Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Gen Z ไทยว่างงานสูง! นายจ้างเลี่ยง แม้เก่งเทคฯ-AI เพราะเปลี่ยนงานบ่อย
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

Gen Z ไทยว่างงานสูง! นายจ้างเลี่ยง แม้เก่งเทคฯ-AI เพราะเปลี่ยนงานบ่อย

26 ส.ค. 68
14:57 น.
แชร์

อีกไม่นาน ตลาดแรงงานไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อ Gen Z รุ่นที่เติบโตมาพร้อมสมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย กำลังขึ้นมาเป็น “แรงงานหลัก” แทนที่รุ่นพี่ Gen X และ Gen Y ที่ทยอยเกษียณออกจากระบบ ไม่เพียงเปลี่ยนโฉมหน้าของตลาดแรงงาน แต่ยังเปลี่ยน “ความหมายของการทำงาน” ไปพร้อมกัน

จุดที่ทำให้ Gen Z น่าสนใจ คือการผสมผสานระหว่างศักยภาพกับข้อจำกัด ด้านหนึ่ง Gen Z มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มีความคิดสร้างสรรค์ และพร้อมเปิดรับความเสี่ยงเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งการพัฒนาทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ (Soft Skills) การขาดประสบการณ์ทำงาน และความภักดีต่อองค์กรที่อาจน้อยกว่ารุ่นก่อน ๆ

สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกฝ่ายทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และแรงงานเอง ต้องปรับตัวอย่างจริงจัง หากจัดการได้อย่างเหมาะสม Gen Z จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทย แต่หากรับมือผิดพลาด จุดเปราะบางนี้อาจกลายเป็นปัญหาที่บั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ข้อมูลบ่งชี้ชัดว่า การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว McCrindle คาดการณ์ว่า ภายในปี 2568 Gen Z จะครองสัดส่วนแรงงานโลกถึง 27% และเพิ่มเป็น 31% ในปี 2578 ส่วนในประเทศไทย ปัจจุบันแม้ Gen Y (35.1%) และ Gen X (33.6%) จะยังครองสัดส่วนหลัก แต่ Gen Z ที่มีมากถึง 7.4 ล้านคน หรือ 18.3% ของแรงงานทั้งหมด กำลังขยายบทบาทขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Adecco ประเมินว่า ภายในปี 2571 Gen Z จะก้าวขึ้นมาเป็นแรงงานเกือบหนึ่งในสี่ของตลาดแรงงานไทย

กล่าวได้ว่า เรากำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ มิติใหม่ของทัศนคติและพฤติกรรมแรงงาน ที่ไม่เพียงท้าทายโครงสร้างตลาด แต่ยังท้าทายวิธีคิดเกี่ยวกับ “การทำงาน” ของสังคมไทยในภาพรวมด้วย

มิติใหม่ของทัศนคติและพฤติกรรมเจน Z

จากโครงสร้างประชากรที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของไทย ทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัยและจำนวนเด็กเกิดใหม่ที่ลดลง ทำให้ Gen Z ถูกคาดหวังว่าจะเป็นกำลังแรงงานหลักในอนาคต การทำความเข้าใจทัศนคติและพฤติกรรมของคนรุ่นนี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะไม่เพียงแต่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของตลาดแรงงาน แต่ยังสะท้อนการปรับตัวของสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม

จากรายงานของสภาพัฒน์ พฤติกรรมในการศึกษาต่อและทำงานของ Gen Z ไทยในยุคปัจจุบัน มีดังนี้

1. การเรียนต่อไม่ใช่คำตอบเดียว Gen Z ส่วนหนึ่งไม่เข้ามหาลัยฯ

แม้รัฐไทยจะพยายามผลักดันนโยบายให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาระดับสูง แต่ความเป็นจริงกลับสวนทาง เมื่อคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเลือกที่จะ “ไม่เรียนต่อ” ในระบบมหาวิทยาลัย

ผลสำรวจของ Deloitte ปี 2568 ระบุว่า 16% ของ Gen Z ไทยตัดสินใจไม่ศึกษาต่อ โดยมีเหตุผลหลักที่สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในระบบการศึกษา ได้แก่

  • ความกังวลต่อคุณภาพการศึกษา (48%)
  • ค่าเล่าเรียนที่สูงเกินเอื้อม (44%)
  • ระบบการเรียนการสอนที่ขาดความยืดหยุ่น (19%)
  • ความกลัวว่าจะไม่สามารถชำระหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาได้ (26%)

สำหรับคนกลุ่มนี้ “ปริญญา” ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเส้นทางหลักสู่ความสำเร็จอีกต่อไป แต่เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกที่ต้องชั่งน้ำหนักกับความคุ้มค่าและความเสี่ยงในอนาคต

2. Gen Z เลือกค้นหาตัวเองก่อนทำงาน

สภาพัฒน์ระบุว่า ปัญหาการว่างงานในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมในปี 2557 ที่มีเพียง 1.2% ของ Gen Z ว่างงานเกินหนึ่งปี แต่ตัวเลขนี้กลับพุ่งสูงถึง 13.6% ในปี 2567 ซึ่งถือว่าสูงกว่าทุกช่วงอายุก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงาน อัตราการว่างงานพุ่งไปถึง 48.5%

หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการที่ Gen Z จำนวนไม่น้อยเลือกใช้ “Gap Year” เพื่อค้นหาตัวเองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตก่อนเริ่มต้นทำงานจริง งานวิจัยของ วีระชน แจ่มจันทร์ (2566) และผลสำรวจจาก Applied (2566) ชี้ว่า 47% ของ Gen Z เห็นว่าการมี Career Break ช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น และกลับเข้าสู่โลกการทำงานด้วยประสิทธิภาพที่สูงกว่าเดิม

แม้จะทำให้การเข้าสู่ตลาดแรงงานล่าช้า แต่แนวโน้มนี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของค่านิยมคนรุ่นใหม่ ที่มองว่าเส้นทางอาชีพไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นตรง หากแต่สามารถหยุดพักและ “รีเซ็ต” เพื่อหาทิศทางที่ใช่สำหรับชีวิตและอนาคตได้

3. เส้นทางอิสระ Gen Z กับความฝันผู้ประกอบการ

ในหมู่ Gen Z แนวโน้มการหันหลังให้การทำงานแบบดั้งเดิมยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 มีเพียง 0.4% ของ Gen Z ที่เลือกประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 1.8%

ผลสำรวจจาก Intelligent (2022) ยังสะท้อนกระแสเดียวกัน โดยพบว่า 60% ของบัณฑิตใหม่อยากเป็นนายตัวเอง เหตุผลหลักคือความต้องการอิสระ การได้ทำสิ่งที่ชอบ และการปฏิเสธข้อจำกัดของงานประจำที่ถูกมองว่าไม่ตอบโจทย์ชีวิต

อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งของความจริงคือ ความเปราะบางด้านทักษะ Soft Skills ของ Gen Z โดยเฉพาะในการบริหารจัดการและการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจใหม่ ข้อมูลจาก Bureau of Labor Statistics ของสหรัฐฯ ชี้ว่า 20% ของธุรกิจสตาร์ทอัพซึ่งมักก่อตั้งโดยคน Gen Z ต้องปิดตัวลงภายในปีแรก และเกือบครึ่งไม่สามารถยืนระยะเกิน 5 ปีได้

ความฝันผู้ประกอบการจึงเป็นเหมือนดาบสองคม แม้เปิดโอกาสสู่เส้นทางอิสระ แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่ต้องอาศัยทักษะมากกว่าความกล้าและแรงบันดาลใจเพียงอย่างเดียว

4. Gen Z ถามหาความหมายจากการทำงาน

สำหรับ Gen Z งานไม่ใช่เพียง “แหล่งรายได้” แต่เป็นเวทีที่สะท้อนคุณค่าและความเชื่อในชีวิต ผลสำรวจของ Deloitte ปี 2567 ชี้ว่า 55% ของ Gen Z ไทยพร้อมปฏิเสธงานที่ขัดกับจริยธรรมและความเชื่อของตนเอง

