‘คนละครึ่งพลัส’ ยอด 2 วันแรกทะลุ 4 พันล้าน หวังกระตุ้นGDPปีนี้ถึง 2.4%
รัฐบาลเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าให้กำลังซื้อภายในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้งผ่านโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่เปิดใช้งานเพียงสองวันแรกก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากประชาชนทั่วประเทศ บรรยากาศการจับจ่ายสินค้าจำเป็นทั้งอาหารและของใช้ประจำวันกลับมาคล่องตัว ร้านค้าต่างๆ ในชุมชนและตลาดสดหลายแห่งมีผู้คนออกมาซื้อของกันตั้งแต่เช้าจนค่ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลจากสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลา 23.00 น. ยอดใช้จ่ายรวมภายใต้โครงการแตะ 4,062 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนร่วมจ่าย 2,051 ล้านบาท จากร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบแล้วกว่า 742,000 แห่งทั่วประเทศ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงแรงกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าที่เริ่มส่งผลเป็นรูปธรรม
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นส่วนหนึ่งของแผนเร่งเครื่องเศรษฐกิจช่วงปลายปี ที่รัฐบาลคาดว่าจะช่วยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ กระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 ขึ้นเป็นร้อยละ 2.4 จากเดิมร้อยละ 2.2 โดยอยู่ในกรอบคาดการณ์ระหว่างร้อยละ 1.9 ถึง 2.9 สอดคล้องกับแนวโน้มความเชื่อมั่นในภาคเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.7 จาก 50.1 ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในมาตรการของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” รวมถึงนโยบายเพิ่มวงเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งช่วยเติมกำลังซื้อในกลุ่มรายได้น้อยและกระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจภายในประเทศ
โฆษกรัฐบาลยังได้เตือนผู้ประกอบการไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าเกินความเหมาะสม พร้อมยืนยันว่ากระทรวงการคลังกำลังติดตามข้อมูลการใช้จ่ายภายใต้โครงการอย่างใกล้ชิด ผ่านระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อสกัดพฤติกรรมผิดปกติหรือธุรกรรมที่เข้าข่ายทุจริต ทั้งนี้ ยังได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีรายใหญ่เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยหากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีฉ้อโกงอย่างถึงที่สุด
นายสิริพงศ์กล่าวว่า มาตรการ “Quick Big Win” ของรัฐบาลจะเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้ GDP ไทยในไตรมาส 4 เติบโตอย่างมีพลัง โดยการเข้าร่วมของแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีรายใหญ่ถือเป็นแรงเสริมสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยปลายปี “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัวได้ทั่วถึง”
ทั้งนี้ แม้มาตรการ “คนละครึ่ง” สำหรับร้านค้าทั่วไปจะเริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่การใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชันสั่งอาหารจะเปิดให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยมีแพลตฟอร์มที่เข้าร่วม ได้แก่ GrabFood, LINE MAN, ShopeeFood และ Robinhood
