ทีมงาน SPOTLIGHT ได้รวบรวมสาระสำคัญหัวข้อการบรรยาย ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทย และรถยนต์ไฟฟ้า โดยคุณฐิตา เกานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส จาก SCB Economic Intelligence Center จาก งาน Priceza Money Forum 2023 Thailand Car insurance landscape
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ได้วิเคราะห์ ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทย และรถยนต์ไฟฟ้า ในปี 66 โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจดังนี้
ประเทศไทย ผู้ผลิตรถยนต์เบอร์ 1 ในอาเซียน
อุตสาหกรรมยานยนต์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยอุตสหากรรมยานยนต์ ทั้งกิจกรรมการผลิต การค้า และการบริการมีสัดส่วนสูงถึง 13% ของ GDP ของประเทศ และยังเป็นแหล่งจ้างงานหลักที่มีแรงงานกระจุกตัวถึง 1 ล้านคันจากจำนวนสถานประกอบการกว่า 1.8 แสนแห่งทั่วโลก
ปัจจุบันประเทศไทย นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับ 10 ของโลก โดยในปี 65 ไทยผลิตรถยนต์สูงสุดถึง 1.9 ล้านคัน ซึ่งคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย ได้แก่ ประเทศในอาเซียน ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น
คนไทยยังคงนิยมรถสันดาปมากที่สุด
จากข้อมูลพบว่า ที่ผ่านมาคนไทยยังคงนิยมซื้อรถยนต์สันดาปมากที่สุดอยู่ แต่อย่างไรก็ตามด้วยกระแสนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงมากขึ้น มีส่วนทำให้ส่วนแบ่งตลาดของค่ายรถญี่ปุ่น ที่ยังมีการจำหน่ายรถยนต์สันดาปปรับตัวลดลง. สวนทางกับค่ายจีนที่เน้นไปที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าส่งขายทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ค่ายรถจากจีนมีสถิติที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ยอดจะทะเบียนรถยนต์นั่งปี 65 (ในช่วงเดือน ม.ค.- ก.ย 66)
-ค่ายญี่ปุ่น 82.9% ลดลงเหลือ 74.7%
-ค่ายจีน6.7% เพิ่มขึ้นเป็น 11.9%
-ค่ายยุโรป 5.7% เพิ่มขึ้นเป็น 5.8%
-ค่ายสหรัฐ4.7% เพิ่มขึ้นเป็น 7.4%
-อื่นๆ 0.3%
ยอดขายรถสันดาปหดลงกว่า -7.4% ในปี 66
ภาพรวมการออกรถยนต์ใหม่ของประเทศไทยหดตัวต่อเนื่องในปี 66 เมื่อเปรียบเทียบ 9 เดือนแรกของปี 66 และ ปี 65 จะเห็นได้ว่าในปี 66 อัตราการออกรถยนต์ใหม่หดตัวลงถึง -7.4% (หรือ 5.89 แสนคัน) โดยเฉพาะในกลุ่มรถ Pick-up หรือ กระบะ มีอัตราการออกรถยนต์ลดลงมากถึง -15.2% (หรือ 3.67 แสนคัน)ในขณะที่รถซีดานอยู่ที่ +9.4% (หรือ 2.20 แสนคัน)
นอกจากนี้ ตลาดรถยนต์ยังคงซบเซาในภูมิภาคที่พึ่งพารายได้จากภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก ขณะที่ยอดขายในพื้นที่ท่องเที่ยวและเขตอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้
ยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่ง (รย.1) ในประเทศไทย
-ภาคเหนือ 11.9%
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ -7.9%
-ภาคตะวันออก4.5%
-กรุงเทพและปริมณฑล 6.2%
-ภาคใต้ 8.7 %
-ภาคกลาง -4.9%
อย่างไรก็ตาม SCB EIC ยังได้คาดการณ์ว่าในปี 67 ตลาดรถยนต์น่าจะฟื้นตัวช้า โดยอาจมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเพียง 1.8% จากปี 66 เท่านั้น
4 ปัจจัยที่กระทบต่ออุปสงค์ของการออกรถใหม่
-
รายได้ของเกษตรกรชลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
-
หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
-
ต้นทุนการกู้ยืมและภาระดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น
-
การปล่อยสินเชื่อรถยนต์มีความเข้มงวดขึ้น เพราะอัตราหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ค่ายรถEV จีน ครองตลาดไทย 80%
ในฝั่งของตลาดรถยนต์ EV กลับสวนทางกับออกรถยนต์ใหม่ในภาพรวม เติบโตกว่า +527.3% ทำให้ ยอดจะทะเบียนสะสม BEVสะสมในประเทศไทย (ตั้งแต่ปี 61) มีจำนวน 7.1 หมื่นคัน (คิดเป็น 1.9% ของรถยนต์นั่งทุกประเภท)
โดยในปี 66 รถยนต์ EV เพิ่มจำนวนขึ้นทำให้มีอัตราส่วนเกือบ 1 ใน 4 จากรถยนต์ใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นปรับลดลง ถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ EV แบรนด์จีนเพิ่มมากขึ้น โดยค่ายรถยนต์จีน ครองส่วนแบ่งในตลาดสูงถึง 80% และ คนไทยนิยมซื้อรถ BEV ที่มีระดับราคาอยู่ในช่วง 5 แสน – 1 ล้านบาท (ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาด EV ราว 50% ของยอดขายปี 65– ก.ย. 66)
นอกจากนี้ SCB EIC คาดว่ากระแสรถยนต์ EV มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 30% ในตลาดรถยนต์นั่งภายในปี 67
ที่มา : Pricezamoney