นอกจากนั้น Gen Z ยังให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance และแสวงหางานที่สร้างความหมายต่อชีวิตมากกว่าตำแหน่งหรือเงินเดือน ผลลัพธ์คือระดับความภักดีต่อองค์กรที่ลดลง อัตราการลาออกของคนรุ่นนี้สูงถึง 12% ภายในเวลาไม่กี่ปี ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

นี่จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของนายจ้างในยุคใหม่ไม่ใช่แค่การหาคนเก่งเข้ามา แต่คือการสร้างสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์กรที่ตอบโจทย์ค่านิยมของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่า “งาน” มีความหมายพอที่จะอยู่และเติบโตไปด้วยกัน

5. Gen Z ใช้เทคโนโลยีและ AI อย่างเชี่ยวชาญ

Gen Z คือคนรุ่นที่เติบโตมากับโลกดิจิทัล ทำให้คนกลุ่มนี้เชี่ยวชาญและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ AI ที่กำลังกลายเป็น “ผู้ช่วยคนสำคัญ” ในการทำงาน

รายงาน Work Trend Index 2024 ระบุว่า 85% ของ Gen Z ไทยใช้งาน AI ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล การออกแบบ หรือการสร้างคอนเทนต์ ตัวเลขนี้ไม่เพียงสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 75% แต่ยังมากกว่าทุกช่วงอายุอีกด้วย

ทัศนคติเชิงบวกต่อเทคโนโลยีนี้ ทำให้ Gen Z สามารถใช้ AI มาช่วยลดภาระงานซ้ำซ้อน และหันไปทุ่มเวลาในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ หรือโฟกัสกับงานที่มีคุณค่ามากกว่า ซึ่งอาจกลายเป็น “ข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง” ของแรงงานรุ่นใหม่ในอนาคต

6. GenZ มีช่องโหว่ด้าน Soft Skills

อย่างไรก็ตาม แม้ Gen Z จะมีความได้เปรียบชัดเจนในด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี แต่ทักษะเชิงสังคม (Soft Skills) กลับเป็นจุดอ่อนที่ยังแก้ไขไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การทำงานร่วมทีม หรือการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

ข้อมูลจาก สศช. (2568) และ Dell EM (2562) สะท้อนตรงกันว่าการให้ความสำคัญกับ Hard Skills เช่น การเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูล หรือทักษะเชิงเทคนิคอื่น ๆ มากเกินไป ทำให้คนรุ่นนี้จำนวนไม่น้อยยังไม่พร้อมสำหรับการทำงานจริงในระบบองค์กร หรือแม้แต่การบริหารธุรกิจอย่างยั่งยืน

หาก Soft Skills ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ช่องโหว่นี้อาจกลายเป็นข้อจำกัดสำคัญต่อการเติบโตในสายอาชีพระยะยาว และทำให้ศักยภาพของแรงงานรุ่นใหม่ไม่ถูกนำมาใช้ได้เต็มที่

โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องเผชิญจากพฤติกรรมของเจน Z

ลักษณะทัศนคติและพฤติกรรมของ Gen Z ที่กล่าวมาข้างต้น กำลังส่งผลสะเทือนต่อโลกการทำงานในอนาคตอันใกล้ ซึ่งอาจสะท้อนออกมาได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ ไม่เพียงแต่ต่อภาคธุรกิจที่จำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้ทัน หากแต่ยังรวมถึงตัวแรงงานเองที่ต้องหาวิธีสร้างความมั่นคงและวางเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพของตนด้วย

จากการวิเคราะห์ของ สภาพัฒน์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นสามารถแบ่งได้เป็นทั้งด้านบวก และด้านลบ ดังนี้

