นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ หรือ บกปภ.ช. เพื่อติดตามสถานการณ์พายุวิภา ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ 30 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ “พายุวิภา ”ว่า ตามลำน้ำในขณะนี้น้ำจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางแห่งจะมีน้ำล้นตลิ่ง แต่เราทราบล่วงหน้า เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า มีโอกาสที่ฝนจะตก กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้รับทราบแล้ว ขณะนี้จึงเริ่มมีการเตรียมการ และตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ขณะเดียวกันได้มอบให้ทางจังหวัดต่างๆ ทำศูนย์ป้องกันภัย 24 ชั่วโมง พร้อมย้ำว่าสิ่งที่สำคัญคือเราได้มีการแจ้งติดตามและประสานหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งส่งเครื่องจักรกลใหญ่ไปยังจังหวัดต่างๆที่คาดว่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะในจังหวัดที่ได้แจ้งเตือนไป
นอกจากนี้ยังได้ประสานกับกระทรวงกลาโหม และหน่วยทหารเตรียมการ พร้อมที่จะนำเครื่องบินขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง จึงคิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นน้ำหลากและผลที่มาจากพายุ ที่พาดผ่านเข้าไปทางตอนเหนือของประเทศไทย ทั้งนี้ ระหว่างที่เข้ามาประเทศไทยพายุก็อ่อนตัวลงทำให้อยู่ในระดับดีเปรสชั่น ซึ่งถือว่าเบาลงมาก ฉะนั้นยืนยันว่าขณะนี้เราได้ติดตามและเฝ้าระวังเรียบร้อยแล้ว
ส่วนจังหวัดที่น่าเป็นห่วงนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ป่าสูง ตอนนี้จึงได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมเขาและริมเขื่อน หรือใครที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ให้ระมัดระวัง ซึ่งเราได้เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา หากเห็นอะไรเกิดขึ้นก็จะรีบแจ้งให้ประชาชนทราบ พร้อมยืนยันว่า ความช่วยเหลือในขณะนี้มีความพร้อมและระบบเซลล์บรอดแคสก็ไม่มีปัญหา เพราะเท่าที่ดู มีการส่งเตือนภัยได้อย่างดี
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงถึงสถานการณ์อุทกภัยและผลกระทบจากพายุวิภา ว่า ขณะนี้มีฝนตกต่อเนื่องในหลายพื้นที่ และบางแห่งระดับน้ำเริ่มล้นตลิ่ง อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงมีการเตรียมการรองรับอย่างใกล้ชิด ทั้งการตั้งวอร์รูมเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง การสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งจัดส่งเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ไปยัง 22 จังหวัดเสี่ยงที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ โดยร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมและกองบัญชาการทหารสูงสุด ในการสนับสนุนกำลังพล และการสื่อสารในพื้นที่ตลอดเวลา
นายภูมิธรรม ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ พื้นที่เชิงเขาและลาดชัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก โดยรัฐบาลได้มีการแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้เตรียมพร้อมอพยพหากจำเป็น และขอความร่วมมือในการติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ พายุวิภาที่เคลื่อนตัวจากประเทศฟิลิปปินส์เข้าสู่ประเทศไทย ได้อ่อนกำลังลงจนเหลือเพียงระดับดีเปรสชัน แต่ยังคงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ รัฐบาลจึงขอให้ประชาชนอย่าประมาทและปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางการอย่างเคร่งครัด
Advertisement