวัฒนธรรม รวมถึงองค์ความรู้ในท้องถิ่นด้วย

ศิรพัชร์ ขันทสีมา ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. เชียงดาว กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการห้องเรียนข้ามขอบได้นำนักเรียนนักศึกษากลุ่มเสี่ยงที่อาจไม่จบการศึกษา — โดยการคัดเลือกจากพฤติกรรมหรือปัญหาครอบครัว — เข้าร่วมกิจกรรมตามความพร้อม เด็ก ๆ จะสลับกันเข้าร่วม จนครบกระบวนการและจบหลักสูตร

จากเดิมที่ครูต้องติดตามนักเรียนไปสอบ ตอนนี้เด็กมีวินัย มีความรับผิดชอบ และที่สำคัญคือ พวกเขามีความฝัน มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนและดีขึ้น

รวมแลกเปลี่ยนแนวคิด

เวทีวิชาการครั้งนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญในแวดวงการศึกษาเข้าร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดอย่างเข้มข้น อาทิ

  • นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งร่วมอภิปรายถึงนโยบายลดความเหลื่อมล้ำและการสอบเทียบเพื่อเปิดโอกาสใหม่แก่เด็กนอกระบบ
  • ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ที่ปรึกษากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผู้ผลักดันนโยบายเชิงระบบด้านการศึกษาที่ยืดหยุ่น
  • รศ.ดร.อนุชาติ พวงสำลี ที่ปรึกษาโครงการผู้จุดประกายแนวคิด “การศึกษาไร้รอยต่อ”
  • อาจารย์อธิษฐาน์ คงทรัพย์ ผู้อำนวยการโครงการผู้ขับเคลื่อนกลไกในพื้นที่จริง
  • รศ.ดร.ลือชัย ศรีเงินยวง และ คุณณิชา พิทยาพงศกร นักวิจัยผู้วางหลักวิชาการของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
  • คุณพิเศษ ถาแหล่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ผู้ผลักดันการจัดการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นสำหรับผู้เรียนที่มีความเปราะบางสูง
  • คุณพฤหัส พหลกุลบุตร เลขาธิการมูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม)

พร้อมด้วยกลุ่มครู ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเยาวชนจากพื้นที่จริงที่มีบทบาทเป็นผู้ร่วมสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง

เวทีนี้จึงไม่ใช่เพียงการถ่ายทอดผลการดำเนินงาน แต่คือการร่วมกัน “จินตนาการใหม่” ถึงระบบการศึกษาที่เปิดกว้างต่อความหลากหลายของชีวิต เป็นระบบที่ไม่ผูกติดกับกรอบของห้องเรียนหรือเนื้อหาหนังสือเรียนเท่านั้น หากแต่เชื่อว่า “การเรียนรู้คุณภาพ ไม่จำเป็นต้องเกิดในห้องเรียนเท่านั้น” และ “อนาคตของการศึกษาไทย ต้องออกแบบจากชีวิตจริงของผู้เรียนเอง”


แชร์
รู้จัก “ห้องเรียนข้ามขอบ” การศึกษาแบบใหม่ ช่วยเด็กไทยไม่ให้หลุดจากระบบ