ผลกระทบด้านบวก

1. โอกาสสะสมประสบการณ์ที่หลากหลาย

การเลือกไม่เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาทำให้ Gen Z บางส่วนสามารถก้าวสู่ความสำเร็จในเส้นทางอาชีพได้เร็วขึ้นจากการเรียนรู้สิ่งที่ถนัดด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมมากนัก การหยุดพักเพื่อ Gap Year กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทบทวนเส้นทางชีวิต ค้นหาความถนัดที่แท้จริง และลงลึกในทักษะที่ต้องการได้รวดเร็วขึ้น

ปรากฏการณ์นี้ยังช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของครอบครัว โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีข้อจำกัดด้านทุนทรัพย์ เพราะสามารถเข้าถึงความรู้ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีทั้งแบบฟรีและมีค่าใช้จ่ายต่ำ ขณะเดียวกัน การที่คนรุ่นใหม่ตั้งคำถามต่อคุณภาพและความเหมาะสมของระบบการศึกษา สะท้อนถึงแรงกดดันให้สถาบันการศึกษาต้องปรับตัวให้ทันสมัย ยืดหยุ่น และตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

2. ทักษะด้าน AI เพิ่มโอกาสในการจ้างงาน

แม้บัณฑิตจบใหม่ยังมีข้อจำกัดด้านประสบการณ์ แต่ทักษะด้าน AI ได้กลายเป็น “ใบเบิกทาง” สำคัญในโลกการทำงานสมัยใหม่ งานวิจัย Work Trend Index 2024 ระบุว่า ผู้บริหารในไทยกว่า 91% เชื่อว่าการนำนวัตกรรม AI มาใช้คือเงื่อนไขสำคัญในการรักษาความสามารถในการแข่งขันขององค์กร และมากกว่าร้อยละ 90 พร้อมจ้างผู้สมัครที่อาจมีประสบการณ์ไม่มาก แต่มีความถนัดด้าน AI มากกว่าผู้สมัครที่มีประสบการณ์สูงแต่ขาดทักษะนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลจาก Coursera ปี 2568 ยังชี้ว่า 95% ของนายจ้างไทยให้ความสำคัญกับใบรับรองด้าน Generative AI และกว่า 98% ของผู้บริหารเห็นพ้องว่า micro-credentials หรือใบรับรองเฉพาะทาง จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการได้งานอย่างมีนัยสำคัญ

3. ความหลากหลายทางเศรษฐกิจดิจิทัลและการจ้างงานรูปแบบใหม่

แนวโน้มที่ Gen Z หันมาทำงานอิสระหรือประกอบการใน Gig Economy และ Freelancing กำลังสร้างมิติใหม่ให้เศรษฐกิจไทย ไม่ว่าจะเป็น Creator Economy ที่เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้จากความสามารถในการผลิตเนื้อหา หรือจากทักษะเฉพาะทาง ข้อมูลจาก Linktree ปี 2567 ระบุว่า ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทยมีมูลค่าเกิน 45,000 ล้านบาท และเติบโตเฉลี่ยปีละ 25-30%

อีกด้านหนึ่ง การเติบโตของ Social Gaming และ eSports ก็เปิดพื้นที่ใหม่ในการสร้างรายได้ โดยเปลี่ยนการเล่นเกมให้เป็นอาชีพจริง ทั้งผ่านการสตรีมมิ่งเกม การสร้างคอนเทนต์ หรือการแข่งขันในระดับมืออาชีพ ซึ่งกำลังดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและขยายตลาดแรงงานดิจิทัลให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ผลกระทบด้านลบ

1. ความกังวลของผู้ประกอบการต่อการจ้างงานเด็กจบใหม่

ผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มระมัดระวังในการรับเด็กจบใหม่เข้าทำงานมากขึ้น เนื่องจากทัศนคติและพฤติกรรมบางประการ เช่น การลาออกหรือเปลี่ยนงานบ่อย ทำให้ต้นทุนด้านการบริหารบุคลากรสูงขึ้น ขณะเดียวกัน บัณฑิตใหม่โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าสู่ตลาดแรงงานล่ามักมีข้อจำกัดด้านประสบการณ์และทักษะ ส่งผลให้คุณภาพและผลิตภาพงานไม่คุ้มค่ากับการจ้างงาน

งานวิจัยของมหาวิทยาลัย Sheffield Hallam สะท้อนว่า ผู้ประกอบการในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่เลือกจ้างคนที่มีประสบการณ์พร้อมทำงานทันทีมากกว่า เนื่องจากการจ้างเด็กจบใหม่ยังต้องลงทุนด้านการฝึกอบรมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กที่มีทรัพยากรจำกัด

2. ความเสี่ยงของการว่างงานที่ยังสูงกว่ากลุ่มอื่น

แม้อัตราการว่างงานของ Gen Z มีแนวโน้มลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอายุและการศึกษาระดับอื่น กลุ่มนี้ยังคงมีอัตราการว่างงานสูงที่สุด โดยปี 2567 อยู่ที่ 3.8% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของประเทศอยู่เพียง 1.0% หากพิจารณาแยกตามการศึกษา พบว่าบัณฑิตระดับอุดมศึกษามีอัตราว่างงานสูงสุดที่ 2.0% รองลงมาคือผู้จบ ปวส. 1.8% และ ปวช. 1.4%

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าความเสี่ยงการว่างงานของ Gen Z ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ แม้ตลาดแรงงานโดยรวมจะฟื้นตัว

3. ความท้าทายด้านการใช้เทคโนโลยีและ AI อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ Gen Z จะเติบโตมากับเทคโนโลยี แต่การมีทักษะเชิงเทคนิคไม่ได้หมายความว่าจะสามารถนำมาใช้ในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้กระบวนการเรียนรู้และการคิดเชิงสร้างสรรค์ถดถอย ผลสำรวจของ MIT ปี 2568 ระบุว่า การใช้ AI ในระดับสูงส่งผลให้ความสามารถในการจำ วิเคราะห์ และสร้างสรรค์ลดลงในระยะยาว

ข้อมูลจาก EY ปี 2024 ชี้ว่า Gen Z มีคะแนนความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของ AI สูงถึง 69 คะแนน แต่กลับทำคะแนนด้านการใช้งานจริง เช่น การเขียนคำสั่ง ได้เพียง 56 คะแนน ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือคะแนนด้านการคิดเชิงวิพากษ์ต่อผลลัพธ์ของ AI อยู่เพียง 44 คะแนน ซึ่งสะท้อนถึงข้อจำกัดในการแยกแยะข้อมูลที่สร้างโดยระบบ

การปรับตัวเพื่ออนาคตแรงงานไทย

ดังนั้น เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่แรงงาน Gen Z สร้างประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องเร่งปรับตัว ผู้ประกอบการต้องออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ เช่น การใช้รูปแบบ Hybrid Work ที่งานวิจัยของ International Workplace Group ในปี 2567 พบว่าสามารถลดอัตราการลาออกของพนักงานได้ถึง 35% ควบคู่กับการลงทุนในนวัตกรรมดิจิทัลและการพัฒนาทักษะ AI เชิงลึก

สำหรับแรงงาน Gen Z เอง จำเป็นต้องพัฒนาตนเองอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่ Hard Skills ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี แต่ยังต้องเสริม Soft Skills อย่างการสื่อสาร การทำงานร่วมทีม และการจัดการปัญหา เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความถนัดทางเทคนิคกับความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น

ภาครัฐก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ต้องเร่งปรับโครงสร้างการผลิตแรงงาน ลดการผลิตในสาขาที่ล้นตลาด และสร้างแรงจูงใจในสาขาที่ขาดแคลน นอกจากนี้ยังควรร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนาหลักสูตรและโครงการฝึกงานที่ตรงกับความต้องการของตลาด ตลอดจนสนับสนุนให้แรงงานทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ระบบคุณวุฒิวิชาชีพ และ micro-credentials


แชร์
Gen Z ไทยว่างงานสูง! นายจ้างเลี่ยง แม้เก่งเทคฯ-AI เพราะเปลี่ยนงานบ่อย