จับสัญญาณเตือน ตลาดหุ้นสหรัฐใกล้ปรับฐานแล้ว บทสัมภาษณ์พิเศษ แบงค์- ชยนนท์ รักกาญจนันท์ CEO & Co-Founder FINNOMENA Funds
ตลาดสหุ้นสหรัฐฯ ที่ร้อนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะ S&P 500 ที่วิ่งต่อเนื่องทำนิวไฮใหม่ใกล้แตะ 6,500 จุด ซึ่งมาจากหุ้นบิ๊กเทคฯทั้งหลาย จนตอนนี้นักวิเคราะห์เริ่มกังวลกับมูลค่าหุ้นที่สูงเกินไป SPOTLIGHT พาไปจับสัญญาณเตือนบางอย่างจากตลาดหุ้นสหรัฐฯว่าใกล้ปรับฐานแล้วและนักลงทุนไม่ควรมองข้าม จากบทสัมภาษณ์พิเศษกับ คุณแบงค์-ชยนนท์ รักกาญจนันท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง FINNOMENA ได้ชี้ให้เห็นถึง 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่ม “น่ากังวล” อย่างมีนัยสำคัญ
คุณแบงค์เริ่มต้นด้วยการชี้ถึงสัญญาณเตือนแรกคือ เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้เมื่อวอร์เรน บัฟเฟตต์ ตัดสินใจขายหุ้น Apple ออกไปครึ่งหนึ่งของพอร์ต และหันมาถือเงินสดในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ Berkshire Hathaway — เรียกว่าเป็นระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
แม้ในตอนแรกหลายคนอาจคิดว่าการขายของบัฟเฟตต์เป็นการ “คิดผิด” เพราะตลาดยังคงวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ (All-Time High) แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ ปู่ได้ใช้ดัชนีชี้วัดนั่นคือ “Buffett Indicator” ซึ่งคำนวณจากมูลค่ารวมของตลาดหุ้น (Market Cap) ของ S&P 500 หารด้วย GDP ของสหรัฐฯ
ปัจจุบัน Buffett Indicator ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P 500 อยู่ที่ระดับ 212% ของ GDP อเมริกา - แปลว่าขนาดของกิจการของ 500 บริษัทใน S&P 500 ใหญ่กว่า GDP ที่ให้สหรัฐฯใน 1 ปี ถึง 2 เท่า
โดยมีการวิจัยพบว่า ถ้าเราลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในตอนที่ “Buffett Indicator สูงกว่าระดับ 200%” โอกาสในการสร้างผลตอบแทนระยะยาวหากลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ10 ปีข้างหน้า มีโอกาส “ติดลบ” -0.2%/ ปี เท่ากับไม่คุ้มเสี่ยงในระยะยาว
คุณแบงค์ย้ำว่า ระดับ 212% นี้สูงกว่าตอนก่อนฟองสบู่ดอทคอมจะแตก (ปี 2000) และสูงกว่าก่อนวิกฤตซับไพรม์ในปี 2008 Buffett Indicator อยู่ที่ 180% ส่วนช่วงโควิดอยู่ที่ 170%
อีกหนึ่งสัญญาณเตือนสำคัญคือ “Earning Yield Gap” หรือส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนจากถือหุ้นกับพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี โดยทั่วไป หากผลตอบแทนจากหุ้นสูงกว่าพันธบัตร นักลงทุนย่อมเลือกหุ้น แต่ปัจจุบัน ผลตอบแทนจากหุ้น(ปันผล)และพันธบัตรอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกันคือราว 4.3% ซึ่งทำให้ “Earning Yield Gap” แทบจะเท่ากับศูนย์ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดตั้งแต่วิกฤตดอทคอม
