ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SCG ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างโลกที่ยั่งยืน ด้วยการนำเสนอแนวคิด โครงการ และนวัตกรรมที่ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การลดคาร์บอนในชีวิตประจำวัน การจัดการขยะและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำ ไปจนถึงการส่งเสริมพื้นที่สีเขียว บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจไฮไลท์สำคัญจากบูธ SCG ในงาน SX 2024 ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน
SCG นำทัพนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนในงาน Sustainability Expo 2024
ในมหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) บริษัท SCG ได้นำเสนอแนวคิดที่ล้ำหน้าในการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ภายใต้แนวคิด "LOW CARBON LIVING วิถีชีวิตใหม่ไร้คาร์บอน" บูธจัดแสดงของ SCG ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชีวิตประจำวัน ผ่านการเลือกสรรวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่
หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นคือ "NETSup" ซึ่งเป็นการนำอวนประมงที่ไม่ใช้งานแล้วมาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (Marine Materials) เพื่อนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ Upcycled ที่หลากหลาย โครงการนี้ไม่เพียงแต่มีส่วนช่วยลดปริมาณขยะในทะเล แต่ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้ และลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่
SCG ชูแนวคิด ลดคาร์บอนได้ทุกวัน
SCG ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนผ่านแนวคิด "ลดคาร์บอนได้ทุกวัน เปลี่ยนใช้ ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก" ภายในบูธ SCG ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย ซึ่งเป็นตัวอย่างที่จับต้องได้ของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ SCG GREEN POLYMER™ ซึ่งเป็นพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง (High Quality PCR) ที่สามารถนำไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำ นอกจากนี้ยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% มีความปลอดภัย และนำไปสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย
นอกจากนี้ SCG ยังร่วมมือกับ HomePro ใน "โครงการแลกเก่าเพื่อโลกใหม่" เพื่อจัดการสินค้าเก่าอย่างถูกวิธี และนำไปสู่กระบวนการรีไซเคิลเพื่อผลิตเป็น "สินค้ารักษ์โลก" (Circular Products) อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ บรรจุภัณฑ์อาหาร Fest Redi Pak ซึ่งใช้วัสดุหลัก 90% จากเยื่อยูคาลิปตัสที่ย่อยสลายได้ภายใน 60 วัน บรรจุภัณฑ์นี้ยังสามารถลอกพลาสติกฟิล์มออกเพื่อนำไปรีไซเคิลได้ และลดเวลาอุ่นอาหาร 25% ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน
SCG ยังให้ความสำคัญกับการวัดและรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์เยื่อกระดาษ กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษถ่ายเอกสาร กระดาษบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์อาหาร บรรจุภัณฑ์กระดาษ และบรรจุภัณฑ์พลาสติก ของ SCGP จำนวน 161 รายการ ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Products: CFP) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้สินค้าที่มีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำได้ง่ายขึ้น
SCG สร้างแรงบันดาลใจสู่อนาคตที่อยู่อาศัยคาร์บอนต่ำ
จากแนวคิด "LOW CARBON HABITAT ที่อยู่อาศัยคาร์บอนต่ำ" สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการผลักดันภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างสู่ยุคแห่งความยั่งยืน SCG ได้นำเสนอแนวทางในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการก่อสร้างและที่อยู่อาศัย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพและการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนของกระบวนการก่อสร้าง เพื่อเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมที่น่าสนใจ เช่น Hot Air Generator ที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลทดแทนก๊าซธรรมชาติในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม
"Energy Transition เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด"
นอกจากนี้ทาง SCG ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ภายใต้แนวคิดหลัก "Energy Transition: เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด" บูธนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน ไปสู่การใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสร้างโลกที่ยั่งยืน โดยมีการนำเสนอ 4 แนวทางหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ได้แก่
