Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เข้าสังคมเก่งแต่ทำไมยังรู้สึก “เหงา” ถอดรหัสความเหงาของคนมีเพื่อนเยอะ!

เข้าสังคมเก่งแต่ทำไมยังรู้สึก “เหงา” ถอดรหัสความเหงาของคนมีเพื่อนเยอะ!

24 ต.ค. 68
15:31 น.
แชร์

คุณกำลังเหงาประเภทนี้อยู่หรือเปล่า ? เข้าสังคมเก่ง มีทักษะการสื่อสารที่ดี แต่ทำไมยังรู้สึก “เหงา” จิตวิทยาชี้ “ความเหงาทางญาณวิทยา” (Epistemic Loneliness) คือการขาด “คู่เต้นรำทางความคิด”

  • ความเหงาสามารถเกิดจากการที่ไม่สามารถสื่อสารสิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณออกไปได้
  • คนที่เข้าสังคมเก่งและมีทักษะการสื่อสารที่ดีก็ยังสามารถประสบกับความเหงาในรูปแบบหนึ่งได้เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คน
  • คนที่พยายามส่งสัญญาณ (ทางความคิดหรือความรู้สึก) แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง อาจรู้สึกว่าตนเองถูกตัดขาดทางความคิด (cognitively isolated) ในบางสถานการณ์ทางสังคม

คาร์ล จุง นักจิตวิเคราะห์ กล่าวว่า “ความเหงาไม่ได้มาจากการไม่มีผู้คนอยู่รอบตัวคุณ แต่มาจากการไม่สามารถสื่อสารในสิ่งที่ดูเหมือนสำคัญสำหรับคุณได้”


ไคล์ ดี. คิลเลียน นักบำบัดคู่รักและครอบครัวที่ได้รับใบอนุญาต และมีวุฒิปริญญาเอก (Ph.D.) เผยบทความใน Psychology Today ว่า

ประสบการณ์ของการรู้สึกแยกขาดและโดดเดี่ยวในสถานที่หรือความสัมพันธ์ ทั้งที่คุณมีทักษะที่จำเป็นแต่ไม่มีใครให้แบ่งปันด้วย ถูกเรียกว่า ความเหงาทางญาณวิทยา (Epistemic Loneliness)

ความเหงาทางญาณวิทยา (Epistemic Loneliness) คืออะไร

ไม่ใช่แค่ความเหงาทั่วไปที่เกิดจากการขาดเพื่อน แต่เป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดจากการ ขาดการเชื่อมโยงทางปัญญาอย่างลึกซึ้ง

คือ ความรู้สึกเป็นทุกข์ที่เกิดจากการที่ความต้องการที่จะได้รับการยอมรับและเข้าใจในฐานะ “ผู้รู้” หรือผู้มีมุมมองเฉพาะตัว “แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง” แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คน

แก่นของความเหงาประเภทนี้ คือ

การแยกขาดทางความคิด: คุณรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะ ไม่มีใครเข้าใจ หรือ ไม่มีใครใส่ใจ ในโลกภายในที่ซับซ้อนของคุณ ซึ่งรวมถึงความคิด ไอเดีย มุมมอง หรือความรู้ที่สำคัญสำหรับคุณ

การไม่ได้รับการตอบสนอง: คุณพยายามส่งสัญญาณ เช่น การพูดถึงเรื่องที่คุณสนใจอย่างกระตือรือร้น แต่ได้รับความเงียบ ความเบื่อหน่าย หรือการเปลี่ยนหัวข้อ ไม่ใช่ การสนทนาโต้ตอบที่มีความหมาย

ปัญหาของคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ: ผู้ที่ประสบกับความเหงาประเภทนี้มักเป็นคนที่พร้อมและมีทักษะที่จะแบ่งปัน แต่พวกเขาพบว่าในกลุ่มคนรอบข้างนั้น ไม่มี “คู่สนทนาที่สามารถ” ที่จะ “ร่วมเล่นกับไอเดีย” หรือแลกเปลี่ยนเรื่องราวทางปัญญาและสร้างสรรค์ “ในระดับที่พวกเขาต้องการ”

วลีที่ว่า “all dressed up but with nowhere to go” หรือแปลว่า “แต่งตัวจัดเต็มแต่ไม่มีที่ให้ไป” เป็นการสรุปความรู้สึกนี้ได้อย่างชัดเจน

นั่นคือ พวกเขามีความคิด ความรู้ และความกระตือรือร้นที่พร้อมจะแบ่งปัน แต่กลับไม่มี “เวที” หรือ “คนดู” ที่จะเข้าใจคุณค่าของสิ่งนั้นได้

การแยกตัวทางสังคม (social isolation) ไม่จำเป็นต้องเป็นสาเหตุ ที่นำไปสู่ความเหงาเสมอไป

ยกตัวอย่างเช่น การอยู่คนเดียวโดยสมัครใจนั้น ไม่ได้แปลว่ารู้สึกเหงา (อ้างอิง Motta, 2021)

ผู้คนอื่น ๆ อาจจะไม่อยู่รอบข้าง แต่คนคนนั้นก็ ไม่ได้รู้สึกเหงา

ในขณะที่แนวคิดในอดีตมักจะเชื่อมโยงความเหงาเข้ากับการ แยกตัวทางสังคมที่เป็นรูปธรรม (เช่น ไม่มีเพื่อน) โรคซึมเศร้า การเป็นคนเก็บตัว หรือการมีทักษะทางสังคมที่ไม่ดี แต่ผลงานวิจัยใหม่ ๆ ได้แสดงให้เห็นว่าการจำแนกความเหงาในลักษณะดังกล่าวนั้น อาจจะไม่ถูกต้อง

ความเหงาถูกพบว่าเกิดขึ้นกับ คนที่เข้าสังคมเก่ง ได้เช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ท่ามกลางผู้คนแล้วก็ตาม (อ้างอิง Cacioppo และ Cacioppo, 2018)

วิธีเยียวยาความเหงาประเภทนี้

การมีคนที่มี “ความคิดคล้ายกัน” หรือคนที่ “เข้าใจสิ่งนั้น” หรือ “เข้าใจตัวเรา” จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการขจัดความเหงาประเภทนี้โดยเฉพาะ

คาร์ล จุง ตั้งสมมติฐานว่า “การที่คุณสามารถพูดถึง สิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับคุณได้ นั่นหมายความว่าคุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป และคุณจะถูกมองเห็นและถูกรู้จักในฐานะที่คุณเป็น”

การมีเพื่อนที่พร้อมจะ “ปรับตัวเข้าหา” มีความเข้าใจในพื้นฐานของคุณ หรือมีความ “เปิดใจอยากเรียนรู้สิ่งที่คุณสนใจ” ซึ่งคนแบบนี้คือ ยาถอนพิษสำหรับความเหงาประเภทนี้เลยทีเดียว

Advertisement

แชร์
เข้าสังคมเก่งแต่ทำไมยังรู้สึก “เหงา” ถอดรหัสความเหงาของคนมีเพื่อนเยอะ!