Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
หุ้นชิปเอเชียร่วงหลังทรัมป์ประกาศภาษีชิป100%เว้นบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐฯ
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

หุ้นชิปเอเชียร่วงหลังทรัมป์ประกาศภาษีชิป100%เว้นบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐฯ

7 ส.ค. 68
11:21 น.
แชร์

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม เริ่มต้นอย่างเงียบเหงา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ในอัตราสูงถึง 100% สร้างแรงกระแทกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างมีนัยสำคัญ และกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เปิดตลาดด้วยแรงกดดัน แต่ภายหลังเริ่มฟื้นตัวเมื่อข่าวถูกรับรู้ไปบางส่วนแล้ว โดยหุ้นของบริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดตลาดด้วยแรงขาย ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 145.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการปรับลดลง 1.35% จากราคาปิดวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หุ้นสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 148.00 บาทต่อหุ้นในเวลาต่อมา

ส่วนหุ้น HANA ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดที่ 22.30 บาทต่อหุ้น ลดลงถึง 3.04% ก่อนจะรีบาวด์กลับมาปิดที่ระดับ 22.80 บาท ด้านหุ้น KCE ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผ่นวงจรพิมพ์รายใหญ่ของไทย ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 24.20 บาท หรือลดลง 2.02% ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ 24.60 บาท

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ยังส่งผลสะเทือนลุกลามไปยังตลาดหุ้นรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของมาตรการภาษีชุดใหม่

ในตลาดหุ้นญี่ปุ่น หุ้นของ Tokyo Electron ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับการผลิตชิป เปิดตลาดด้วยการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วถึง 3.4% ขณะที่ Renesas หนึ่งในผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายสำคัญของญี่ปุ่นก็ปรับตัวลง 2.5% เช่นกัน ด้านตลาดหุ้นเกาหลีใต้ หุ้นของ SK Hynix ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลงถึง 2.9% ส่วนในไต้หวัน นักลงทุนต่างจับตาการเคลื่อนไหวของหุ้น Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกที่มีสถานะสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก และมีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการภาษีดังกล่าว

นอกจากบริษัทขนาดใหญ่โดยตรงแล้ว บริษัทรายอื่นที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การผลิตชิปก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น Disco Corporation ผู้ผลิตเครื่องตัดวัสดุความแม่นยำของญี่ปุ่น ราคาหุ้นปรับลดลง 1.3% ขณะที่ Sumco ซึ่งเป็นผู้ผลิตเวเฟอร์ซิลิคอนสำคัญของอุตสาหกรรม ก็ปรับตัวลดลง 1.7%

มาตรการภาษีดังกล่าวสะท้อนจุดยืนของทรัมป์ในการผลักดันให้ภาคการผลิตเทคโนโลยีกลับคืนสู่สหรัฐฯ อย่างจริงจัง ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความกังวลว่าแรงกระเพื่อมนี้อาจขยายวงไปสู่ภาคเทคโนโลยีระดับโลกในลำดับถัดไป

เปิดรายละเอียดภาษีชิป 100% Apple รอดตัว

ในวันนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยแผนการจัดเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และชิปในอัตราสูงถึง 100% โดยยกเว้นให้เฉพาะบริษัทที่ผลิตหรือให้คำมั่นว่าจะผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับ ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Apple Inc. ณ ทำเนียบขาว ซึ่งในโอกาสเดียวกันได้ประกาศแผนการลงทุนใหม่ในสหรัฐฯ มูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์

ทรัมป์ระบุว่า “เรากำลังจะเก็บภาษีชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในอัตราที่สูงมาก แต่ข่าวดีสำหรับบริษัทอย่างแอปเปิลคือ ถ้าคุณผลิตอยู่ในสหรัฐฯ หรือให้คำมั่นว่าจะผลิตจริง ๆ โดยไม่มีข้อแม้ ก็ไม่ต้องเสียภาษีเลย” เขายังเน้นเพิ่มเติมว่า แม้จะยังไม่เริ่มผลิตจริง แต่หากเริ่มก่อสร้างหรือลงทุนแล้ว ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเช่นกัน

