
สื่อฝรั่งเศสรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยสองคนในคดีขโมยเครื่องราชกกุธภัณฑ์ล้ำค่าจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ก่อน
โดยสำนักงานอัยการกรุงปารีสระบุว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกจับกุม ขณะเตรียมขึ้นเครื่องบินที่สนามบินชาร์ล เดอ โกล
สำหรับของกลางที่ถูกขโมยไปมีมูลค่ารวมประมาณ 88 ล้านยูโร หรือ ราว 3,600 ล้านบาท โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 68 เมื่อคนร้าย 4 คนใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำลายประตูและบุกเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์กลางวันแสก ๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของฝรั่งเศสยอมรับว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยล้มเหลวและเหตุการณ์นี้ได้สร้างภาพลักษณ์อันเลวร้ายให้กับประเทศ
ด้านสำนักงานอัยการกรุงปารีสแถลงว่า การจับกุมผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 ตุลาคม 68) แต่ยังไม่เปิดเผยจำนวนผู้ถูกควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ โดยแหล่งข่าวจากตำรวจเปิดเผยกับสื่อฝรั่งเศสว่า หนึ่งในผู้ต้องสงสัยกำลังเตรียมเดินทางไปยังแอลจีเรีย และเข้าใจว่าผู้ต้องสงสัยอีกคนมีแผนจะเดินทางไปมาลี
ตามรายงานของสื่อฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ดีเอ็นเอที่พบในที่เกิดเหตุเป็นเบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การระบุตัวหนึ่งในผู้ต้องสงสัย
กลุ่มคนร้ายทิ้งของไว้ในที่เกิดเหตุหลายชิ้น เช่น ถุงมือ และเสื้อสะท้อนแสง นอกจากนี้ยังมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาทำมงกุฎที่เคยเป็นของจักรพรรดินีเออเชนี ภริยาของนโปเลียนที่ 3 หล่นไว้ด้วย
รายงานระบุเพิ่มเติมว่า กลุ่มโจรเดินทางมาถึงที่พิพิธภัณฑ์เวลาประมาณ 09.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ไม่นานหลังจากพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชม โดยภาพจากที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นบันไดที่พาดขึ้นไปยังหน้าต่างบนชั้นหนึ่งของอาคาร ซึ่งคนร้ายได้ใช้มันปีนเข้าไปในพิพิธภัณฑ์
โจรสองคนในกลุ่มได้ใช้เครื่องมือตัดเจาะหน้าต่างเพื่อบุกเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์ จากนั้นพวกเขาข่มขู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนจะใช้เครื่องมือตัดกระจกของตู้จัดแสดงเครื่องเพชรสองตู้
รายงานเบื้องต้นที่อ้างโดยสื่อฝรั่งเศสระบุว่า หนึ่งในสามของห้องที่เกิดเหตุไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV)
ตำรวจฝรั่งเศสเผยว่า กลุ่มคนร้ายอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์เพียง 4 นาทีเท่านั้น ก่อนหลบหนีออกไปด้วยสกู๊ตเตอร์สองคันที่จอดรออยู่ด้านนอก ในเวลาประมาณ 09.38 น.
ด้านผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เปิดเผยต่อสมาชิกวุฒิสภาฝรั่งเศสในสัปดาห์นี้ว่า กล้องวงจรปิดเพียงตัวเดียวที่เฝ้าระวังผนังด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ในจุดที่คนร้ายบุกเข้ามานั้น กลับหันออกไปทางอื่น ไม่ได้จับภาพบริเวณระเบียงชั้นหนึ่งซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังแกลเลอรี่อะพอลโล
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ ยังยอมรับด้วยว่า ระบบกล้องวงจรปิดรอบนอกมีจำนวนจำกัดและเก่า ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มโจรได้ทันก่อนเกิดเหตุขโมย