ธุรกิจการตลาด

ประเมินยอดขายรถ EV ไทย ปี 2566 เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพิ่มขึ้น 17 เท่า

1 พ.ย. 66
ประเมินยอดขายรถ EV ไทย ปี 2566 เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพิ่มขึ้น 17 เท่า

รถยนต์ไฟฟ้า(EV) เวลานี้กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นถึง 17 เท่าภายในเวลาเพียง 3 ปี และในปี 2566 ตั้งแต่ มกราคม-กันยายน ทะลุ 66,919 คันไปแล้ว หนึ่งในนั้นคือแรงสนับสนุนของภาครัฐที่ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

ประเมินยอดขายรถยนต์ EV ไทย ปี 2566 เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพิ่มขึ้นถึง 17 เท่าภายในเวลาเพียง 3 ปี

ประเมินยอดขายรถยนต์ EV ไทย

จากข้อมูลทาง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ที่กล่าวว่า เวลานี้การแข่งขันในตลาดรถยนต์ EV (Electric Vehicle : EV) ทั่วโลกมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายต่างปรับลดราคาขายลงเฉลี่ย 2-10% เพื่อกระตุ้นยอดขาย ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายหากเทียบกับค่าน้ำมัน รวมถึงการซ่อมบำรุง รถ EV จึงกลายเป็นตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ  

ฝั่งประเทศไทยก็เติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 17 เท่าภายในเวลาเพียง 3 ปี และคาดว่าในปี 2566 ยิดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงถึง 40,812 คัน (ปัจจุบัน ทะลุ 66,919 ไปแล้ว) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแรงสนับสนุนของภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้มีสัดส่วนถึง 30% ภายในปี 2573

โดยในระยะเริ่มต้น ไทยอาจต้องพึ่งพาการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็นหลัก เนื่องจากโรงงานผลิตในประเทศไทยยังไม่สามารถรองรับความต้องการได้อย่างเต็มที่นัก แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และส่งออกได้ภายใน 3-5 ปี 

 

ตลาดรถยนต์ไทย เปลี่ยนไป เมื่อ EV มาเร็วกว่าคาด

ประเมินยอดขายรถยนต์ EV ไทย

ข้อมูลยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งไฟฟ้าในประเทศไทยพุ่งพรวดจากเพียง 570 คันในปี 2562 มาอยู่ที่ 9,678 คันในปี 2565 และเวลานี้จากข้อมูล จดทะเบียนสะสมของ กรมขนส่งทางบก ประเภท รถยนต์ไฟฟ้า100% เวลานี้ทะยานสู่ 66,919 คันในปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่า 300 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่น่าสนใจคือ รถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่นำเข้าจากจีนได้รับส่วนลดเพิ่มเติมจากค่ายผู้ผลิต จากเขตการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) หลังจากเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งกำหนดเงื่อนไขให้ค่ายผู้ผลิตต้องลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด

 

10 อันดับรถ  EV ยอดนิยมในประเทศไทย 

  • อันดับ 1  BYD Atto 3  15,924 คัน  ราคาเริ่มต้นที่ 1,099,900 บาท 
  • อันดับ 2  NETA V  9,294 คัน  ราคา 549,000 บาท  
  • อันดับ 3  Tesla Model Y 4,753 คัน  ราคาเริ่มต้นที่ 1,699,000 บาท 
  • อันดับ 4  ORA Good Cat  4,362 คัน  ราคาเริ่มต้นที่ 828,500 บาท 
  • อันดับ 5  MG EP  3,110 คัน  ราคา 959,000 บาท 
  • อันดับ 6  MG 4 Electric  2,860 คัน ราคาเริ่มต้นที่ 869,000 บาท 
  • อันดับ 7  BYD Dolphin  2,013 คัน  ราคาเริ่มต้นที่ 699,999 บาท 
  • อันดับ 8  Tesla Model 3  1,843 คัน ราคาเริ่มต้นที่ 1,599,000 บาท 
  • อันดับ 9  MG ZS EV 1,389 คัน  ราคาเริ่มต้นที่ 949,000 บาท
  • อันดับ 10  Volvo XC40 EV  858 คัน  ราคาเริ่มต้นที่ 1,999,000 บาท

สำหรับ 3 ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มี ยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสม เยอะที่สุดคือ

  1. ค่าย  BYD ส่งออกได้ 18,410 คัน  แบ่งเป็น กรุงเทพฯ  13,167 คัน  ต่างจังหวัด 5,243 คัน
  2. ค่าย  NETA ส่งออกได้ 9,347 คัน  แบ่งเป็น กรุงเทพฯ  5,288 คัน  ต่างจังหวัด  4,059 คัน
  3. ค่าย TESLA ส่งออกได้ 7,386 คัน  แบ่งเป็น  กรุงเทพฯ 7,013 คัน ต่างจังหวัด 373 คัน

ยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสมรายภาคจาก  กรมขนส่งทางบก ในกลุ่ม รถไฟฟ้า 100% (BEV : Battery Electric Vehicle) ตั้งแต่ เดือน มกราคม-กันยายน 2566 รวม 66,919 คัน โดยแบ่งได้ดังนี้

  • กรุงเทพ 65,461 คัน
  • ภาคกลาง 105 คัน
  • ภาคตะวันออก 25 คัน
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 87 คัน
  • ภาคเหนือ 639 คัน
  • ภาคตะวันตก 495 คัน
  • ภาคใต้ 107 คัน

 

ปัจจัยความสำเร็จ ที่ทำให้รถยนต์ EV ประสบความสำเร็จ

ประเมินยอดขายรถยนต์ EV ไทย

เพราะการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์ EV ที่รุนแรงขึ้น กลายเป็น Game Changer กระทบตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย  โดยมีสาเหตุดังต่อไปนี้

  • รถยนต์ EV มีลักษณะคล้ายคลึงกันมากกว่ารถยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine: ICE) ซึ่งแต่ละยี่ห้อและประเภทของเครื่องยนต์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกัน รวมถึงต้องใช้การบำรุงรักษามากกว่า ส่งผลให้ความน่าสนใจในตัวรถยนต์ ICE ลดลง

  • แบรนด์รถยนต์ดั้งเดิมที่ปรับตัวได้ช้าอาจค่อย ๆ หายไป ผู้บริโภคมองว่ารถยนต์ EV เป็นสินค้าเทคโนโลยีที่ย่อมมีวันตกรุ่นไปตามยุคสมัย ทำให้รถยนต์ ICE รุ่นเก่ากว่ามีโอกาสตกรุ่นเร็วขึ้น ส่งผลให้แบรนด์รถดั้งเดิมที่ปรับตัวไม่ทันอาจค่อย ๆ หายไปจากตลาด

  • ราคารถที่ปรับลงไม่เพียงกระทบตลาดรถมือหนึ่ง แต่ยังดึงราคารถมือสอง จากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่มีแนวโน้มจะขายถูกลง ทำให้ราคารถมือหนึ่งปรับลงตามมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดรถมือสองเช่นกัน โดยเฉพาะตลาดรถหรูหรือตลาดรถระดับกลาง

แนวโน้มของตลาดรถยนต์ EV ในประเทศไทย

กระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทยกำลังมาแรง แต่ปริมาณรถยนต์ EV ที่จำหน่ายในประเทศยังค่อนข้างจำกัด ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ EV ไทยยังต่ำกว่าหลาย ๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ttb analytics มองว่า การที่ Adoption Rate ของรถยนต์ EV ในไทยจะเร่งขึ้นได้นั้น จำเป็นต้องอาศัย "Supply Leads Demand" หรือ การพัฒนาของบริษัทผู้ผลิตอย่างจริงจัง เพื่อสร้างปริมาณรถยนต์ EV ที่ผลิตและจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น รองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่พร้อมจะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV 

ด้านการลงทุนรถยนต์ EV ในไทยของค่ายรถจีนในปัจจุบันยังน้อย หากเทียบกับฝั่งญี่ปุ่นที่ตั้งฐานการผลิตรถยนต์ในอดีต สาเหตุเพราะการนำเข้ารถยนต์ EV จากโรงงานจีนโดยตรงมีต้นทุนถูกกว่าการตั้งฐานผลิตในไทย อีกทั้งไทยยังไม่มีทรัพยากรสำคัญที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า จึงจำเป็นต้องนำเข้าเพื่อรองรับการผลิตในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการไทยในกลุ่ม Tier 2 และ 3 ทำได้เพียงเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและงานประกอบทั่วไป ซึ่งอาจไม่ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากนัก  

แต่ถึงอย่างนั้น ไทยก็ยังมีความน่าสนใจในการตั้งฐานการผลิตรถยนต์ EV ในสายตานักลงทุนจีนอยู่ โดยการลงทุนรถยนต์ EV ในไทยมีส่วนช่วยกระจายความเสี่ยงจากประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน เลี่ยงการแข่งขันใน ตลาดรถยนต์ EV ในจีนที่รุนแรง อีกทั้งยังสามารถต่อยอดห่วงโซ่การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยที่แข็งแกร่ง  

ที่มา  ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ,กรมขนส่งทางบก ,autolifethailand

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT