การเงิน

จับตาหลังมูลค่า NVIDIA แตะ 110 ล้านล้านบาท แซง Apple ขึ้นอันดับสองของโลก

6 มิ.ย. 67
จับตาหลังมูลค่า NVIDIA แตะ 110 ล้านล้านบาท แซง Apple ขึ้นอันดับสองของโลก

หลังจากที่ NVIDIA บริษัทผลิตชิป AI สัญชาติอเมริกันยักษ์ใหญ่ ประกาศผลประกอบการรอบไตรมาสที่ผ่านมาด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 262% และกำไรพุ่งทะลุ 628% YoY ล่าสุด ยังทุบสถิติแซงหน้า Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 2 ของโลก

หลังจากที่มูลค่าหุ้น NVIDIA เพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงมาเป็นเวลาหนึ่งปีจากความนิยมของ AI และชิปเซมิคอนดัดเตอร์ NVIDIA บันทึกราคาหุ้นสูงสุดตลอดกาล โดยปิดที่ 1,224.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 44,600 บาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 5% และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการซื้อขายนอกเวลาทำการเพียงเศษเสี้ยวของเปอร์เซ็นต์

ส่งผลให้มูลค่าตลาดของ NVIDIA แตะ 3.014 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 109.86 ล้านล้านบาท แซงหน้า Apple ที่มีมูลค่า 3.003 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 109.46 ล้านล้านบาท หลังจากที่บริษัทเริ่มต้นปีที่มีมูลค่าตลาด 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 43.74 ล้านล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าของมูลค่าตลาดของ Apple ราวครึ่งหนึ่งในเวลานั้น

นับตั้งแต่ต้นปี 2024 มูลค่าของหุ้น NVIDIA เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า โดยซื้อขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 147% จากราคาการซื้อขายประมาณ 481 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ความสำเร็จของ NVIDIA ในตลาดเซมิคอนดักเตอร์มาจากชิปที่ผลิตได้รวดเร็วและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งสามารถขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ได้

NVIDIA มีลูกค้ารายใหญ่หลายรายรวมถึง Apple, Meta และ Microsoft ที่คาดว่าจะคิดเป็น 15% ของรายได้ของ NVIDIA ทั้งหมดจากการประมาณการโดย UBS ซึ่งส่วนหนึ่งทำให้ NVIDIA แซงหน้า Amazon และ Google ได้ภายในตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่มูลค่าตลาดยังคงตามหลังเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Microsoft ที่มีมูลค่าสูงถึง 3.15 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 114.82 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ ส่วนแบ่งชิปที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ NVIDIA ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ในอนาคตอีกด้วย และจากการแตกพาร์หุ้น 10 ต่อ 1 ทำให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นราคาแพงได้มากขึ้น ซึ่ง Beth Kindig นักวิเคราะห์สายเทค มองว่า มูลค่าของ NVIDIA มีโอกาสแตะ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 364.50 ล้านล้านบาทภายในปี 2030

ในขณะที่มูลค่าหุ้นของ Apple เพิ่มขึ้นเพียง 2% จากการซื้อขายที่ใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ซบเซาในปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขาย iPhone และความต้องการในตลาดจีนที่ลดลง และนักลงทุนรอดูว่ากลยุทธ์ AI ของผู้ผลิต iPhone คืออะไร

สิ่งที่น่าสนใจ คือ Apple เป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาดถึงระดับ 1 ล้านล้าน และ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน จนกระทั่ง Microsoft ทำสถิติแซงหน้าไป เนื่องจากได้รับประโยชน์จากความต้องการของนักลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ Apple ตกเป็นรองเมื่อต้นปีนี้

Finnomena เผย 5 ปัจจัยที่นักลงทุนควรระวัง

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มีการซื้อขายหุ้นของ NVIDIA อย่างต่อเนื่อง มูลค่าพุ่งขึ้นทะลุกว่า 3,290% จากการเป็นผู้นำในตลาด AI และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งในประกาศผลประกอบการรอบไตรมาสที่ผ่านมา มีการพูดถึงการแตกพาร์หุ้น 10 ต่อ 1 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและโอกาสสำหรับนักลงทุนรายใหม่

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Finnomena เผยผ่านรายการ Morning Brief ถึงสิ่งที่น่าจับตามองและปัจจัยที่น่าเป็นห่วงหลัง NVIDIA ได้แตกพาร์หุ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ดังนี้ :

  1. เนื่องจาก NVIDIA กำลังเป็นผู้นำตลาดชิป AI โดยเฉพาะตลาด GPU ที่กำลังผูกขาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้ Intel และ AMD เร่งพัฒนาและกำลังก้าวขาเข้าสู่ตลาด GPU เช่นกัน ซึ่งหากทำสำเร็จแล้ว อาจทำให้ NVIDIA ไม่สามารถผูกขาดตลาดได้แล้ว สูญเสียพื้นที่ในตลาดและรายได้
  2. ถึงแม้ NVIDIA มีลูกค้ารายใหญ่หลายรายอย่าง Microsoft, Meta, Amazon, และ Alphabet ที่ซื้อชิป NVIDIA อย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบัน บิ๊กเทคฯ เริ่มมีการลงทุน AI GPU เป็นของตัวเองเช่นกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่หากการพัฒนาสำเร็จแล้ว บิ๊กเทคฯ จะหันมาใช้ GPU เป็นของตัวเอง ลดหรือตัดการผูกขาดจาก NVIDIA ชัดเจน
  3. สงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มีความตึงเครียดอย่างต่อเนือง ทำให้ NVIDIA มีข้อจำกัดในการส่งสินค้าไปยังจีน มีการหน่วงทั้งระยะเวลา การทำสัญญา ซึ่งอาจสูญเสียรายได้หลักพันล้านจากการดีเลย์เลยทีเดียว ไม่เพียงเท่านี้ หากหลังการเลือกตั้งในสหรัฐฯ มีการเพิ่มความเข้มงวดและข้อบังคับ NVIDIA อาจสูญเสียตลาดจีนไปเลย เท่ากับรายได้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่หายไป
  4. นับตั้งแต่ปี 2021 หากดูอินไซต์ของ NVIDIA พบว่า ผู้บริหารภายในไม่มีการซื้อหุ้นเพิ่ม มีแต่ประกาศทยอยขายหุ้นออก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับระดับผู้บริหารภายใน ว่าถ้าบริษัทไม่ดีจริง ทำไมถึงขายออกต่อเนื่อง?
  5. ภาวะฟองสบู่แตก ที่มักพบได้ในวงการเทค คริปโทเคอเรนซี่ หรือแม้แต่ตามกองทุน ซึ่งคำถามคือ NVIDIA จะสามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่? เพราะกระแส AI ก็เพิ่งมาได้ไม่นาน จะทำให้มูลค่าขึ้นสูงเกินราคาตามจริงหรือไม่?

ที่มา Forbes, Business Insider, CNBC, Finnomena

advertisement

SPOTLIGHT