3 ประเด็นทรัมป์คุยเนทันยาฮู อิสราเอลจ่อมอบรางวัลสันติภาพให้ทรัมป์
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2568 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูได้พบปะกันเพื่อพูดคุยเรื่องการหยุดยิงในกาซาระยะที่สอง และข้อกังวลของอิสราเอลต่ออิหร่านและเลบานอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั้งคู่พบกันที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก คฤหาสน์และรีสอร์ตส่วนตัวของทรัมป์ที่ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ทั้งสองฝ่ายตอกย้ำการยุติสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสอย่างถาวร สันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนในแผนสันติภาพสำหรับฉนวนกาซา
ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เขาตั้งใจมาหารือ 5 ประเด็นกับเนทันยาฮู และต่อมาระบุว่า สามารถตกลงกันได้เกือบ 3 เรื่องภายใน 5 นาทีแรกของการประชุม โดยสำนักข่าวต่างประเทศ CNN สรุป 4 ประเด็นสำคัญจากการพูดคุยระหว่าง 2 ประธานาธิบดีครอบคลุม
สรุปประเด็นสำคัญจากการพบกันทรัมป์-เนทันยาฮู
- แลกเปลี่ยนคำชมเสียเป็นส่วนใหญ่
แม้จะไม่มีรายงานว่าทั้งสองจะมีการประกาศข่าวใหญ่อะไรใหม่ แต่ผู้นำทั้งสองดูพอใจกับการพบปะ ทั้งคู่พยายามแสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงดี และดีกว่าที่เคยอีกด้วย
"เราไม่เคยมีมิตรเหมือนประธานาธิบดีทรัมป์ในทำเนียบขาวมาก่อนเลย ไม่มีใครใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ" เนทันยาฮูกล่าวเมื่อเขาเดินทางมาถึง
ทรัมป์กล่าวตอบแทนในเวลาต่อมา โดยยืนยันว่า "อิสราเอล หากอยู่กับผู้นำคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ คงไม่ดำรงอยู่ได้ในวันนี้ [...] ความสัมพันธ์นี้เป็นอะไรที่พิเศษจริง ๆ"
เนทันยาฮูถึงขั้นประกาศว่า เขาวางแผนที่จะมอบรางวัลเกียรติยศสูงสุดด้านความเป็นเลิศของพลเมืองอิสราเอล "อิสราเอล ไพรซ์ ฟอร์ พีซ" (Israel Prize for Peace) ให้กับทรัมป์ ซึ่งจะเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ได้รางวัลนี้
"ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทำลายขนบธรรมเนียมมากมายเพื่อสร้างความประหลาดใจให้ผู้คน ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะทำลายขนบธรรมเนียมหรือสร้างขนบธรรมเนียมใหม่ขึ้นมา" เนทันยาฮูกล่าว
- หยุดยิงระยะ 2 ในกาซายังระงับอยู่
ระยะสองของการหยุดยิงยังคงถูกระงับ ล้มเหลว หลังจากที่ทั้งฮามาสและอิสราเอลต่างกล่าวโทษกันว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลง กลายเป็นจุดติดขัดที่ทำให้งานสร้างสันติภาพถาวรและความพยายามในการฟื้นฟูในท้ายที่สุดต้องล่าช้าลง
ชั่วขณะหนึ่ง ทรัมป์ดูเหมือนพยายามจะสื่อถึงความยากลำบากของการเจรจา ระบุว่า เนทันยาฮูนั้นคลางแคลงใจต่อการให้ "โอกาสครั้งที่สอง" ในความพยายามที่จะรับรองว่าการหยุดยิงจะคงอยู่ถาวร อย่างไรก็ตาม เขาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า "อิสราเอลปฏิบัติตามแผน 100%"
อิสราเอลและฮามาสไม่ได้ลงนามอย่างเป็นทางการในข้อตกลงระยะที่ 2 อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกล่าวหาว่า ฮามาสยังคงไม่คืนร่างของตัวประกันคนหนึ่ง คือ จ่าสิบเอก แรน กวิลี
ในขณะเดียวกัน อิสราเอลก็ปฏิเสธที่จะเปิดด่านราฟาห์ในทั้งสองทิศทาง โดยตกลงเพียงเพื่อยอมให้มีการเคลื่อนที่ออกจากพื้นที่ฉนวนกาซา ฮามาสกลับมาควบคุมพื้นที่ ในขณะที่อิสราเอลยังคงไม่ถอนกำลังออกจากพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของฉนวน
แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลจะรายงานว่า กองทัพอิสราเอลจะสังหารชาวปาเลสไตน์ไปมากกว่า 400 คน ทรัมป์ยังยืนกรานว่า เขา “ไม่กังวล” เกี่ยวกับการดำเนินการของอิสราเอลในภูมิภาค
ขณะเดียวกันสมาชิกพรรครีพับลิกันต้องการให้ทรัมป์เบนความสนใจมาใส่ใจประเด็นภายในประเทศ จึงแสดงความกังวลว่าเนทันยาฮูกำลัง “ดึงเกม” เพื่อให้สหรัฐฯ ยังอ้อยอิ่งอยู่ในตะวันออกกลาง
- เตือนอิหร่านอย่างรุนแรง
ประเด็นที่ทรัมป์มีความชัดเจนมากที่สุดคือ คำเตือนต่ออิหร่าน อิสราเอลเตือนว่า อิหร่านกำลังเร่งเพิ่มและขยายการผลิตขีปนาวุธ หลังจากที่สหรัฐฯ โจมตีศูนย์ผลิตขีปนาวุธเมื่อเดือนมิถุนายนที่่ผ่านมา
ประธานาธิบดีให้คำมั่นว่า เขาจะโจมตีอิหร่านอีกครั้ง หากเขาพบว่าอิหร่านดำเนินการขยายโครงการขีปนาวุธนำวิถี เขากล่าวว่า เขาได้ยินสัญญาณการก่อสร้างในพื้นที่ใหม่ๆ ภายในประเทศ
"ผมได้ยินมาว่าอิหร่านกำลังพยายามจะสร้างตัวขึ้นมาใหม่ และถ้าพวกเขาทำ เราก็คงต้องจัดการให้พวกเขาล้มลง" เขากล่าว และเสริมว่า "เราจะจัดการพวกเขาให้สิ้นซาก" (knock the hell out of them)
"นี่เป็นเพียงสิ่งที่เราได้ยินมา" ทรัมป์กล่าวถึงการกระทำของอิหร่าน "โดยปกติแล้ว ที่ไหนมีควัน ที่นั่นย่อมมีไฟ"
ทรัมป์กระตุ้นให้อิหร่านหันมาแสวงหาข้อตกลงกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม
