Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สิงคโปร์ลงดาบPrince Group ยึดทรัพย์อีก3.7พันล้านบาท ป้องกันฟอกเงินเทา
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

สิงคโปร์ลงดาบPrince Group ยึดทรัพย์อีก3.7พันล้านบาท ป้องกันฟอกเงินเทา

31 ต.ค. 68
15:15 น.
แชร์

หนังสือพิมพ์ The Straits Times รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ตำรวจสิงคโปร์ได้ดำเนินการยึดทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 3.7 พันล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับ Prince Group เครือข่ายธุรกิจข้ามชาติซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทสำคัญในการดำเนินการศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (Scam Centres) ขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการยึดทรัพย์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในปฏิบัติการสืบสวนข้ามพรมแดนที่มีขอบเขตกว้างขวางที่สุดของสิงคโปร์ในรอบหลายปี

ตำรวจเปิดเผยว่า ทรัพย์สินที่ถูกยึดประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์ 6 แห่ง ทั้งบ้านพักหรูและอาคารพาณิชย์ในเขตสำคัญของสิงคโปร์ รวมถึง บัญชีเงินฝาก บัญชีหลักทรัพย์ และเงินสดจำนวนมาก ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายดังกล่าวและนักธุรกิจชาวกัมพูชา เฉิน จื้อ (Chen Zhi) ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Prince Group โดยทั้งหมดถูกสอบสวนในข้อหาฟอกเงิน (Money Laundering) และ ปลอมแปลงเอกสาร (Forgery Offences)

คำแถลงของตำรวจสิงคโปร์ระบุเพิ่มเติมว่า การสืบสวนของสิงคโปร์เริ่มต้นขึ้นในปี 2567 หลังสำนักงานรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (Suspicious Transaction Reporting Office) ตรวจพบรูปแบบการเคลื่อนไหวของเงินที่ผิดปกติและมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉินและผู้ร่วมขบวนการ โดยปัจจุบัน การสืบสวนยังคงดำเนินอยู่ พบว่าขณะนี้ไม่มีผู้ต้องสงสัยรายใดพำนักอยู่ในสิงคโปร์ และเจ้าหน้าที่กำลังประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในหลายประเทศเพื่อขยายผลการสอบสวนต่อไป

การยึดทรัพย์ครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาประกาศคว่ำบาตรเครือข่าย Prince Group ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชาและถูกกล่าวหาว่าดำเนินศูนย์หลอกลวงในหลายประเทศในภูมิภาค รวมถึงเมียนมา ลาว และฟิลิปปินส์ โดยเครือข่ายนี้ถูกกล่าวหาว่าใช้แรงงานที่ถูกค้ามนุษย์และถูกบังคับให้ทำงานเพื่อหลอกลวงเหยื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วโลก

แอมเนสตี้เผยรัฐกัมพูชาเอื้อสแกมเมอร์ ปล่อยมิจฉาชีพลอยนวล

องค์กรนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่า อุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชาเติบโตอย่างมหาศาล มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และดำเนินการโดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในประเทศ รายงานระบุว่า มีการบังคับแรงงานข้ามชาติจากจีน เมียนมา ไทย และฟิลิปปินส์ ให้ทำงานใน “คอมเพล็กซ์สแกมเมอร์” ภายใต้การควบคุมของกลุ่มอาชญากรรมที่เชื่อมโยงกับเครือข่าย Prince Group

ในวันเดียวกัน ธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore: MAS) ยังออกแถลงการณ์ระบุว่า กำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับตำรวจเพื่อดำเนินการสืบสวนคดีนี้ต่อไป และยืนยันว่าการป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพหรือผู้กระทำผิดอื่น ๆ ใช้สิงคโปร์เป็นฐานฟอกเงินยังคงเป็น “ลำดับความสำคัญสูงสุด” ของประเทศ MAS เปิดเผยว่า สถาบันการเงินหลายแห่งได้ยื่นรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย (STRs) ตั้งแต่ปี 2565 และมีการปิดบัญชีที่พบว่ามีความเสี่ยงสูงจำนวนมาก

“การเฝ้าระวังเชิงรุกของสถาบันการเงินและการปิดบัญชีที่น่าสงสัยได้ช่วยป้องกันไม่ให้เงินจำนวนมากถูกหมุนเวียนในระบบการเงินของประเทศ” MAS ระบุ พร้อมย้ำว่ากำลังตรวจสอบช่องโหว่ที่อาจถูกใช้ในการเคลื่อนย้ายเงินจากต่างประเทศ

อังกฤษ-สหรัฐเปิดโปงกลยุทธ์ล่อลวงแรงงานด้วยโฆษณางานปลอม

รัฐบาลอังกฤษเปิดเผยว่า ศูนย์หลอกลวงในเครือ Prince Group ซึ่งกระจายอยู่ใน กัมพูชา เมียนมา และประเทศเพื่อนบ้าน ใช้โฆษณางานปลอมในโลกออนไลน์เพื่อหลอกล่อแรงงานจากต่างประเทศให้เดินทางเข้ามาทำงาน โดยเมื่อเดินทางถึงพื้นที่จริงแรงงานเหล่านี้จะถูกยึดหนังสือเดินทาง ถูกควบคุมตัว และถูกบังคับให้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ เช่น การแฮ็กบัญชี การส่งข้อความหลอกลวง และการหลอกลวงทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้การคุกคาม การทารุณ และการทรมาน

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ (US Treasury Department) ระบุว่า การคว่ำบาตรครั้งนี้เป็น “ปฏิบัติการลงโทษครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยมุ่งเป้าไปที่ บุคคล 146 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมดังกล่าว มาตรการนี้รวมถึงการอายัดทรัพย์สิน การจำกัดการเดินทาง และการตัดสิทธิ์เข้าถึงระบบการเงินสากล

ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางสิงคโปร์ได้สั่งลงโทษ ธนาคาร 6 แห่งและสถาบันการเงินอีก 3 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2566 โดยในปฏิบัติการบุกค้นพร้อมกันหลายจุดทั่วประเทศในเดือนสิงหาคมปีนั้น เจ้าหน้าที่ได้จับกุมชาวต่างชาติ 10 คน และยึดทรัพย์สินผิดกฎหมายรวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

การยึดทรัพย์ครั้งใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ Prince Group จึงถูกมองว่าเป็น สัญญาณสำคัญของความมุ่งมั่นของสิงคโปร์ ในการต่อสู้กับขบวนการฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่อาชญากรรมไซเบอร์และการใช้แรงงานบังคับในศูนย์หลอกลวงออนไลน์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


แชร์
สิงคโปร์ลงดาบPrince Group ยึดทรัพย์อีก3.7พันล้านบาท ป้องกันฟอกเงินเทา