Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เปิดประวัติ 7 ผู้ท้าชิงตำแหน่ง'ผู้ว่าฯ ธปท.'ใครจะได้ชี้ชะตาการเงินไทย?
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

เปิดประวัติ 7 ผู้ท้าชิงตำแหน่ง'ผู้ว่าฯ ธปท.'ใครจะได้ชี้ชะตาการเงินไทย?

4 มิ.ย. 68
14:33 น.
แชร์

กระบวนการสรรหาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว โดยวันที่ 4 มิถุนายน 2568 (วันนี้) ถือเป็นวันสุดท้ายที่กระทรวงการคลังเปิดรับใบสมัคร เพื่อหาผู้มารับไม้ต่อจาก “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 30 กันยายนนี้ กระบวนการทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการคัดเลือกที่มี “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน

หลังปิดรับสมัคร คณะกรรมการจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครและคัดเลือกรายชื่อที่ผ่านเกณฑ์เข้าสู่รอบสัมภาษณ์ในวันที่ 20 มิถุนายน ก่อนจะเฟ้นผู้ที่เหมาะสมอย่างน้อย 2 คน ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาภายในวันที่ 2 กรกฎาคม แล้วจึงนำรายชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ

การคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท. ในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศไทย เพราะตำแหน่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้าหน่วยงานกำกับนโยบายการเงินของไทย แต่ยังเป็น “เข็มทิศหลัก” ที่จะนำพาระบบเศรษฐกิจให้เดินหน้าอย่างมั่นคง ท่ามกลางแรงปะทะจากทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ไปจนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในไทย อาทิ ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และการถดถอยของความสามารถในการแข่งขัน

ดังนั้น ผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่จะต้องรับบทบาทมากกว่าการควบคุมอัตราดอกเบี้ยหรือดูแลเสถียรภาพค่าเงิน แต่ต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เข้าใจระบบเศรษฐกิจในภาพรวม และพร้อมวางนโยบายระยะยาวที่ช่วยยกระดับขีดความสามารถของประเทศในยุคใหม่ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการปรับโครงสร้างระบบการเงินไทยให้ทันสมัย สอดรับกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน (financial infrastructure) การออกแบบ Financial Landscape ที่เปิดกว้าง และสามารถรองรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า การแต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. ไม่ใช่แค่การสรรหาผู้บริหารระดับสูงอีกหนึ่งตำแหน่ง แต่คือการเลือกผู้นำเชิงนโยบายที่มีบทบาทชี้ทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงเปลี่ยนผ่าน และผู้ที่จะวางรากฐานใหม่ให้ประเทศสามารถแข่งขัน ฟื้นตัว และเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับความคืบหน้าในการรับสมัครผู้ว่าธปท. ล่าสุด นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เผยว่ามีผู้สมัครทั้งหมด 7 ราย แม้ยังไม่มีการเผยรายชื่อออกมาอย่างเป็นทางการ รายชื่อที่มีการยืนยันโดยตัวผู้สมัคร และเป็นตัวเต็งที่สื่อมวลชนจับตามอง ได้แก่

ดร. รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส: นักเศรษฐศาสตร์หญิงผู้ขับเคลื่อนระบบการเงินไทยสู่อนาคต

ในบรรดาผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ หนึ่งในรายชื่อที่ถูกจับตามองอย่างมากคือ ดร. รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส นักเศรษฐศาสตร์หญิงผู้มากด้วยวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และบทบาทสำคัญในแวดวงนโยบายการเงินและเสถียรภาพสถาบันการเงินของประเทศตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบัน ดร. รุ่ง ดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าการ ธปท. ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน และเป็นกรรมการในคณะสำคัญหลายชุด ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.), คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) โดยตลอดเส้นทางใน ธปท. เธอเคยดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งในสายตลาดการเงิน สายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน และสายยุทธศาสตร์องค์กร ไม่ว่าจะเป็นกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.), รองผู้ว่าการด้านบริหาร, หรือผู้ช่วยผู้ว่าการในหลายสายงานสำคัญ

จุดแข็งที่ทำให้ ดร. รุ่ง โดดเด่นในฐานะผู้สมัคร คือบทบาทเชิงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านของระบบการเงินไทยสู่ยุคใหม่ โดยเฉพาะการออกแบบ “ภูมิทัศน์ภาคการเงินไทย (Thai Financial Landscape)” ที่เปิดทางให้เกิดนวัตกรรมเชิงระบบ เช่น ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank), โครงการ Your Data เพื่อเพิ่มสิทธิข้อมูลทางการเงินให้ประชาชน, การยกระดับกลไก NaCGA เพื่อค้ำประกันเครดิตสำหรับผู้ขาดโอกาสทางการเงิน รวมถึงการผลักดันมาตรการจัดการ หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน เช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” และการตั้งมาตรฐานใหม่ในการปราบปรามบัญชีม้าและป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน

นอกจากบทบาทใน ธปท. แล้ว ดร. รุ่ง ยังมีประสบการณ์ในภาคการเงินที่กว้างขวาง โดยดำรงตำแหน่งกรรมการในกองทุนและองค์กรสำคัญ เช่น กองทุนประกันชีวิต (กปช.), กองทุนประกันวินาศภัย (กปว), กองทุน CMDF และเคยดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ดูแลสายงาน Global Business and Strategy ระหว่างปี 2560–2562

ในด้านวิชาการ ดร. รุ่ง เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งระดับโลก เธอสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จาก สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ซึ่งต่างเป็นสถาบันชั้นนำที่สร้างผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกในหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ดร. สุทธาภา อมรวิวัฒน์: ผู้ท้าชิงที่ครบทั้งประสบการณ์ และเครือข่ายการเมือง

ในเวทีการสรรหาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ดร. สุทธาภา อมรวิวัฒน์ โดดเด่นขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด ไม่เพียงเพราะโปรไฟล์ทางวิชาการที่แข็งแกร่ง แต่ยังรวมถึงประสบการณ์เชิงลึกในนโยบายการเงิน การวิเคราะห์ความเสี่ยง เทคโนโลยีการเงิน (FinTech) และการสนับสนุนจากเครือข่ายการเมืองที่ทรงอิทธิพล

ในด้านวิชาการ ดร. สุทธาภา เป็น นักเรียนทุนพระราชทานเล่าเรียนหลวง จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์จาก Harvard University และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ การบริหารและนโยบาย จาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้เธอเป็นผู้สมัครที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการในระดับนานาชาติ เทียบชั้นกับแคนดิเดตชั้นนำคนอื่น ๆ อย่าง ดร. รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส

เส้นทางอาชีพของดร. สุทธาภา เริ่มต้นจากภาคราชการ โดยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การออมของประเทศ และ ผู้อำนวยการส่วนวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ก่อนจะขยายขอบเขตไปสู่เวทีนานาชาติในบทบาทผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงกับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ ING Group ประเทศเนเธอร์แลนด์

ในภาคเอกชน ดร. สุทธาภา เคยดำรงตำแหน่ง Chief Economist และ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ดูแลการจัดตั้งและบริหาร Economic Intelligence Center (EIC) รวมถึงกำกับสายงาน Risk Analytics ที่ช่วยยกระดับความสามารถด้านการบริหารความเสี่ยงของธนาคารในระดับกลยุทธ์ ต่อมาเธอก่อตั้ง SCB Abacus บริษัทเทคโนโลยีการเงินภายใต้ SCB Group ซึ่งใช้ AI และ Big Data ในการพัฒนาระบบสินเชื่อที่เข้าถึงกลุ่ม underserved ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นก้าวสำคัญของการเชื่อมโลกการเงินดั้งเดิมกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

ในปี 2568 ดร. สุทธาภา ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็น กรรมการอิสระ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) สะท้อนความไว้วางใจจากภาคธุรกิจในระดับบอร์ดบริหารขององค์กรขนาดใหญ่

ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งจุดแข็งที่หลายฝ่ายยอมรับคือเครือข่ายทางการเมืองที่ดร. สุทธาภา มีอยู่ในมือ ด้วยการสืบสายจากตระกูล “อมรวิวัฒน์” ซึ่งมีบทบาทในแวดวงการเมืองไทยมายาวนาน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในด้านนโยบายการคลังของรัฐ 

แหล่งข่าวยังระบุว่า ดร. สุทธาภา ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลระดับสูงที่มีบทบาทเบื้องหลังในเชิงยุทธศาสตร์การเมือง ซึ่งทำให้ ดร. สุทธาภา เป็นหนึ่งใน “ตัวเต็ง” ที่ไม่เพียงพร้อมด้านคุณสมบัติ แต่ยังมีพลังหนุนที่เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยีอย่างรอบด้าน

นายวิทัย รัตนากร: ตัวเต็งผู้ว่าฯ ธปท. สายเศรษฐกิจฐานราก

วิทัย รัตนากร เป็นหนึ่งในผู้สมัครที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดในการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ไม่ใช่แค่เพราะประสบการณ์ที่โชกโชนจากทั้งภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ แต่ยังรวมถึงแรงสนับสนุนจากฝั่งการเมืองที่ถือว่ามีน้ำหนัก โดยเฉพาะจากรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ทำให้ชื่อของเขาขึ้นมาอยู่ในกลุ่มตัวเต็งในทันที

ด้านชีวิตส่วนตัว นายวิทัย เติบโตมาในครอบครัวที่ผูกโยงกับแวดวงเศรษฐกิจและกฎหมายโดยตรง โดยเป็นบุตรชายของศิริลักษณ์ รัตนากร ผู้บริหารหญิงคนแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในยุคปี 2525 และโสภณ รัตนากร อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม 

ขณะที่ด้านวิชาการ นายวิทัยจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทถึงสามสาขา ได้แก่ เศรษฐศาสตร์การเมืองและกฎหมายธุรกิจจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการเงินจาก Drexel University สหรัฐอเมริกา เขายังผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันชั้นนำของประเทศ เช่น วปอ., วตท., TEPCoT, นยปส., LSP และ DCP (IOD) ซึ่งล้วนเป็นหลักสูตรที่เตรียมความพร้อมในมิติความมั่นคง การคลัง การกำกับกิจการ และธรรมาภิบาล

ด้วยความที่สนใจตลาดหุ้นตั้งแต่วัยเรียน นายวิทัย เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย พร้อมสะสมประสบการณ์จากการฝึกงานในบริษัทหลักทรัพย์ ก่อนจะเริ่มต้นอาชีพจริงในฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ภัทรในปี 2535 จากนั้นจึงก้าวเข้าสู่บทบาทผู้บริหารกองทุนของกบข. โดยมุ่งเน้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และมีผลงานโดดเด่นจนเป็นที่จับตาของนักลงทุนต่างชาติ กระทั่งได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่ง CFO ของสายการบินนกแอร์ (NOK)

ในฐานะ CFO ของ NOK วิทัยมีบทบาทสำคัญในการพลิกฟื้นกิจการ สร้างผลกำไรสูงสุดถึง 1,700 ล้านบาท และนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จในวันที่ 20 มิถุนายน ปี 2556 ถือเป็นช่วงเวลาที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ยุคทองของ NOK”

ต่อจากนั้น เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ก่อนถูกมอบหมายภารกิจสำคัญในการฟื้นฟูธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (IBANK) ซึ่งอยู่ในภาวะขาดทุนสะสมมายาวนาน วิทัยใช้เวลาเพียง 6 เดือนในการจัดระเบียบองค์กรใหม่ทั้งด้านบุคลากร การบริหารหนี้ และต้นทุน จนธนาคารสามารถกลับมาทำกำไรได้ภายในเวลาไม่นานหลังจากที่เขาลาออก

ต่อมา เขากลับไปยัง “บ้านเก่า” ที่คุ้นเคยคือ กบข. ในตำแหน่งเลขาธิการ ดูแลเงินสะสมของสมาชิกกว่าล้านราย ด้วยมูลค่าเกือบล้านล้านบาท โดยเขามุ่งปรับการลงทุนให้ตอบโจทย์ทั้งผลตอบแทนและความมั่นคงในระยะยาว พร้อมตั้งเป้าให้ กบข. เป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบระบบสวัสดิการของประเทศ ไม่ใช่แค่ดูแลเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว

ในปี 2563 วิทัยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสิน โดยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธนาคารให้เป็น Social Bank อย่างจริงจัง ทั้งการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การขยายบทบาทสู่ธุรกิจ Non-Bank และการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เช่น โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” รวมถึงแนวคิดแฮร์คัตหนี้ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการกับรัฐบาล ซึ่งอาจครอบคลุมประชาชนกว่า 500,000 ราย

เมื่อดูจากเส้นทางชีวิต การทำงาน และแรงสนับสนุนทางการเมือง วิทัย รัตนากร ถือว่าเป็นแคนดิเดตที่ครบเครื่อง มีทั้งภาพลักษณ์นักบริหารมืออาชีพ ความเข้าใจกลไกภาครัฐ และความสามารถในการทำให้นโยบายเกิดผลจริง ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเป็นตัวแปรสำคัญในกระบวนการตัดสินใจเลือกผู้ว่าการ ธปท. คนต่อไปในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังต้องการ "มือที่มั่นคง" อย่างแท้จริง

ดร. สมประวิณ มันประเสริฐ: แคนดิเดตผู้ว่าการ ธปท. จากเวทีนโยบายสู่ยุทธศาสตร์การเงิน

ในการสรรหาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ หนึ่งในชื่อที่ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ ดร. สมประวิณ มันประเสริฐ กรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับความนับถือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และวงวิชาการ ด้วยคุณสมบัติที่ผสมผสานทั้งความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านเศรษฐศาสตร์ ประสบการณ์จากภาคการเงิน และบทบาทสำคัญในเวทีนโยบายระดับชาติ

เส้นทางอาชีพของ ดร. สมประวิณ สะท้อนความหลากหลายและลุ่มลึก ในด้านวิชาการเคยเป็นรองคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวงการธนาคารเคยรับบทบาทสำคัญ อาทิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ (Chief Economist) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา , รองผู้จัดการใหญ่ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Economic Intelligence Center (EIC) และกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งเป็นหน่วยวิเคราะห์เศรษฐกิจและวางกลยุทธ์ที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดทิศทางองค์กรระดับชาติ

นอกเหนือจากภาควิชาการและธนาคาร ดร. สมประวิณ ยังมีบทบาทสำคัญในภาครัฐและการกำหนดนโยบายสาธารณะ โดยดำรงตำแหน่งกรรมการในสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และอนุกรรมการติดตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการด้านการเงิน การคลัง และตลาดการเงินของรัฐสภา ทั้งยังมีบทบาทใน คณะทำงานฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ซึ่งเป็นบททดสอบสำคัญของความสามารถในการบริหารจัดการนโยบายภายใต้ภาวะวิกฤต

ในแวดวงวิชาการและนโยบายสาธารณะ ดร. สมประวิณ เป็นกรรมการของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร สถาบันนโยบายสาธารณะและการพัฒนา มูลนิธิพระยาสุริยาวัตร ซึ่งสะท้อนถึงความไว้วางใจจากองค์กรอิสระด้านนโยบายที่มีบทบาทในการตรวจสอบและเสนอแนะภาครัฐ

ในด้านการศึกษา เขาจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อด้วยปริญญาโทด้าน Economics and Finance จาก University of Warwick สหราชอาณาจักร และได้รับปริญญา M.A. และ Ph.D. ด้านเศรษฐศาสตร์ จาก University of Maryland at College Park สหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ดร. สมประวิณ ยังได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจนจากทั้งกลุ่มที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีหรือ “บ้านพิษณุโลก” และเครือข่ายนักคิดนักบริหารที่นำโดย บรรยง พงษ์พานิช

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล: อดีตคนธปท. ผู้คร่ำหวอดในวงการการเงิน

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล คือหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปี 2568 ที่ได้รับการจับตามอง ด้วยคุณสมบัติรอบด้านและเส้นทางอาชีพที่สั่งสมประสบการณ์ในทุกมิติของระบบเศรษฐกิจไทย ปัจจุบัน ดร.กอบศักดิ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และอุปนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ควบคู่ไปกับบทบาทในภาคประชาสังคมและตลาดทุน ในฐานะประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)

ด้วยพื้นฐานการศึกษาระดับโลก ได้แก่ ปริญญาตรีด้านคณิตศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จาก Williams College และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคและเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจาก Massachusetts Institute of Technology (MIT) ภายใต้ทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย ดร.กอบศักดิ์เริ่มต้นชีวิตราชการที่แบงก์ชาติ ยาวนานกว่า 14 ปี เขามีบทบาทในการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจมหภาค การกำกับดูแลระบบการเงิน และการพัฒนาโครงสร้างของธนาคารกลางในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทย

นอกจากนี้ ดร.กอบศักดิ์ ยังเคยถูกยืมตัวไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งในบทบาทผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน และผู้ช่วยผู้จัดการด้านกลยุทธ์ ทำให้เขาเข้าใจระบบตลาดทุนในเชิงลึกและสามารถเชื่อมโยงระหว่างนโยบายการเงินกับกลไกตลาดได้อย่างเป็นระบบ

ต่อมา ดร.กอบศักดิ์ ย้ายเข้าสู่ภาคเอกชน โดยร่วมงานกับธนาคารกรุงเทพในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ในปี 2565

นอกจากนี้ ดร.กอบศักดิ์ยังเคยก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง โดยได้รับการชักชวนจากทีมของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ให้เข้าร่วมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และยังเป็นโฆษกพรรคพลังประชารัฐในช่วงเลือกตั้งปี 2562 ก่อนจะลาออกพร้อมกลุ่ม “4 กุมาร” เมื่อไม่ได้รับการสานต่อบทบาทในรัฐบาลชุดใหม่

ร.ศ. ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ: นักเศรษฐศาสตร์เพื่อความเท่าเทียม

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คือหนึ่งในแคนดิเดตผู้ว่าฯ ธปท. และนักเศรษฐศาสตร์ระดับแนวหน้าของประเทศ ผู้มีบทบาทหลากหลายครอบคลุมทั้งภาครัฐ ภาคการเงิน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และเวทีนโยบายสาธารณะ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ พร้อมทั้งมีบทบาทเป็นผู้ผลักดันการปฏิรูปประเทศผ่านงานวิจัย บทความ และเวทีเสวนาทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภายใต้ชื่อ “PridiTalk”

ก่อนหน้าจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ ธปท. ในปี 2568 นี้ ดร.อนุสรณ์เคยสมัครรับการสรรหาเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมาแล้วในปี 2563 ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งที่ 2 ที่ ดร.อนุสรณ์ ยื่นใบสมัครเพื่อเข้ารับการคัดเลือกตำแหน่งดังกล่าว

ในแวดวงนักเศรษฐศาสตร์ ดร.อนุสรณ์เป็นนักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นทางเศรษฐกิจและสังคมมาโดยตลอด โดยเฉพาะประเด็นการปลดล็อกประเทศจากกับดักรายได้ปานกลาง การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการ การปฏิรูประบบการคลัง และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งผ่านกลไกตลาดที่เป็นธรรม

ในด้านวิชาการ ดร.อนุสรณ์ เริ่มต้นจากการศึกษาในจังหวัดแพร่ ก่อนเดินทางเข้าสู่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และสอบเข้าคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ต่อมาเดินทางไปศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกา ได้รับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (MBA) และเศรษฐศาสตร์จาก Fordham University รวมถึงปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ การเงิน และการพัฒนา นอกจากนี้ยังศึกษานิติศาสตร์ภาคบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อเติมเต็มมิติการมองนโยบายสาธารณะอย่างรอบด้าน

เส้นทางอาชีพของดร.อนุสรณ์ ครอบคลุมตั้งแต่การทำงานในเครือเจริญโภคภัณฑ์และ C.P. USA ไปจนถึงสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น ซิตี้แบงก์ ไทยธนาคาร และ CIMB Principal รวมถึงเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของธนาคารแห่งประเทศไทย และมีบทบาทสำคัญในการกำกับและบริหารนโยบายหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมการบริหารความเสี่ยง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เขาได้วางระบบที่ช่วยให้ธนาคารดำรงความมั่นคงทางการเงิน แม้ต้องดำเนินนโยบายที่มีความเสี่ยงสูง

ในแวดวงวิชาการ ปัจจุบัน ดร.อนุสรณ์ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และเคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต โดยเน้นการพัฒนาแนวคิดและเครื่องมือเชิงนโยบายเพื่อการปฏิรูปประเทศอย่างยั่งยืน ในภาคประชาสังคม เขาทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหารมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแนวคิดทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และการพัฒนาประเทศในเชิงโครงสร้าง

ผลงานวิชาการของเขาครอบคลุมทั้งเชิงทฤษฎีและเชิงนโยบาย เช่น งานวิจัย “วงจรสถิติในรอบ 15 ปี กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” ซึ่งจัดทำร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ และโครงการ “มองอนาคตรัฐวิสาหกิจไทย” ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง เขายังเสนอแนวนโยบายใหม่ ๆ เช่น การยกเลิกธนบัตรบางรุ่นเพื่อต่อสู้กับการทุจริต การผลักดันให้เงินบาทเป็นสกุลเงินหลักของภูมิภาคอาเซียน และการขับเคลื่อน Productive Welfare เพื่อลดความเหลื่อมล้ำเชิงระบบ

นายวิกรานต์ ศุภมงคล: ประธานกรรมการบริษัท ทู แคปปิตอล จำกัด

นายวิกรานต์ ศุภมงคล ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการบริษัท ทู แคปปิตอล จำกัด, บริษัท ทู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด, บริษัท ไอยรา แกรนด์ รีสอร์ท จำกัด, บริษัท ทเวนตี้ทรี จิวเวลรี่ จำกัด รวมทั้งเคยมีประสบการณ์ด้านการเมืองในตำแหน่งคณะทำงานเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงที่ปรึกษาและรองโฆษกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษาและรองโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกรุงเทพมหานครเขต 2 พรรคพลังประชาชน

แชร์
เปิดประวัติ 7 ผู้ท้าชิงตำแหน่ง'ผู้ว่าฯ ธปท.'ใครจะได้ชี้ชะตาการเงินไทย?