
การออมของคนไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว และมีแนวโน้มลดลง โดยในปี 2557 การออมของไทยอยู่ที่ร้อยละ 27.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) แต่ในปี 2566 ลดลงเหลือร้อยละ 25.3 ของ GDP
เพราะอยากให้คนไทยออมมากขึ้น รัฐบาลชุดปัจจุบันจึงมีหนึ่งเสานโยบายของชุดนโยบาย Quick Big Win เป็นการเพื่อสนับสนุนการออมของประชาชน และกระทรวงการคลังกำลังเตรียมเสนอมาตรการสนับสนุนการออมของประชาชนให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา โดยมีเรือธงคือ คือ โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล หรือ Thailand Individual Savings Account (TISA) ซึ่งทางฝั่งตลาดทุนกำลังตั้งตารอคอย เพราะหวังจะให้เป็นตัวช่วยให้ตลาดทุนไทยคึกคักขึ้น
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) หรือ ครม.เศรษฐกิจ วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ว่าได้นำเสนอหลักการและกรอบมาตรการ Quick Big Win เสาที่ 4 เพื่อสนับสนุนการออมของประชาชน ให้ ครม.เศรษฐกิจรับทราบแล้ว และหลังจากนี้ กระทรวงการคลังจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
รองนายกฯ และ รมว.คลังกล่าวว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการออมทั้งระบบ จำเป็นต้องมีการสร้างแรงจูงใจ สร้างความมั่นใจ และสร้างความสบายใจให้กับประชาชนและนักลงทุน ผ่านนวัตกรรมทางการออมและการลงทุน พร้อมมาตรการภาครัฐ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายฐานการออมและการลงทุนในระยะยาว
“มาตรการนี้มีเป้าหมายในการสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน มนุษย์เงินเดือน หรือผู้ที่มีรายได้ปานกลางให้มีเงินออมไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ ควบคู่กับการช่วยผู้ที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้วที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินเพิ่มเติม ในขณะเดียวกันยังช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการออมที่สะดวก มีต้นทุนต่ำ และช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต”
เครื่องมือ-มาตรการสนับสนุนการออม ภายใต้ชุดนโยบาย Quick Big Win เสาที่ 4 ประกอบด้วย
1. โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล หรือ Thailand Individual Saving Account (TISA)
รัฐบาลเตรียมยกระดับแนวทางการออมและการลงทุนระยะยาวภายใต้โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล หรือ Thailand Individual Saving Account (TISA) ในฐานะ “กรอบสิทธิประโยชน์และบัญชีออม-ลงทุนระยะยาวยุคใหม่” เพื่อเปิดทางเลือกการออมที่หลากหลายขึ้นและสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนออมอย่างต่อเนื่อง
TISA ถูกออกแบบเพื่อผู้ที่เริ่มต้นทำงาน หรือมนุษย์เงินเดือน สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย ตามความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) หรือกองทุนรวมใหม่ ๆ ที่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง โดยไม่จำกัดวงเงินของแต่ละกอง ให้สามารถนำมาคำนวณการลดหย่อนภาษีร่วมกันได้ตามวงเงินรวมที่รัฐบาลกำหนด
ทั้งนี้ จะมีการปรับเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับการลงทุนในบัญชี TISA เป็น 800,000 บาท จากเดิมที่ให้นำวงเงินการลงทุนในกองทุนมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 500,000 บาท
โดยจะมีการกำหนดวิธีคำนวณค่าลดหย่อนภาษีโดยแบ่งตามรายได้ สำหรับผู้มีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 1.5 ล้านบาท นำเงินจ่ายเพื่อการลงทุนมาคำนวณหักลดหย่อนได้ 1.3 เท่า ส่วนผู้มีเงินได้พึงประเมินเกิน 1.5 ล้านบาท นำเงินจ่ายเพื่อการลงทุนมาหักลดหย่อนได้ 0.7 เท่า
2. โครงการพันธบัตรรัฐบาล ‘ออมพลัส’
รัฐบาลเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการออมที่มั่นคงผ่าน พันธบัตรรัฐบาล ‘ออมพลัส’ เพื่อสร้างความมั่นใจในการออมระยะยาวด้วยพันธบัตรรัฐบาลที่มีความมั่นคงสูง และออกขายอย่างต่อเนื่องเดือนละครั้ง โดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ออมพลัส ทำได้ผ่านหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์ผ่านระบบ Bond Connect และออฟไลน์ ผ่านสาขาธนาคารพาณิชย์ ช่วยแก้ข้อจำกัดและความยุ่งยากในอดีตที่ประชาชนต้องต่อคิวยาวหรือเร่งซื้อในช่วงเปิดจองทำให้ประชาชนหลายกลุ่มเข้าไม่ถึงและไม่ทัน
เครื่องมือการออมนี้ออกแบบโดยคำนึงถึงประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มใกล้เกษียณและผู้สูงอายุที่ต้องการการออมที่ให้ความมั่นใจ โดยพันธบัตรใหม่นี้ทำให้การออมให้เป็นเรื่องง่าย ใกล้ตัว และสะดวกขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ พันธบัตรรัฐบาล ออมพลัส ยังสามารถนำไปขายได้ในตลาดรองเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้สภาพคล่องด้วยราคาที่ผ่านกลไกตลาด ทำให้มีความโปร่งใสและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความสบายใจให้กับผู้ถือพันธบัตร
3. มาตรการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์)
เพื่อให้ประชาชนรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการประกันภัยขั้นพื้นฐานได้ ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ไม่สูงมาก ความคุ้มครองและเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ไม่ซับซ้อน ข้อยกเว้นที่น้อย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ส่งเสริมวินัยทางการเงิน การออม และใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือการบริหารความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้ง ธุรกิจประกันภัยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ให้มีความหลากหลายและสอดคล้องกับกลุ่มดังกล่าวมากขึ้น
4. ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญรูปแบบจ่ายเงินก้อนเมื่อเริ่มรับบำนาญ (Lump-Sum Annuity)
ส่งเสริมการประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่สามารถรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อนเมื่อรับเงินบำนาญงวดแรกได้ เพื่อใช้ในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยเกษียณหรือเพื่อความจำเป็นอื่น ช่วยให้การวางแผนเกษียณมีความยืดหยุ่นและมั่นใจมากขึ้น เพิ่มเงินออมในอนาคต เพิ่มแรงจูงใจในการออมระยะยาว ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบบำนาญภาครัฐเพียงแหล่งเดียว และรองรับสังคมผู้สูงอายุ
โดยกรมสรรพากรได้แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญสำหรับการหักลดหย่อนเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ จากเดิมกำหนดให้การจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญต้องจ่ายเท่ากันทุกงวดหรือจ่ายในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลา เอาประกันภัย ปรับปรุงเป็นเงินบำนาญงวดแรกที่ได้รับอาจจ่ายเป็นเงินก้อน (Lump-Sum Annuity) ได้
“การเพิ่มโอกาสการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน เป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงการคลังจะนำมาตรการต่าง ๆ นี้ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยเชื่อว่ามาตรการภายใต้ Quick Big Win เสาหลักที่ 4 จะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกการออมที่เข้าถึงง่าย คุ้มค่า และมั่นคงยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มระดับเงินออมของประเทศ และยกระดับเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม” เอกนิติกล่าว