แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะออกมาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดกั้นการทุจริตทางการเงิน ทั้งการปิดบัญชีม้า การเพิ่มระบบยืนยันตัวตน และการแจ้งเตือนธุรกรรม แต่ภัยจาก “การหลอกให้โอนเงินเอง” ยังคงสร้างความเสียหายสูงอย่างต่อเนื่อง จนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องออกมาตรการใหม่ล่าสุดเพื่อปกป้องผู้ใช้บริการและจำกัดความสูญเสียหากตกเป็นเหยื่อ
ข้อมูลจาก ธปท. ระบุว่า แม้ที่ผ่านมาจะสามารถปิดช่องโหว่เรื่อง “แอปดูดเงิน” ได้จนแทบไม่เหลือเคส แต่ปัญหาใหญ่ที่ยังอยู่คือการหลอกให้โอนเงินเอง วิธีการยอดฮิตคือ หลอกลวงให้ลงทุน , โทรข่มขู่จากคอลเซ็นเตอร์, หรือการอ้างว่าจะได้รับรางวัลพิเศษ ตัวเลขความเสียหายจากเคสเหล่านี้ยังน่าตกใจ เพียงไตรมาส 2/2566 มีมูลค่าความเสียหายเกือบ 6,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 2,000 ล้านบาทต่อเดือน
สิ่งที่ธปท. เน้นย้ำคือ กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ซึ่งมีความเสียหายเฉลี่ยต่อเคสสูงสุดราว 400,000 บาท จากข้อมูลสะสมตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
เพื่อจำกัดความเสียหาย ธปท. จึงออกมาตรการ “Customer Profiling” ที่กำหนดวงเงินโอนออกจากบัญชีต่อวัน ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าแต่ละคน โดยธนาคารจะต้องเป็นผู้จัดทำการประเมินพฤติกรรมของลูกค้าและกำหนดวงเงินให้เหมาะสม
หลักการสำคัญ คือ ป้องกันบัญชีม้า ไม่ให้โอนเงินก้อนใหญ่ได้ง่าย และคุ้มครองกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ให้ความเสียหายหากถูกหลอกอยู่ในวงจำกัด
ทั้งนี้หากลูกค้ามีความจำเป็นต้องโอนเงินเกินกว่าวงเงินที่ตั้งไว้ เช่น จ่ายค่าเล่าเรียนหรือค่ารักษาพยาบาล สามารถขอเพิ่มวงเงินกับธนาคารได้ ซึ่งจะมีการตรวจสอบและยืนยันเพื่อป้องกันการถูกหลอก
สำหรับคนทั่วไป มาตรการนี้ถือเป็นการเพิ่ม “ค่าเริ่มต้นด้านความปลอดภัย” (Default Option) ที่ช่วยลดความเสี่ยงโดยไม่ได้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก และยังเปิดช่องทางให้ปรับเพิ่มวงเงินได้เมื่อมีเหตุจำเป็น
ทั้งนี้หากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะมีการประเมินผลของมาตรการและพร้อมปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป
ก่อนหน้านี้ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้มาตรการหลายด้านเพื่อแก้ปัญหาภัยการเงิน เช่น
มาตรการเหล่านี้ถือว่าประสบความสำเร็จในบางด้าน เช่น เคส “แอปดูดเงิน” ลดลงเหลือศูนย์ แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการหลอกให้โอนเงินเอง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงที่สุด
ดังนั้นมาตรการใหม่ของ ธปท. สะท้อนว่าภัยมิจฉาชีพทางการเงินเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้รัฐจะมีเครื่องมือเข้มงวดขึ้น แต่ก็ไม่อาจหยุดการหลอกลวงได้ทั้งหมด ดังนั้น นอกจากระบบของธนาคารแล้ว การมีสติของประชาชนยังคงเป็นเกราะป้องกันสำคัญที่สุด
หากตกเป็นเหยื่อ ควรรีบโทรแจ้ง สายด่วน AOC 1441 เพื่อให้ตำรวจและธนาคารตามเส้นทางการเงินได้ทันท่วงที