ส.อ.ท. หั่นเป้าผลิตรถยนต์ปี 68 ลง 5 หมื่นคัน เหลือ 1.45 ล้านคัน รับพิษศก.โลก-ข้อกำหนดคาร์บอน แต่ EV ยังแรงต่อเนื่อง
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในเดือนมิถุนายน 2568 และครึ่งปีแรกของปี 2568 พร้อมประกาศปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2568 ลง
ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เดือนมิถุนายน 2568
- การผลิต ยอดรวมผลิตรถยนต์อยู่ที่ 130,223 คัน เพิ่มขึ้น 11.98% เมื่อเทียบกับมิถุนายน 2567 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สองการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) โดดเด่นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นสูงถึง 314.55%ยอดผลิตรถกระบะก็เพิ่มขึ้น 8.39% โดยเฉพาะการผลิตเพื่อส่งออกและขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำยอดผลิตรถยนต์นั่งโดยรวมเพิ่มขึ้น 18.56% ขณะที่รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ลดลง 9.61% แต่รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle (HEV) เพิ่มขึ้น 73.52% และ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ลดลง 46.99%
- ยอดขายภายในประเทศ ยอดขายรถยนต์รวมอยู่ที่ 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 5.07% จากมิถุนายน 2567 นับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สามตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ มียอดขาย 9,373 คัน เพิ่มขึ้น 74.87%รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์โดยรวมเพิ่มขึ้น 14.80% แต่รถยนต์นั่ง ICE ลดลง 3.36%รถกระบะยังคงลดลง 20.74% เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ และภาพรวมเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากหนี้ครัวเรือนสูงและการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลง
- การส่งออก การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 88,085 คัน ลดลง 1.11% จากมิถุนายน 2567 สาเหตุหลักมาจากการยกเลิกการผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นเพื่อส่งออก และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพเชื้อเพลิงในประเทศคู่ค้าที่เข้มงวดขึ้นมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปลดลง 8.97% ขณะที่เครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์มีการส่งออกเพิ่มขึ้น
ภาพรวม 6 เดือนแรก (มกราคม - มิถุนายน 2568)
- การผลิต ยอดรวมผลิตรถยนต์อยู่ที่ 724,715 คัน ลดลง 4.80% จากช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยการผลิตรถยนต์นั่งลดลง 6.55% แต่รถยนต์นั่ง BEV เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 380.48% และ PHEV เพิ่มขึ้น 211.60%
- ยอดขาย ยอดขายรถยนต์รวมอยู่ที่ 302,694 คัน ลดลง 1.73% จากช่วงเดียวกันของปี 2567 รถยนต์นั่ง BEV มียอดขายสะสม 54,084 คัน เพิ่มขึ้น 61.41% และ PHEV เพิ่มขึ้นถึง 315.96%
- การส่งออก ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 459,357 คัน ลดลง 11.50% จากช่วงเดียวกันของปี 2567
การปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2568
ส.อ.ท. ได้ประกาศ ปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2568 ลงจาก 1,500,000 คัน เป็น 1,450,000 คัน (ลดลง 3.33% หรือ 50,000 คัน) โดยเน้นไปที่การลดเป้าการผลิตเพื่อส่งออก 5% (จาก 1,000,000 คัน เป็น 950,000 คัน)
ปัจจัยในการปรับลดเป้าหมายการผลิตเพื่อส่งออก ได้แก่
- มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบการค้าโลก
- เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง
- ข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอนที่เข้มงวดขึ้น
- การยุติการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อปรับไลน์การผลิต
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
- การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากรถยนต์ของประเทศคู่ค้า
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงและยอดจดทะเบียนสะสม
- จดทะเบียนใหม่ (มิถุนายน 2568) BEV 15,100 คัน เพิ่มขึ้น 88.99% จากมิถุนายน 2567 โดยรถยนต์นั่ง BEV สูงถึง 12,915 คัน HEV 11,520 คัน ลดลง 8.49%PHEV 1,524 คัน เพิ่มขึ้น 80.78%
- จดทะเบียนสะสม (ณ 30 มิถุนายน 2568) BEV รวม 296,784 คัน เพิ่มขึ้น 61.98% จากปีก่อนหน้า โดยรถยนต์นั่ง BEV มีจำนวน 212,313 คัน HEV รวม 542,371 คัน เพิ่มขึ้น 30.73% PHEV รวม 74,557 คัน เพิ่มขึ้น 26.85%
- เดือนเมษายน 2568 เป็นเดือนแรกที่มีการผลิตรถกระบะไฟฟ้าในประเทศไทย
- เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นเดือนแรกที่มีการส่งออกรถกระบะไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทย
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งการผลิตและการจดทะเบียน แม้ว่ายอดขายโดยรวมและยอดส่งออกจะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทำให้ ส.อ.ท. ต้องปรับลดเป้าหมายการผลิตลงเล็กน้อย