Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
นักเศรษฐศาสตร์เตือนเงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำจนไม่น่าเชื่อ เฟดคงไม่ให้น้ำหนัก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

นักเศรษฐศาสตร์เตือนเงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำจนไม่น่าเชื่อ เฟดคงไม่ให้น้ำหนัก

19 ธ.ค. 68
13:59 น.
แชร์

ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม สร้างความตะลึงและงุนงงในเวลาเดียวกัน เพราะอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดมาก จนนำมาซึ่งคำถามจากนักเศรษฐศาสตร์ว่าตัวเลขนี้น่าเชื่อถือหรือไม่ เมื่อข้อมูลจำนวนหนึ่งหายไป และนักเศรษฐศาสตร์มองเห็นความผิดปกติและข้อบกพร่องในรายงาน

ทันทีที่สำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics: BLS) เผยแพร่รายงานออกมาว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2.7% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานอยู่ที่ 2.6% ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 3.1% และ 3.0% ตามลำดับ ราคาหุ้นสหรัฐฯก็พุ่งขึ้น อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (bond yield) ลดลง และการเดิมพันโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้น 

นักเศรษฐศาสตร์ตั้งคำถามการคำนวณเงินเฟ้อ 

ทั้งนี้ การประกาศข้อมูลนี้ล่าช้าไป 8 วัน เนื่องจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ และที่สำคัญกว่านั้น คือ ข้อมูลเดือนตุลาคมถูกยกเลิกไป ทำให้สำนักงานสถิติแรงงานต้องตั้งสมมติฐานทางระเบียบวิธีบางอย่างเพื่อประเมินระดับเงินเฟ้อของเดือนตุลาคม 

ตามการรายงานของซีเอ็นบีซี (CNBC) สมมติฐานที่ BLS ใช้ในกระบวนการคำนวณไม่ได้ถูกอธิบายไว้อย่างชัดเจน และนักเศรษฐศาสตร์ก็ไม่ทราบรายละเอียดของสมมติฐานเหล่านี้อย่างครบถ้วนจากเอกสารที่เผยแพร่ออกมา จึงนำมาสู่การตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูล

ไมเคิล เกเพน (Michael Gapen) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ มอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) เขียนวิเคราะห์ว่า ตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าคาดสะท้อนถึงความอ่อนแอของราคาทั้งในฝั่งสินค้าและฝั่งบริการ แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากปัญหาเชิงวิธีการในการคำนวณ สำนักงานสถิติแรงงานอาจใช้วิธีนำราคาของบางหมวดมาคำนวณต่อเนื่องจากงวดก่อนหน้า ทำให้สันนิษฐานได้ว่าอัตราเงินเฟ้อในหมวดเหล่านั้นเป็น 0% 

เกเพนประเมินว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนเป็นตัวเลขที่ “มีสัญญาณรบกวน” และ “ยากที่จะนำไปใช้เป็นข้อสรุปที่ชัดเจนได้” และเขาบอกอีกว่า หากปัจจัยทางเทคนิคเป็นสาเหตุหลักที่ตัวเลขราคาอ่อนตัวลง ก็อาจได้เห็นตัวเลขที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนธันวาคม 

ชี้เป้าตัวเลขหมวดที่อยู่อาศัยผิดปกติ

ประเด็นหลักในรายงาน CPI ที่นักเศรษฐศาสตร์มองเห็นความผิดปกติ คือ ค่าเช่าสมมติของเจ้าของบ้าน (owners’ equivalent rent: OER) ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนใหญ่ที่ใช้ในการคำนวณอัตราเงินเฟ้อหมวดที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหมวดที่มีน้ำหนักในการคำนวณเงินเฟ้อมากที่สุด  

อลัน เดตเมสเทอร์ (Alan Detmeister) นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารยูบีเอส (UBS) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงราคา OER ในเดือนตุลาคมดูเหมือนจะถูกตั้งค่าไว้ที่ 0 (ศูนย์)