- เร่งปรับ: ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตและการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- เร่งปลูก: ส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานเพื่อความยั่งยืน เพื่อสร้างแหล่งพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- เร่งเปลี่ยน: เปลี่ยนพื้นที่ว่างให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน
- เร่งจัดการ: จัดการระบบพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้กลายเป็นพลังงาน เพื่อลดการสูญเสียและเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากร
“ปูนคาร์บอนต่ำ” นวัตกรรมสีเขียวเพื่อวงการก่อสร้างไทย
SCG มีความมุ่งมั่นของบริษัทในการผลักดันอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยสู่ความยั่งยืน ด้วยการนำเสนอ “ปูนคาร์บอนต่ำ” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก ปูนซีเมนต์ถือเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้าง แต่กระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมนั้นก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก SCG ได้เล็งเห็นปัญหานี้ และพัฒนา "ปูนคาร์บอนต่ำ" ขึ้นเป็นรายแรกของประเทศไทย โดยใช้เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ (Supplementary Cementitious Materials หรือ SCMs) และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 15-20% เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้างทั่วไป
ภายในบูธ SCG ได้จัดแสดงตัวอย่างปูนคาร์บอนต่ำ พร้อมข้อมูลและภาพโครงการที่ประสบความสำเร็จในการนำปูนชนิดนี้ไปใช้ เช่น โครงการ Supalai Icon Sathon และ Lake Forest ของ Property Perfect ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงประสิทธิภาพและความเป็นไปได้ในการใช้งานจริงของนวัตกรรมนี้
SCG ชูโซลูชัน "Wake Up Waste" จัดการขยะอย่างยั่งยืนในงาน Sustainability Expo 2024
จากภาพบูธ SCG ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) เราจะเห็นว่า SCG ได้นำเสนอโซลูชันที่น่าสนใจในการจัดการปัญหาขยะ ภายใต้แนวคิด "ผู้ช่วยจัดการขยะ และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง" ด้วยโซลูชัน "Wake Up Waste" สำหรับ Wake Up Waste เป็นแพลตฟอร์มและโซลูชันบีบอัดขยะที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาขยะล้นเมืองและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรม โรงพยาบาล ออฟฟิศ และคอนโด โซลูชันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย สำหรับผลลัพธ์คือ
- ลดปริมาณขยะ: ช่วยลดปริมาณขยะได้ถึง 2,000,000 กิโลกรัม
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 1,150,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์
- เพิ่มพื้นที่สีเขียว: เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 95,000 ต้น
- ลดการใช้ทรัพยากร: ช่วยลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตสินค้าใหม่ เนื่องจากมีการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์
การจัดแสดง Wake Up Waste ในงาน SX 2024 ของ SCG นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขยะและการขนส่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งภาคธุรกิจและสังคมโดยรวม
SCG และ COTTO นำเสนอนวัตกรรมเปลี่ยนของเหลือใช้เป็นของใช้รักษ์โลกในงาน Sustainability Expo 2024
SCG พร้อมนำเสนอไอเดียสุดสร้างสรรค์ในการนำวัสดุเหลือใช้มาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดหลัก "เปลี่ยนพื้นให้รักษ์โลก" และ "เปลือกไข่" เหลือทิ้งเป็นสุขภัณฑ์รักษ์โลก
เปลี่ยนถุงน้ำยาล้างไตเป็นกระเบื้อง
ความร่วมมือระหว่าง Baxter, PRINCIPAL, และ SCG ได้นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่น่าทึ่ง นั่นคือการนำถุงน้ำยาล้างไตใช้แล้วมาแปรรูปเป็นกระเบื้องพีวีซีรีไซเคิลคุณภาพสูง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย กระเบื้องรักษ์โลกนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 1,110 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น แต่ยังเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ถึง 120 ต้นอีกด้วย
เปลือกไข่เหลือทิ้งเป็นสุขภัณฑ์
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจคือการนำ "เปลือกไข่" ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหาร มาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสุขภัณฑ์เซรามิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมนี้ช่วยลดปริมาณขยะและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตได้ถึง 930 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ใหญ่จำนวน 8,340 ต้น
