.
1.ทั้งทรูและดีแทค ยังไม่มีการยืนยัน และเปิดเผยถึงดีลที่เกิดขึ้นว่าจะมีลักษณะอย่างไร เพียงแต่ส่งจดหมายถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื้อความตรงกันว่า หากมีข้อชี้แจงใดๆที่บริษัทมีหน้าที่ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทจะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
.
2.สำหรับฐานผู้ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทั้ง 3 รายในปัจจุบัน มีดังนี้
ทรู ผู้ใช้งาน 32 ล้านราย
ดีแทค ผู้ใช้งาน 18.6 ล้านราย
เอไอเอส ผู้ใช้งาน 43.67 ล้านราย
ซึ่งหากทรูมีการเข้าซื้อกิจการดีแทคจะทำให้จำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ประมาณกว่า 50 ล้านรา
.
3.ผลประกอบการล่าสุด 9 เดือน 2564 ข้อมูลจากตลลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 19 พ.ย.2564
รายได้ กำไร/ขาดทุน
ทรู 103,177 ล้านบาท -1,483 ล้านบาท
ดีแทค 59,855 ล้านบาท +3,185 ล้านบาท
เอไอเอส 130,995 ล้านบาท +20,059 ล้านบาท
มุมมองของ ผช.กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที คุณมงคล พ่วงเพตรา มองว่า ยังคงต้องติดตามความชัดเจนของดีลระหว่าง ทรูกับดีแทค ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่จากข่าวที่เกิดขึ้นถือว่า มีความเป็นไปได้สูง เพราะประเมินจากตัวบริษัท เทเลเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของดีแทค โดยปัจจุบันเทเลนอร์ ถือหุ้นในดีแทค 45.87% ไม่ได้แสดงความสนใจในการขยายการลงทุนในประเทศไทยต่อ โดยหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง มองว่า ทรู จะได้ประโยชน์จาก จำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น รวมถึง เสาส่งสัญญาณที่เพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามว่า หากทรูซื้อดีแทคจริง จะใช้วิธีการอย่างไร หากซื้อด้วยเงิน ก็จะเป็นจำนวนที่มหาศาล จะมีผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของทรูหรือไม่อย่างไรบ้าง ส่วนอีกวิธีคือ การแลกหุ้นเพื่อเป็นการชำระค่าหุ้นแทนเงินสด โดยทรูออกหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นดีแทค ให้ผู้ถือหุ้นดีแทคมาถือหุ้นทรู หากเป็นในรูปแบบนี้ คุณมงคล มองว่า ผู้ถือหุ้นดีแทคต้องพิจารณาในแง่เงินปันผลที่จะได้รับในอนาคต อาจลดลงจากผลประกอบการของทรูได้
ทั้งนี้ดีลที่เกิดขึ้นต้องรอความชัดเจนต่อไป แต่ประเมินว่า ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไม่ค่อยมีการเติบโต เพราะ ต้นทุนใบอนุญาติในการประกอบธุรกิจสูง , มีการแข่งขันที่รุนแรง ขณะที่มีการควบคุมราคา ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคไม่นิยมย้ายค่าย รวมถึงการใช้ประโยชน์จากการพัฒนาโครงข่ายยังไม่เต็มที่ หากมีการซื้อกิจการจริงอาจไม่เกิดการต่อยอดทางธุรกิจมากนัก
สำหรับราคาหุ้น ของ 3 ค่ายมือถือวันนี้ TRUE ปิดที่ 4.32 บาท ลดลง 0.06 บาท หรือ ลดลง 1.37% ส่วน DTAC ปิดที่ 41.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.61 % และ ADVANCE ราคาปิดที่ 196 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ ลดลง 0.76%