Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อินเดียโว แซงญี่ปุ่นแล้ว ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ 4 คาดแซงเยอรมนีใน 3 ปี
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

อินเดียโว แซงญี่ปุ่นแล้ว ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ 4 คาดแซงเยอรมนีใน 3 ปี

30 ธ.ค. 68
17:21 น.
แชร์

อินเดียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของโลก หลังรัฐบาลอินเดียประเมินว่า ประเทศได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลกแล้วจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ล่าสุด การขยับอันดับครั้งนี้สะท้อนภาพการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจอินเดียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจโลกที่เผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้า ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และทิศทางนโยบายการเงินที่ยังไม่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม สถานะดังกล่าวยังต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการจากข้อมูล GDP รายปีขั้นสุดท้าย ซึ่งจะประกาศในปี 2569 ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า อินเดียจะก้าวข้ามญี่ปุ่นอย่างชัดเจนในปีหน้า โดยรัฐบาลนิวเดลีมองว่า หากอินเดียสามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะแซงเยอรมนีขึ้นเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีข้างหน้า

อินเดียเร่งเครื่องเศรษฐกิจ ท่ามกลางแรงกดดันจากเวทีการค้าโลก

รายงานทบทวนเศรษฐกิจประจำปีของรัฐบาลอินเดียระบุว่า อินเดียได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลกแล้ว ด้วยมูลค่า GDP ราว 4.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลประเมินว่า ภายในอีกประมาณ 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี อินเดียมีศักยภาพเพียงพอที่จะขยับขึ้นสู่อันดับ 3 แซงหน้าเยอรมนี หากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปตามเป้าหมาย ซึ่งคาดว่า GDP จะเพิ่มเป็นราว 7.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573

การประเมินเชิงบวกดังกล่าวเกิดขึ้นแม้เศรษฐกิจอินเดียจะเผชิญแรงเสียดทานจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีในอัตราสูงต่ออินเดียเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 จากประเด็นการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนิวเดลีย้ำว่า การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสะท้อนถึงความสามารถในการรับมือกับความไม่แน่นอนด้านการค้าโลก พร้อมชี้ว่า อินเดียยังคงเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

ในขณะเดียวกัน ตัวเลขคาดการณ์ของ IMF สำหรับปี 2569 ระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียจะมีมูลค่าสูงถึง 4.51 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับญี่ปุ่นที่ 4.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตอกย้ำแนวโน้มที่ว่าอินเดียกำลังไต่ระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในลำดับเศรษฐกิจโลก แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันจากภายนอก ทั้งประเด็นการค้า การเมืองระหว่างประเทศ และความผันผวนของค่าเงิน

เศรษฐกิจขยายตัวแรง แต่โจทย์เชิงโครงสร้างยังหนัก

อย่างไรก็ตาม แม้ขนาดเศรษฐกิจของอินเดียจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ตัวชี้วัดด้านคุณภาพชีวิตและรายได้ของประชาชนยังสะท้อนความท้าทายเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า GDP ต่อหัวของอินเดียในปี 2567 อยู่ที่ 2,694 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังห่างไกลจากประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ โดยต่ำกว่าญี่ปุ่นถึง 12 เท่า และต่ำกว่าเยอรมนีถึง 20 เท่า สะท้อนช่องว่างด้านรายได้ที่ยังคงกว้าง แม้อินเดียจะมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในเชิงมูลค่ารวม

อินเดียยังมีประชากรราว 1.4 พันล้านคน และแซงหน้าจีนขึ้นเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 2566 โดยมากกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรอยู่ในช่วงอายุ 10-26 ปี โครงสร้างประชากรที่อายุน้อยจำนวนมากถือเป็นฐานสำคัญของการเติบโตในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อรัฐบาลในการสร้างงานที่มีคุณภาพและรายได้สูงเพียงพอสำหรับแรงงานรุ่นใหม่ โดยเฉพาะบัณฑิตจบใหม่จำนวนหลายล้านคนที่เข้าสู่ตลาดแรงงานในแต่ละปี

รายงานของรัฐบาลยอมรับว่า ความท้าทายสำคัญของอินเดียไม่ได้อยู่เพียงแค่การขยายตัวของ GDP แต่คือความสามารถในการแปลงการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กลายเป็นการจ้างงานที่มีคุณภาพ การเติบโตที่ครอบคลุม และความยั่งยืนในระยะยาว ประเด็นนี้ยิ่งทวีความสำคัญในช่วงที่ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงทำสถิติต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2568 หลังอ่อนค่าลงราว 5% ตลอดปี 2568 จากความกังวลเรื่องข้อตกลงการค้ากับสหรัฐและผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าส่งออกของอินเดีย

ท่ามกลางแรงกดดันดังกล่าว นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้เดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการปรับลดภาษีการบริโภคครั้งใหญ่ และการผลักดันการปฏิรูปกฎหมายแรงงาน หลังเศรษฐกิจอินเดียขยายตัวต่ำสุดในรอบสี่ปีในช่วง 12 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 สะท้อนความพยายามของรัฐบาลในการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตเชิงปริมาณกับการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ของเศรษฐกิจอินเดียในระยะต่อไป

ที่มา: SCMP


แชร์
อินเดียโว แซงญี่ปุ่นแล้ว ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ 4 คาดแซงเยอรมนีใน 3 ปี