เขายังกล่าวด้วยว่า ผลิตภัณฑ์หลักของแอปเปิลอย่างสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และจอมอนิเตอร์ จะยังไม่ถูกรวมอยู่ในมาตรการภาษีชุดนี้ในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าอาจมีมาตรการภาษีใหม่ตามมา ซึ่งจะครอบคลุมสินค้าทุกประเภทที่มีชิปเป็นส่วนประกอบ การได้รับการยกเว้นในครั้งนี้จึงนับเป็นชัยชนะเชิงกลยุทธ์ของแอปเปิล เนื่องจากหากต้องเผชิญภาษีเต็มรูปแบบ อาจทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับรายละเอียดของการลงทุน สื่อต่างประเทศรายงานว่า แผนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ของแอปเปิลจะเน้นการขยายกำลังการผลิตภายในประเทศ โดยมีพันธมิตรร่วมโครงการ เช่น Corning Inc., Applied Materials และ Texas Instruments โดย Corning จะเปิดสายการผลิตกระจกสำหรับอุปกรณ์ของแอปเปิลในรัฐเคนทักกี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงานในพื้นที่ถึง 50% โรงงานแห่งนี้เป็นสถานที่ผลิตกระจกให้กับ iPhone รุ่นแรกอีกด้วย

ทั้งนี้ แอปเปิลเคยประกาศแผนลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 4 ปี ครอบคลุมโรงงานเซิร์ฟเวอร์ ศูนย์ฝึกอบรม และการสนับสนุนซัพพลายเออร์ในประเทศ ซึ่งเมื่อรวมกับแผนล่าสุด จะทำให้ยอดการลงทุนรวมของแอปเปิลในสหรัฐฯ แตะระดับ 600,000 ล้านดอลลาร์

บริษัทที่ยังไม่มีโรงงานผลิตหรือแผนลงทุนในสหรัฐฯ กระทบหนัก

แม้แอปเปิลจะได้รับการยกเว้นจากมาตรการภาษี แต่การบังคับใช้ภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า “ยังไม่ได้แจ้งให้ทิม คุกทราบล่วงหน้า” อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตภายในสหรัฐฯ

แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่ง เช่น TSMC, Samsung, Texas Instruments, Micron และ GlobalFoundries จะให้คำมั่นในการขยายกำลังการผลิตภายในสหรัฐฯ อยู่แล้ว ส่วน Intel ยังคงมีโรงงานในรัฐโอเรกอน นิวเม็กซิโก และแอริโซนา แม้ว่าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในโอไฮโอจะประสบปัญหาล่าช้าเนื่องจากภาวะขาดทุน แต่บริษัทออกแบบชิปอย่าง Nvidia และ AMD ซึ่งพึ่งพาการผลิตจาก TSMC และ Samsung เป็นหลัก กลับยังไม่มีทางเลือกสำหรับการผลิตภายในสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะในส่วนของสายการผลิตขั้นสูงที่นอกเอเชียยังมีอยู่อย่างจำกัด

ทรัมป์ยังประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีกับสินค้าไอทีที่ผลิตจากอินเดีย ซึ่งเป็นฐานการผลิต iPhone สำคัญของแอปเปิล โดยเริ่มเก็บที่อัตรา 50% แบ่งเป็นสองระยะ โดยระยะแรกจะเริ่มมีผลในช่วงหลังเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดี ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายเดือน มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อตอบโต้กรณีอินเดียซื้อพลังงานจากรัสเซีย

ในเวลาเดียวกัน เวียดนาม ซึ่งเป็นฐานผลิตอุปกรณ์สำคัญของแอปเปิลอย่าง Apple Watch, iPad และ MacBook ก็เพิ่งถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 20% ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานของแอปเปิลเผชิญแรงกดดันมากขึ้นในหลายทิศทาง

แม้แอปเปิลจะมีแผนลงทุนครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ แต่ยังไม่ถึงขั้นย้ายสายการผลิตทั้งหมดกลับประเทศตามที่ทรัมป์ต้องการ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยขู่ว่าหาก Apple ไม่ย้ายโรงงานกลับมา ทรัมป์อาจเก็บภาษี iPhone ในอัตราอย่างน้อย 25% ทิม คุก ชี้แจงว่า การประกอบ iPhone ขั้นสุดท้าย “ยังคงต้องทำที่อื่นไปอีกสักพัก” แต่ยืนยันว่าชิ้นส่วนสำคัญจำนวนมากผลิตในสหรัฐฯ แล้ว

แม้จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าบริษัทใดจะได้รับการยกเว้นภายใต้มาตรการภาษีดังกล่าว แต่ทรัมป์ก็ยกตัวอย่างแอปเปิลว่าเป็นบริษัทที่ “ทำถูกทาง” ด้วยการเลือกลงทุนในประเทศอย่างจริงจัง

หุ้นกลุ่มชิปในตลาดสหรัฐฯ ยังทรงตัว นักลงทุนไม่ตื่นตระหนก

ตรงข้ามกับหุ้นในตลาดเอเชีย แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ กลับเคลื่อนไหวอย่างมั่นคง โดยไม่มีอาการตื่นตระหนกให้เห็น ต่างจากบรรยากาศในฝั่งเอเชียที่แรงกระแทกของข่าวนี้ส่งผลต่อดัชนีทันที

ในช่วงการซื้อขายนอกเวลาทำการ ราคาหุ้นของ Nvidia Corp. ขยับขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 0.6% ขณะที่ Advanced Micro Devices หรือ AMD ขยับขึ้นประมาณ 1% ส่วน Marvell Technology ก็ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยเช่นกัน ขณะเดียวกัน Broadcom และ Qualcomm แม้จะได้รับแรงกดดันเล็กน้อยจากบรรยากาศโดยรวม แต่ราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงในระดับจำกัด ไม่มีการเทขายอย่างรุนแรง

ปัจจัยหนึ่งที่ช่วยพยุงความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือท่าทีเชิงรุกของ Nvidia ที่ได้ประกาศแผนลงทุนขนาดใหญ่ภายในสหรัฐฯ ไปก่อนหน้านี้ โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้ให้คำมั่นว่าจะทุ่มงบลงทุนสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 4 ปีข้างหน้า เพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ แม้ว่าในทางปฏิบัติบริษัทจะยังคงมีฐานการผลิตในต่างประเทศอยู่บ้าง แต่คำมั่นนี้อาจเพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวทรัมป์มองเห็นความร่วมมือในเชิงบวก และอาจส่งผลต่อท่าทีที่มีต่อ Nvidia ในอนาคต

ในขณะเดียวกัน บรรดาบริษัทที่มีฐานการผลิตอยู่ในสหรัฐฯ อย่างชัดเจนก็เริ่มได้รับอานิสงส์จากกระแสนี้เช่นกัน Texas Instruments เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับแรงหนุนจากความมั่นใจของนักลงทุน โดยราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นราว 2% ส่วน GlobalFoundries ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตชิปรายสำคัญที่มีโรงงานภายในสหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 8% ขณะที่ Intel Corp. ซึ่งแม้จะมีบทบาทลดลงในตลาดโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นผู้ผลิตที่มีโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และราคาหุ้นของบริษัทก็ปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 0.7% ในช่วงหลังเวลาทำการ

นอกจากนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวที่หนักแน่นจากฝั่งรัฐบาล นักวิเคราะห์และนักลงทุนจำนวนไม่น้อยยังคงตั้งข้อสงสัยถึงความจริงจังของนโยบายภาษีฉบับนี้ โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่สะท้อนมุมมองว่า นี่อาจเป็นเพียงเกมการเมืองในแบบฉบับของทรัมป์ ซึ่งเคยใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวหลายครั้งเพื่อกดดันทางจิตวิทยา ก่อนจะล่าถอยในจังหวะสุดท้าย จนเกิดคำเปรียบเปรยที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “TACO” หรือ “Trump Always Chickens Out” ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมที่มักจะไม่ลงมือจริงแม้จะข่มขู่ไว้รุนแรงเพียงใด

อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดยังคงรับมือด้วยความระมัดระวังในระยะสั้น คำถามที่นักลงทุนและภาคธุรกิจทั่วโลกต่างเฝ้าติดตามคือ มาตรการภาษี 100% ดังกล่าวจะกลายเป็นจริงหรือไม่ และหากเกิดขึ้นจริง โครงสร้างห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ทั้งในมิติของการลงทุน การผลิต และการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศที่ต่างต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นสินทรัพย์เชิงภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลก


แชร์
หุ้นชิปเอเชียร่วงหลังทรัมป์ประกาศภาษีชิป100%เว้นบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐฯ