
(31 ธ.ค. 2568) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ทำการแถลงสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 โดยมี พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย ร่วมแถลงผลเป็นวันแรก คุมเข้ม 7 วันอันตราย
พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2568 เมื่อเปรียบเทียบกับวันแรกของช่วงคุมเข้ม พบว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด 198 ครั้ง ลดลงร้อยละ 38.13 โดยจังหวัดที่มีอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จ.เชียงราย และ จ.ภูเก็ต รวมจำนวน 11 ครั้ง
ผู้บาดเจ็บมีจำนวนรวม 190 คน ลดลงร้อยละ 38.71 จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด คือ จ.ภูเก็ต รวม 12 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตมีจำนวน 29 ราย ลดลงร้อยละ 51.67 โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ราย
สำหรับสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ พบว่าเกิดจากการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 83 ครั้ง รองลงมาคือดื่มแล้วขับ 40 ครั้ง และการตัดหน้ากระชั้นชิด 37 ครั้ง
ด้านพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ พบการไม่สวมหมวกนิรภัยมากที่สุด 122 คน ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 79 คน ดื่มแล้วขับ 35 คน และตัดหน้ากระชั้นชิด 34 คน
ประเภทของรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ 192 คัน คิดเป็นร้อยละ 71.79 รองลงมาคือรถยนต์กระบะ 39 คัน และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 19 คัน
ส่วนผู้เสียชีวิต 29 ราย แบ่งเป็นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 17 ราย เสียชีวิตที่โรงพยาบาล 11 ราย และเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล 1 ราย
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดแผนบริหารจัดการจราจรช่วงการเดินทาง โดยเร่งระบายรถทั้งขาไปและขากลับในช่วงต้นและปลายเทศกาล ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ ควบคู่การถ่ายทอดสดผ่านช่อง Police TV และเฟซบุ๊กหน่วยโดรน ตชด. เพื่ออำนวยความสะดวกและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
พร้อมกำชับมาตรการป้องกันและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ โดยประสานกรมทางหลวงขอคืนพื้นผิวจราจรจากจุดซ่อมสร้างทั้งหมด 525 จุด สามารถคืนพื้นผิวแล้ว 304 จุด ส่วนที่เหลือได้ประชาสัมพันธ์ให้ปิดกั้นและเร่งเคลียร์พื้นที่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความคล่องตัวในการเดินทาง
ด้านการแก้ไขปัญหาจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก ได้สั่งการให้ทุกหน่วยและทุกสถานีตำรวจสำรวจจุดเสี่ยงในพื้นที่ รับผิดชอบวางมาตรการป้องกันอย่างชัดเจน และบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่
ขณะเดียวกัน ได้เน้นบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มงวด กำหนดมาตรการเน้นหนักใน 10 ข้อหาหลัก โดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ 5 ข้อหา ได้แก่ ขับรถเร็ว เมาสุราแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และขับรถย้อนศร
Advertisement