Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยักษ์หลับ หรือ รอจังหวะก้าวกระโดด? ทำไมญี่ปุ่นถึงไม่ทุ่มสุดตัวกับ EV

ยักษ์หลับ หรือ รอจังหวะก้าวกระโดด? ทำไมญี่ปุ่นถึงไม่ทุ่มสุดตัวกับ EV

20 ต.ค. 68
16:00 น.
แชร์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ค่ายรถยนต์จากตะวันตก และจีน ต่างเร่งเครื่องบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ล้วน (BEV) อย่างดุเดือด แต่ผู้ผลิตยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น กลับดูเหมือนจะเดินเกมอย่าง "เชื่องช้า" และระมัดระวัง แม้ว่าพวกเขาจะเคยเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าในยุคแรก ๆ ก็ตาม

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าค่ายญี่ปุ่นกำลัง "ตกขบวน EV" หรือ "ติดกับดักความสำเร็จในอดีต" ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ พวกเขาไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่กำลังดำเนิน "กลยุทธ์ที่แตกต่าง" ซึ่งมุ่งเน้นความยั่งยืนในระยะยาว และการรอจังหวะก้าวกระโดดด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่า

เหตุผลเชิงโครงสร้างและกลยุทธ์ของค่ายญี่ปุ่น

การตัดสินใจไม่ทุ่มกำลังไปที่ BEV เพียงอย่างเดียวของค่ายรถญี่ปุ่น โดยเฉพาะค่ายใหญ่นั้น ตั้งอยู่บนหลายปัจจัยที่ซับซ้อน ตั้งแต่ความเชื่อมั่นด้านเทคโนโลยี ไปจนถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

กลยุทธ์ "หลายเส้นทาง"

แก่นหลักของค่ายญี่ปุ่นคือการไม่เชื่อว่า BEV คือทางออกเดียว ที่จะนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ทั่วโลกได้จริง พวกเขาใช้กลยุทธ์ "กระจายความเสี่ยง" โดยพัฒนาทุกทางเลือกไปพร้อมกัน:

  • เน้น Hybrid (HEV) และ Plug-in Hybrid (PHEV) ค่ายญี่ปุ่นโดยเฉพาะ Toyota เป็นเจ้าตลาดไฮบริดมานานนับทศวรรษ เทคโนโลยีนี้พิสูจน์แล้วว่า ทำกำไรได้สูง มีฐานลูกค้าแข็งแกร่ง และตอบโจทย์ตลาดจำนวนมากที่ โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยังไม่พร้อม โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
  • เดิมพันด้วยไฮโดรเจน (Hydrogen) ญี่ปุ่นยังคงลงทุนอย่างหนักในรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Vehicle - FCV) โดยมองว่า ไฮโดรเจน คือพลังงานแห่งอนาคตที่สะอาดอย่างแท้จริง และเหมาะสำหรับการขนส่งขนาดใหญ่ รวมถึงการเดินทางระยะไกล โดยมีข้อดีคือ เติมเร็วเทียบเท่าน้ำมัน

การรอเทคโนโลยี "ตัวเปลี่ยนเกม"

ค่ายญี่ปุ่นมีความกังวลต่อ ข้อจำกัดของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในปัจจุบัน ทั้งเรื่องความหนาแน่นของพลังงาน (ทำให้รถวิ่งได้ไม่ไกล), อายุการใช้งานที่ลดลงตามกาลเวลา, และความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

  • ซุ่มพัฒนา Solid-State Battery ค่ายยักษ์ใหญ่ เชื่อว่า แบตเตอรี่ Solid-State คือ "จอกศักดิ์สิทธิ์" ที่จะพลิกเกม EV โดยสิ้นเชิง เพราะสามารถให้ ระยะทางวิ่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก (อาจสูงถึง 900 ไมล์) และใช้เวลาชาร์จที่ รวดเร็วกว่า (10 นาที) พวกเขาจึงเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ รอจังหวะก้าวกระโดด (Leapfrogging) โดยตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถยนต์ EV ที่ใช้แบตเตอรี่ Solid-State ในช่วงปี ค.ศ. 2027-2028 เพื่อทวงคืนความเป็นผู้นำในตลาด

ความท้าทายด้านห่วงโซ่อุปทานและภูมิรัฐศาสตร์

การผลิต BEV ต้องพึ่งพาวัตถุดิบสำคัญอย่าง ลิเธียม และ โคบอลต์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของ จีน ในห่วงโซ่อุปทาน:

  • ความเสี่ยงในการพึ่งพาจีน การที่จีนเป็นเจ้าของตลาดแบตเตอรี่และวัตถุดิบสำคัญ ทำให้ค่ายญี่ปุ่นกังวลต่อความเสี่ยงด้าน ความมั่นคงทางธุรกิจ และ ภูมิรัฐศาสตร์ หากพึ่งพาจีนมากเกินไป พวกเขาจึงพยายามหาวิธีลดการพึ่งพิงนี้

ผลกระทบต่อโครงสร้างอุตสาหกรรมในประเทศ

อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ โดยมี ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ขนาดใหญ่และซับซ้อนที่ประกอบด้วยซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังหลายพันราย:

  • การเลิกจ้างครั้งใหญ่ การเปลี่ยนไปผลิต BEV เต็มตัวหมายถึงการลดชิ้นส่วนรถยนต์ลงอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้ซัพพลายเออร์รายย่อยในประเทศหลายรายต้อง ปิดกิจการ และเกิดการ เลิกจ้างครั้งใหญ่ การเดินเกมช้า ๆ จึงเป็นการช่วย "ยืดเวลา" ให้ซัพพลายเชนดั้งเดิมมีเวลาปรับตัว

เส้นทางที่อันตรายแต่มีโอกาส

การที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นไม่ "มุ่งลุย" พัฒนา BEV เหมือนคู่แข่ง ไม่ใช่แค่ความเฉื่อยชา แต่เป็น การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ที่คำนวณมาแล้วอย่างถี่ถ้วน ภายใต้ปรัชญา Multi-Pathway ที่เน้นความสมเหตุสมผลทางธุรกิจและความยั่งยืนด้านพลังงานในหลายรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ก็มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะตลาดโลกกำลังเคลื่อนที่ไปสู่ BEV เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากค่ายญี่ปุ่นไม่สามารถทำตามเป้าหมายในการเปิดตัว Solid-State Battery ที่ปฏิวัติวงการได้ตามกำหนด พวกเขาก็อาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งจีนและตะวันตกอย่างถาวร เหมือนที่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นเคยพลาดโอกาสในอดีตได้

กลยุทธ์ของญี่ปุ่นจึงเป็นการเดินบนเส้นด้ายระหว่างการเป็น "ผู้นำทางเทคโนโลยี" ในคลื่นลูกที่สองของ EV หรือการกลายเป็น "ผู้ตามหลัง" ที่ไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้อีกต่อไป

แชร์
ยักษ์หลับ หรือ รอจังหวะก้าวกระโดด? ทำไมญี่ปุ่นถึงไม่ทุ่มสุดตัวกับ EV