Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทองโลกทะลุสถิติไม่หยุด แต่ทำไมทองไทยแอบนิ่ง? 'บาทแข็ง'มีเอี่ยวอย่างไร?
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทองโลกทะลุสถิติไม่หยุด แต่ทำไมทองไทยแอบนิ่ง? 'บาทแข็ง'มีเอี่ยวอย่างไร?

24 ธ.ค. 68
13:40 น.
แชร์

แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ จากแรงเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และความคาดหวังต่อทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ โดยล่าสุดทะลุระดับ 4,500 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์แล้ว แต่ภาพที่สะท้อนมายังตลาดไทยกลับไม่ได้ร้อนแรงตามไปด้วย ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นเพียงจำกัด บางวันขยับขึ้นน้อยกว่าที่นักลงทุนคาดหวัง หรือแทบไม่เปลี่ยนแปลง แม้สัญญาณจากตลาดโลกจะเป็นบวกอย่างชัดเจน

ความรู้สึกว่าราคาทองไทย “ขึ้นไม่สุด” ไม่ได้เกิดจากความล่าช้าของตลาดภายในประเทศ หรือความผิดปกติของกลไกราคา หากแต่เป็นผลจากโครงสร้างราคาที่ต้องพิจารณามากกว่าหนึ่งปัจจัย เนื่องจากทองคำในตลาดโลกซื้อขายกันด้วยเงินดอลลาร์ ขณะที่การซื้อขายในประเทศใช้เงินบาทเป็นหลัก อัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่เชื่อมโยงราคาทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน และในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว จนเกือบหลุดระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ แรงแข็งค่าของค่าเงินจึงเข้ามาชะลอการปรับขึ้นของราคาทองคำในประเทศไว้ แม้ราคาทองโลกจะปรับขึ้นแรงก็ตาม

ค่าเงินบาทแข็ง กลไกที่ลดทอนแรงบวกจากทองโลก

หากอธิบายจากหลักการที่ง่ายที่สุด ต้องเริ่มจากข้อเท็จจริงว่า “ราคาทองคำโลกคิดเป็นเงินดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำในไทยคิดเป็นเงินบาท” ดังนั้น ทุกครั้งที่นำราคาทองคำในตลาดโลกมาใช้เป็นฐานคำนวณราคาทองในประเทศ จะต้องแปลงราคาทองสปอตจากดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์มาเป็นเงินบาทผ่านอัตราแลกเปลี่ยนก่อน จากนั้นจึงค่อยบวกต้นทุนและส่วนต่างภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นค่าดำเนินการ พรีเมียมของตลาด หรือค่ากำเหน็จในกรณีทองรูปพรรณ

ในบริบทนี้ คำว่า “เงินบาทแข็งค่า” หมายถึงการใช้เงินบาทจำนวนน้อยลงเพื่อแลกเงินดอลลาร์ 1 ดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงในสายตาของผู้ถือเงินบาท สินค้าที่ตั้งราคาเป็นดอลลาร์ก็จะมีราคาถูกลงตามกลไกเดียวกัน รวมถึงทองคำด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไม แม้ราคาทองโลกจะปรับขึ้นแรง แต่หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นในจังหวะเดียวกัน ผลของทั้งสองปัจจัยจะเกิดการหักล้างกันทันที

หากลองนึกภาพให้เห็นชัดขึ้น สมมติว่าราคาทองโลกปรับขึ้นมากพอที่จะทำให้ราคาทองในประเทศควรแพงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในวันเดียวกันเงินบาทกลับแข็งค่าขึ้นแรงเช่นกัน เมื่อแปลงราคาทองจากดอลลาร์กลับมาเป็นเงินบาท ตัวเลขที่ได้ย่อมลดลงตามค่าเงิน ส่งผลให้ราคาทองในประเทศขยับขึ้นได้ไม่มาก หรือขึ้นช้ากว่าที่ควรจะเป็น ภาพนี้ไม่ต่างจากการเหยียบคันเร่งและเบรกพร้อมกัน โดยคันเร่งคือราคาทองโลก ส่วนเบรกคือค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น รถยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แต่ไม่เร็วอย่างที่คาดหวัง

อีกมุมหนึ่งที่ช่วยอธิบายได้ชัดเจนคือ เมื่อราคาทองโลกปรับขึ้นในเชิง “เปอร์เซ็นต์” ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นในเชิง “เปอร์เซ็นต์” ใกล้เคียงกัน ผลที่สะท้อนออกมาในราคาทองคำไทยจะเป็นการปรับขึ้นสุทธิหลังจากหักลบกันแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนไทยเห็นภาพซ้ำ ๆ ของสถานการณ์ที่ราคาทองโลกทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ราคาทองในประเทศกลับปรับขึ้นเพียงจำกัดในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง

เงินบาทแข็งจากกระแสทุนและดอลลาร์อ่อน กดผลตอบแทนทองคำในประเทศ

คำถามถัดมาคือ เหตุใดในช่วงที่ราคาทองคำโลกปรับขึ้นแรง ค่าเงินบาทจึงกลับแข็งค่าขึ้นด้วย ทั้งที่ความเข้าใจทั่วไปมักมองว่าในภาวะตลาดผันผวน นักลงทุนควรหันไปถือเงินดอลลาร์มากขึ้น คำอธิบายของรอบนี้คือ ค่าเงินถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลายชั้น และหลายปัจจัยเกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน

ชั้นแรกคือภาพของ “ดอลลาร์อ่อนค่า” จากความคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยนโยบาย เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ เปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง ความน่าสนใจของการถือดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงก็ลดลง เงินทุนบางส่วนจึงไหลออกจากดอลลาร์ไปยังสินทรัพย์อื่น ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าในภาพรวม และทำให้สกุลเงินอื่นรวมถึงเงินบาทดูเหมือนแข็งค่าขึ้นโดยเปรียบเทียบ

ชั้นที่สองคือปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะกระแสเงินทุนและดุลบัญชีของไทย หากในช่วงนั้นประเทศไทยมีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าในปริมาณมาก ไม่ว่าจะมาจากรายได้ภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การส่งออกบริการที่ดีขึ้น หรือเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้าสู่ตลาดการเงินไทย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นแรงหนุนให้เงินบาทแข็งค่าได้ต่อเนื่อง จึงอธิบายได้ว่าทำไมในบางช่วงเงินบาทสามารถแข็งค่าได้ แม้เศรษฐกิจโลกยังเต็มไปด้วยความผันผวน เพราะค่าเงินไม่ได้สะท้อนความเสี่ยงโลกเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนสถานะเงินไหลเข้า-ออกของประเทศด้วย

ชั้นที่สามซึ่งเกี่ยวข้องกับทองคำโดยตรง คือผลของ “ราคาทองสูงกระตุ้นการขายทำกำไร” เมื่อราคาทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นแรง ผู้ถือทองหรือผู้ประกอบการบางส่วนย่อมเลือกขายทองเพื่อทำกำไร การขายทองในตลาดโลกหรือการส่งออกทองในบางรูปแบบทำให้มีเงินดอลลาร์ไหลกลับเข้ามา และเมื่อเงินดอลลาร์เหล่านี้ถูกนำมาแลกเป็นเงินบาทเพื่อใช้ในประเทศ ก็ยิ่งเพิ่มอุปทานดอลลาร์ในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้เงินบาทมีแรงแข็งค่าต่อเนื่อง กลายเป็นวงจรที่ทองโลกขึ้น นำไปสู่การขายทำกำไร ดอลลาร์ไหลกลับ บาทแข็ง และสุดท้ายราคาทองในประเทศปรับขึ้นได้ไม่เต็มที่

ผลลัพธ์สุดท้ายจึงตกอยู่กับ “ผลตอบแทนของนักลงทุนไทย” ผู้ที่ถือทองคำในประเทศอาจไม่ได้รับกำไรเต็มจำนวนเท่าที่เห็นจากข่าวราคาทองโลก เพราะกำไรบางส่วนถูกหักล้างไปด้วยการแข็งค่าของเงินบาท ในทางกลับกัน นักลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงทองคำในสกุลดอลลาร์ หรือกองทุนทองที่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน อาจได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นของทองโลกมากกว่า แต่ก็ต้องยอมรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนควบคู่กันไป

สรุปอย่างตรงไปตรงมาคือ ราคาทองคำโลกทำหน้าที่เป็นแรงบวก ขณะที่เงินบาทแข็งค่าทำหน้าที่เป็นแรงลบ เมื่อทั้งสองปัจจัยเกิดขึ้นพร้อมกัน ราคาทองคำในประเทศจึงปรับขึ้นได้ แต่ขึ้นไม่สุด และในช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็วเป็นพิเศษ ราคาทองไทยอาจดูเหมือนขยับช้ากว่าที่ควร ทั้งหมดนี้เป็นกลไกปกติของการแปลงราคาทองจากดอลลาร์เป็นเงินบาท ไม่ใช่ความผิดปกติของตลาดทองคำในประเทศแต่อย่างใด


แชร์
ทองโลกทะลุสถิติไม่หยุด แต่ทำไมทองไทยแอบนิ่ง? 'บาทแข็ง'มีเอี่ยวอย่างไร?