คุณแบงค์อธิบายว่า หากคุณมีเงินใหม่เข้าพอร์ต และต้องการกระแสเงินสดอย่างมั่นคง นักลงทุนจะเลือกอะไรระหว่าง “หุ้นปันผลที่มีความเสี่ยงสูง” กับ “พันธบัตรที่ปลอดภัยและได้ผลตอบแทนเท่ากัน”? คำตอบชัดเจน — เงินใหม่ย่อมไหลไปยังพันธบัตรมากกว่า นั่นหมายความว่าตลาดหุ้นอาจเริ่มขาดแรงหนุนจากเม็ดเงินใหม่ และจะยิ่งเปราะบางต่อข่าวร้ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับฐานแรง
เมื่อถูกถามว่า “ถึงเวลาขายแล้วหรือยัง?” คุณแบงค์ตอบชัดว่า “ยัง” เพราะแม้จะมีสัญญาณฟองสบู่ แต่ก็ยังไม่ใช่จุดที่ต้องเทขายทั้งหมด กลยุทธ์ของ FINNOMENA แนะนำให้ลูกค้าลดสัดส่วนหุ้นอเมริกาในพอร์ต — ไม่ใช่ล้างพอร์ต แต่ลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของที่เคยถือ เช่น หากเคยถือ 100 ก็เหลือ 50 เพื่อปรับลดความเสี่ยง และไม่เติมเงินใหม่
เขายังเน้นว่า ต้องแยกแยะให้ชัดว่า หุ้นกลุ่มไหน “แพงเกินไป” และกลุ่มไหนยัง “มีโอกาส” เพราะความร้อนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอนนี้ ถูกขับเคลื่อนโดย “หุ้น 7 นางฟ้า” หรือหุ้น Big Tech อย่าง NVIDIA, Apple, Microsoft ฯลฯ โดยเฉพาะ NVIDIA ที่ราคาหุ้นพุ่งจากกระแส AI ทำให้พุ่งไปถึง PE 70-80 เท่า
แต่ในขณะที่ Big Tech ราคาขึ้นแรง หุ้นกลุ่มอื่น ๆ ในตลาดยังไม่ได้วิ่งตาม ซึ่งนั่นอาจกลายเป็น “โอกาส” ถ้าเลือกลงทุนอย่างมีเหตุผล โดยดูจากปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ไม่ใช่แค่กระแส โดยเฉพาะหุ้นที่จะนำ AI ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายังไม่ได้ปรับขึ้นเหมือนหุ้น 7 นางฟ้า
แม้จะมองว่าตลาดเริ่มร้อนแรง แต่คุณแบงค์ยังคงมองว่า การลงทุนแบบ Global Asset Allocation ยังจำเป็นต้องมีหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในพอร์ต — อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพราะหุ้นสหรัฐฯ ยังเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยบริษัทคุณภาพ และสามารถปรับตัวต่อสถานการณ์วิกฤตได้ดีที่สุดในโลก ไม่ว่าผู้นำประเทศจะเป็นใคร หรือกระแสโลกจะไปทางไหน
เขาย้ำว่า “อย่ากลัวจนขายหมด” แต่ให้ปรับพอร์ตด้วยเหตุผล และเลือกหุ้นที่มีโอกาสได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี เช่น AI โดยไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นที่ขึ้นมาแรงเกินไปแล้ว
บทสัมภาษณ์ครั้งนี้ชี้ชัดว่า แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังดูดีในภาพรวม แต่สัญญาณเตือนเริ่มดังขึ้น ทั้งจาก Buffett Indicator และ Earning Yield Gap การตัดสินใจของนักลงทุนระดับโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ และการลดแรงซื้อลงของตลาด ก็สะท้อนว่าเราอาจเข้าใกล้ “จุดเปลี่ยน” อีกครั้ง
ติดตามการสัมภาษณ์ แบงค์-ชยนนท์ รักกาญจนันท์ ได้ที่รายการ SPOTLIGHT BizTalk ทาง FB และ Youtube SPOTLIGHT - อย่าลืมกด Subscribe ให้เราด้วย