SCG สร้างแรงบันดาลใจสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน
SCG และ COTTO ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าชมงานและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
SCG นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาคส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงในงาน Sustainability Expo 2024
จากภาพที่เห็นในบูธของ SCG ภายในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยข้อมูลจากบูธแสดงให้เห็นชัดเจนว่าภาคพลังงานเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 69.06% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด นี่เป็นเครื่องเตือนใจว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากภาคพลังงานแล้ว ยังมีภาคส่วนอื่น ๆ ที่มีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่
- ภาคกระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์: 10.77%
- ภาคเกษตร: 15.69%
- ภาคของเสีย: 4.88%
ข้อมูลเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่เพียงแค่ภาคพลังงานเท่านั้น
SCGP ชูโมเดล "ชุมชน LIKE(ไร้)ขยะ" สู่การจัดการขยะอย่างยั่งยืนใน SX 2024
ภาพจากบูธ SCGP ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืน ผ่านแนวคิด "ชุมชน LIKE(ไร้)ขยะ" ซึ่งเป็นการส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในชุมชน จากวิกฤตสู่โอกาส เปลี่ยน “ขยะ” เป็น “ทรัพยากร” SCGP เชื่อว่าการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพสามารถเริ่มต้นได้จากระดับชุมชน โดยนำเสนอแนวคิดการเปลี่ยน "ขยะ" ให้เป็น "ทรัพยากร" ที่มีค่า นำกลับมาใช้ใหม่ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
โดยโครงการนำร่องที่ชุมชนบ้านรวงผึ้ง จังหวัดราชบุรี เป็นตัวอย่างความสำเร็จของแนวคิดนี้ โดย SCGP ได้เข้าไปส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงระดับชุมชน ผลลัพธ์ที่ได้คือชุมชนสามารถลดปริมาณขยะ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับวัตกรรมที่น่าสนใจ อย่าง "ถังหมักปุ๋ยอินทรีย์ ตราคู่ดิน by SCGP" ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเปลี่ยนเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับครัวเรือน และไม่ส่งกลิ่นเหม็น ถังหมักนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในชีวิตประจำวัน
SCG นำเสนอ "สระบุรีแซนด์บ็อกซ์" ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ ในงาน Sustainability Expo 2024
ภาพบูธ SCG ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของบริษัทในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยนำเสนอ “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบในการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "LOW CARBON CITY"
โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง SCG และ TCMA (Thailand Cement Manufacturers Association) เพื่อพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดสระบุรีให้เป็นต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ โดยมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม พลังงาน เกษตรกรรม การจัดการขยะ ไปจนถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว นอกจากนี้ทาง SCG ได้นำเสนอข้อมูลและแนวทางการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำอย่างครอบคลุม โดยมี 6 หัวข้อหลัก ได้แก่
- Energy Transition: เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด - เน้นการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน
- Industrial Processes and Product Use: อุตสาหกรรมสีเขียว - มุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- Low Carbon Agriculture: เกษตรคาร์บอนต่ำ - ส่งเสริมการทำเกษตรอย่างยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มผลผลิต
- Waste Management: จัดการของเสีย - พัฒนาการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณขยะ และนำกลับมาใช้ใหม่
- Green Space: พื้นที่สีเขียว - เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง เพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี
- SARABURI SANDBOX: สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ - นำเสนอโครงการต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำที่สระบุรี
สระบุรีทำได้ จังหวัดอื่นก็ทำได้
นอกจากนี้ ภายในบูธยังมีการนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น ภาคพลังงานเป็นภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุด คิดเป็น 69.06% และเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานปูนซีเมนต์ SCG ในสระบุรีให้ได้ 1 ล้านตัน ภายในปี 2030
SCG จับมือ PTT OR ผลักดันการขนส่งสีเขียวในงาน Sustainability Expo 2024
SCG ได้นำเสนอแนวคิดและโซลูชันที่น่าสนใจในการลดคาร์บอนจากภาคการขนส่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ภายใต้ความร่วมมือกับ PTT OR บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างระบบการขนส่งที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น สำหรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการขนส่งสีเขียว SCG ได้นำเสนอโซลูชันที่น่าสนใจหลายอย่างเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขนส่ง ได้แก่
- Logistics Planning and Control Tower (LPCT): ศูนย์ควบคุมการจัดการโลจิสติกส์ซัพพลายเชน ช่วยให้มั่นใจได้ว่าทุกการขนส่งมีการปล่อยคาร์บอนต่ำ
- Backhaul & Headhaul Matching: ระบบจับคู่การขนส่งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ช่วยลดการวิ่งรถเที่ยวเปล่าได้ถึง 25,160 เที่ยว
- Transportation Management System (TMS): ระบบบริหารจัดการขนส่ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วยการบริหารจัดการรถขนส่งกว่า 14,000 คัน
- Cool Container: ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ ช่วยลดต้นทุนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ
- Route Optimization: ระบบหาเส้นทางขนส่งที่ดีที่สุด ช่วยลดระยะทางและเวลาในการขนส่ง
ความร่วมมือ SCGJWD x PTT OR
ความร่วมมือระหว่าง SCGJWD และ PTT OR เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการนำนวัตกรรมไปใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยการใช้ Cool Container ในการจัดส่งสินค้าเบเกอรี่ไปยังร้านคาเฟ่อเมซอนกว่า 500 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้ 82.59 ล้านลิตร และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 226,358 ตันคาร์บอนไดออกไซด์
SCG ชู "พื้นที่สีเขียว" หัวใจสำคัญสู่เมืองคาร์บอนต่ำในงาน Sustainability Expo 2024
ภาพบูธ SCG ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ "พื้นที่สีเขียว" ในการสร้างเมืองคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "GREEN SPACE เพิ่มพื้นที่สีเขียว" บูธนี้เน้นย้ำถึงบทบาทของต้นไม้และป่าไม้ในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
ต้นไม้ ฮีโร่ผู้พิทักษ์โลก
SCG ได้นำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับประโยชน์ของต้นไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ต้นไม้ยืนต้น 1 ต้น" สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุดถึง 25 กิโลกรัมต่อปี นอกจากนี้ ต้นไม้ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างรายได้ให้ชุมชน
ป่าชายเลนและหญ้าทะเล ซูเปอร์ฮีโร่แห่งท้องทะเล
ไม่เพียงแต่ต้นไม้บนบกเท่านั้น ป่าชายเลนและหญ้าทะเลยังเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญ โดยมีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนมากกว่าป่าบกถึง 5 เท่า SCG เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลเหล่านี้ เพื่อช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
"ปลูก" เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ภายในบูธ SCG ยังมีการจัดแสดงต้นไม้นานาชนิด และกิจกรรมที่ส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมงานตระหนักถึงความสำคัญของการปลูกต้นไม้และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
SCG หนึ่งในผู้นำนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจสู่อนาคตคาร์บอนต่ำในงาน SX 2024
จากการนำเสนอของ SCG ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX 2024) เราได้เห็นภาพที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ผ่านแนวคิด นวัตกรรม และโครงการต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การลดคาร์บอนในชีวิตประจำวัน การจัดการขยะและทรัพยากร การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำ ไปจนถึงการส่งเสริมพื้นที่สีเขียว
SCG ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกภาคส่วนในการร่วมกันสร้างโลกที่น่าอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป บูธของ SCG ในงาน SX 2024 จึงไม่ใช่เพียงแค่การจัดแสดง แต่เป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และเป็นเครื่องยืนยันว่า "ความยั่งยืน" ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดสวยหรู แต่เป็นสิ่งที่ SCG ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การเข้าร่วมงาน SX 2024 ของ SCG ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับภาคธุรกิจอื่น ๆ ในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน