การเงิน

สถิติชี้ “ทองคำ” จ่อฟื้นตัวหลังเฟดเริ่ม “ขึ้น” ดอกเบี้ยครั้งแรก

28 ม.ค. 65
สถิติชี้ “ทองคำ” จ่อฟื้นตัวหลังเฟดเริ่ม “ขึ้น” ดอกเบี้ยครั้งแรก
ไฮไลท์ Highlight
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจะมองข้ามไม่ได้   ทำให้นักลงทุนทองคำยังคงต้องระมัดระวังการอ่อนตัวลงของราคา  อย่างไรก็ดี  YLG ไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนก  เพราะสถิติบอกต่ออีกว่า  “ราคาทองคำจะตอบสนองในเชิงลบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดมากที่สุดในช่วงก่อนที่เฟดจะดำเนินการคุมเข้มนโยบายการเงิน  และเริ่มปรับตัวขึ้นหลังจากเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย”

สถิติชี้ “ทองคำ” จ่อฟื้นตัวหลังเฟดเริ่ม “ขึ้น” ดอกเบี้ยครั้งแรก

 

       2 ปีที่ผ่านมา  ธนาคารกลางทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยมุ่งหวังที่จะกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังจากเศรษฐกิจผชิญกับแรงกระแทกจากการระบาดของ COVID-19  ทั้งในรูปแบบของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำถึงติดลบ  รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ หรือ ที่เราคุ้นชินกับคำว่า QE ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาสภาพคล่องในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง และเม็ดเงินเหล่านั้นมีการไหลเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น  สินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงทองคำเช่นกัน  ขณะที่ในปัจจุบัน  เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแข็งแกร่ง  บวกรวมกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี และแน่นอนว่าเมื่อเวลา “เปลี่ยน”  เศรษฐกิจโลก  “เปลี่ยน” ไปในทิศทางที่ดีขึ้น  ก็ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มส่งสัญญาณใน  “เปลี่ยน” การดำเนินนโยบายการเงินจากเดิมที่เป็นไปในลักษณะผ่อนคลายเพื่อกลับสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) เช่นกัน

 

ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ถือว่าเป็นธนาคารกลางขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ส่งสัญญาณเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค.นี้รวมถึงเตรียมจะเริ่มต้นปรับลดขนาดงบดุลเฟดในปีนี้ด้วย  หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อนแล้วในเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว  ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ก็เตรียมจะยุติโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ PEPP ในช่วงต้นไตรมาสแรกของปีนี้

 

แน่นอนว่าสัญญาณในเชิงสายเหยี่ยวจากหลายธนาคารกลางโดยเฉพาะเฟด  ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดสินทรัพย์ทั่วโลก  และส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างหนัก  เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลกส่งผลให้เกิดแรงเทขายพันธบัตรระยะยาวจากนักลงทุนและเป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ซึ่งการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรส่งผลให้ต้นทุนในการถือครองทองคำก็สูงขึ้นตามไปด้วยเพราะทองคำนั้นไม่ให้ดอกเบี้ยผลตอบแทนในการถือครองและปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาทองคำ  นอกจากนี้ยังหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าจนกดดันทองคำในอีกทางด้วย

 

ylg2

 

จากสถิติในอดีต  เห็นได้ชัดว่าในช่วงที่เฟดผ่อนคลายนโยบายการเงินทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นดังเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2009-2011 และช่วงปี 2020  ขณะที่ในช่วงที่เฟดยุติการผ่อนคลายนโยบายการเงิน  และกลับมาคุมเข้มนโยบายการเงินก็ส่งผลกดดันราคาทองคำเช่นกัน ดังที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2013-2018  ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์  ซึ่งดอลลาร์สหรัฐกับทองคำเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม   

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนจะมองข้ามไม่ได้   ทำให้นักลงทุนทองคำยังคงต้องระมัดระวังการอ่อนตัวลงของราคา  อย่างไรก็ดี  YLG ไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนก  เพราะสถิติบอกต่ออีกว่า  “ราคาทองคำจะตอบสนองในเชิงลบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดมากที่สุดในช่วงก่อนที่เฟดจะดำเนินการคุมเข้มนโยบายการเงิน  และเริ่มปรับตัวขึ้นหลังจากเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ย”

 

 971841

 

“ข้อมูลจาก WGC บ่งชี้ว่า ในรอบวัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด 4 ครั้งล่าสุด  ได้แก่  ในเดือนก.พ. 1994, มิ.ย. 1999, มิ.ย. 2004, ธ.ค. 2015 พบว่า  แม้ราคาทองคำมักจะตอบสนองในเชิงลบล่วงหน้าต่อแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด  ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำให้ผลตอบแทน -6.81% ในช่วง 6 เดือนก่อนเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก  แต่ราคาทองคำมักฟื้นตัวหลังเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก  โดยราคาทองคำให้ผลตอบแทน +11.34% ในช่วง 6 เดือนหลังเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก  และให้ผลตอบแทน +7.62% ในช่วง 1 ปีหลังเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก”

 

ดังนั้น  การปรับนโยบายการเงินของเฟดกลับสู่สภาวะปกติ  ทั้งในแง่ของการลด QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนทองคำต้องระมัดระวังแรงขายที่อาจสลับออกมาเป็นระยะโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลัง Price in รับการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมี.ค.  แต่กระนั้น YLG ยังคงเชื่อว่ารอบการคุมเข้มนโยบายการเงินครั้งนี้อาจสร้างแรงกดดันต่อทองคำในระดับที่น้อยกว่ารอบการคุมเข้มนโยบายการเงินในอดีต  เหตุเพราะสภาพแวดล้อมในปัจจุบันยังคงเป็นบวกต่อราคาทองคำโดยเฉพาะประเด็นอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง

 

 

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG Bullion And Future จำกัด

advertisement

SPOTLIGHT