เขามองว่า ผลกระทบนี้อาจคงอยู่ต่อไปอีกหลายเดือน และความอ่อนแอของราคาตรงนี้มีแนวโน้มจะพลิกกลับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากในดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเมษายนที่จะประกาศในเดือนพฤษภาคม แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ระดับราคาค่าเช่าจะยังคงต่ำกว่าความเป็นจริง

กริชนา กูหา (Krishna Guha) รองประธานบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน เอเวอร์คอร์ (Evercore ISI) วิเคราะห์ลึกลงไปว่า ดูเหมือนว่าสำนักงานสถิติแรงงานได้ใส่สมมติฐานค่าเงินเฟ้อเป็น 0 ในหลายหมวด ขณะที่หมวด OER ถูกตั้งเป็น 0 ในประมาณ 1 ใน 3 ของเมืองทั้งหมดที่นำมาคำนวณ 

เขาบอกอีกว่า เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อภาคบริการต่ำกว่าความเป็นจริง เฟดควรระมัดระวังความเสี่ยงของการนำตัวเลขไปใช้ตรง ๆ โดยไม่มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ 

ขณะที่ สเตฟานี รอธ (Stephanie Roth) นักเศรษฐศาสตร์จาก วูล์ฟ รีเสิร์ช (Wolfe Research) ประเมินว่า การเพิ่มขึ้นของค่าเช่า 0.13% และการเพิ่มขึ้นของ OER ที่ 0.27% ในช่วงสองเดือนดังกล่าว เมื่อคำนวณออกมาแล้ว เทียบเท่ากับการปรับขึ้นแบบรายเดือน (MoM) ประมาณ 0.06% และ 0.13% ตามลำดับ 

เตือนนักลงทุน เฟดคงไม่ให้น้ำหนักข้อมูลชุดนี้ 

นอกจากค่าที่อยู่อาศัยที่เป็นประเด็นหลัก นักเศรษฐศาสตร์ยังมีข้อสังเกตอื่น ๆ อีก 

สเตฟานี รอธ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีแรงกดดันขาลงต่อสินค้าบางหมวด เนื่องจากช่วงเวลาการเก็บข้อมูลของสำนักงานสถติแรงงานเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีการทำโปรโมชั่นและให้ส่วนลดช่วงเทศกาลวันหยุดมากขึ้น

ดูเหมือนว่าตลาดจะตีความข้อมูลชุดนี้ว่าเป็นสัญญาณผ่อนคลาย แต่เมื่อพิจารณาจากความผิดปกติทางเทคนิคเหล่านี้ เราคาดว่าเฟดจะให้น้ำหนักกับตัวเลขชุดนี้น้อยลง” รอธระบุในบทวิเคราะห์สำหรับลูกค้าของวูล์ฟ 

เธอบอกอีกว่า แม้ในภาพรวมจะยังไม่เห็นอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจนจากผลของมาตรการภาษีนำเข้า แต่ก็มีแนวโน้มที่ราคาจะเกิดการดีดกลับขึ้นไป เมื่อข้อมูลกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังความผันผวนที่เกิดจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการเผยแพร่รายงานฉบับนี้ก็มีความกังขาอยู่แล้วในหมู่นักวิเคราะห์บางส่วนในวอลล์สตรีท โดยมีความกังวลว่าจะมีอคติในข้อมูล อันเนื่องมาจากผลกระทบของการปิดหน่วยงานรัฐบาลที่เพิ่งสิ้นสุดลงในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 

กระแสความคึกคักในวอลล์สตรีทที่เกิดขึ้นหลังการเผยแพร่รายงาน เริ่มแผ่วลงเมื่อการซื้อขายดำเนินไปตลอดทั้งวัน ดัชนีหุ้นปรับตัวลงจากระดับสูงสุดของวัน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นแรงพยุงหลัก ขณะที่หุ้นที่ผูกโยงกับภาวะเศรษฐกิจมากกว่า เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวลดลง ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็ขยับขึ้นจากระดับต่ำสุด

อ้างอิง: CNBC

แชร์
นักเศรษฐศาสตร์เตือนเงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำจนไม่น่าเชื่อ เฟดคงไม่ให้น้ำหนัก