
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ตั้งคำถามว่า “เมื่อข้อกล่าวหามาก่อนข้อเท็จจริง…แล้วใครจะปกป้องความเป็นธรรม?” เนื่องจากการอภิปรายและให้สัมภาษณ์ของนักการเมืองบางกลุ่ม ที่พยายามโยงชื่อบุคคลและพรรคการเมืองต่างๆ เข้ากับเรื่องราวที่ยังไม่มีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานทางกฎหมายรองรับ โดย น.อ.อนุดิษฐ์ มองว่า สิ่งที่ทำอยู่ ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต หรือ ติชมด้วยความเป็นธรรม แต่เป็นการใส่ความทำให้สมาชิกและพรรคการเมืองนั้นๆ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และเกลียดชัง
 
“ขณะนี้ข้อกล่าวหาต่างๆ ถูกขยายซ้ำในสังคม จนกลายเป็นความเชื่อ ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาหรือข้อเท็จจริงใดๆ จากหน่วยงานรัฐไทย การตรวจสอบทางการเมืองที่ดีและถูกต้องไม่ใช่การชี้นิ้วกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน แต่คือการยืนหยัดใน ข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรม” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม กล่าวอีกว่า ในฐานะพรรคการเมืองที่ยืนบนความรับผิดชอบและความจริง ไม่อาจนิ่งเฉยได้ เมื่อชื่อเสียงถูกใช้เป็นเครื่องมือ และถูกแสวงประโยชน์ทางการเมือง การเมืองต้องอยู่บนพื้นฐานของความจริง ความรับผิดชอบ และการทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อทำลายล้างกันทางการเมือง
ทั้งนี้ น.อ.อนุดิษฐ์ ย้ำว่า ไม่มีใครควรถูกตัดสินจากความเชื่อของสังคม ไม่มีพรรคไหนควรถูกตราหน้าว่าเลว เพียงเพราะคนกล่าวหามีเครดิตทางสังคม และไม่มีนักการเมืองคนไหนสมควรถูกทำลายด้วยข่าวลือ วันนี้ประชาชนรู้ทันพอที่จะตั้งคำถามว่าอะไรคือ “ข้อมูลจริง” และอะไรคือ “ข้อกล่าวหา” ขอเพียงอย่าหลงลืมว่า “ข้อกล่าวหา” ไม่ใช่ “คำพิพากษา” จนกว่าจะถูกพิสูจน์ภายใต้กระบวนการยุติธรรม “คำพิพากษา” ต้องเกิดจาก “ข้อเท็จจริง” ไม่ใช่การชี้นำ และ “ความเกลียดชัง” ไม่ควรอยู่เหนือ “ความจริง”
ทั้งนี้ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ประกาศจะตั้งวอร์รูมเพื่อตรวจสอบเรื่องที่มีการกล่าวหาบุคลากรของพรรคกล้าธรรมอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะรวบรวมข้อกล่าวหาจากทุกฝ่าย และสืบค้นข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุด หากมั่นใจว่าข้อมูลครบถ้วนรอบด้านแล้ว จะได้นำมาชี้แจงให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป พร้อมยืนยันว่าพรรคกล้าธรรมจะยังคงทำงานด้วยความสุจริต กล้าชน กล้าทำ และกล้ายืนหยัดบนหลักการ
Advertisement