Logo site Amarintv 34HD
Logo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
น้ำท่วมถล่มเศรษฐกิจภาคใต้ สูญไม่ต่ำกว่า2.5หมื่นล้าน ฝังแผลการเงินลึก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

น้ำท่วมถล่มเศรษฐกิจภาคใต้ สูญไม่ต่ำกว่า2.5หมื่นล้าน ฝังแผลการเงินลึก

26 พ.ย. 68
12:30 น.
แชร์

อุทกภัยครั้งใหญ่ที่ถาโถมพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้ลุกลามกลายเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจในหลายจังหวัดพร้อมกัน โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาซึ่งถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดของรอบหลายปี ระดับน้ำที่เพิ่มสูงและท่วมขังเป็นวงกว้างกัดกินบ้านเรือน ถนน สถานประกอบการ และพื้นที่เกษตรอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่ามีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบราว 800,000 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่เสียหายกว่า 400,000 ไร่ ทั้งในสงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี นราธิวาส ปัตตานี ตรัง สตูล และยะลา

ขณะเดียวกัน สถานการณ์ยังไม่อาจวางใจได้ง่าย แม่น้ำหลายสายยังคงมีปริมาณน้ำสูง ขณะที่ฝนในบางพื้นที่ยังตกต่อเนื่อง ทำให้การระบายน้ำทำได้จำกัด ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าความเสี่ยงจากน้ำฝนและน้ำท่าอาจยืดเยื้อ ส่งผลให้การฟื้นฟูอาจล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ในระยะแรก และเมื่อลมหายใจแรกของการคลี่คลายเกิดขึ้น เศรษฐกิจภาคใต้ยังต้องเผชิญกับภาระต้นทุนแฝงจากความเสียหายต่อทรัพย์สินและห่วงโซ่อุปทานที่สะดุดเป็นระยะ

แรงกระแทกทันทีต่อกิจกรรมเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินผลสะเทือนของอุทกภัยครั้งนี้ออกเป็นสองระยะ โดยระยะแรกสะท้อนผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีจากการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งคำนวณได้ชัดเจนกว่า ภายใต้สมมติฐานว่าเหตุการณ์จะรุนแรงในช่วง 10-15 วันแรก และค่อย ๆ ลดระดับลงในอีก 10-15 วันถัดมา ความเสียหายด้านเศรษฐกิจในกรอบเวลา 1 เดือนคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นราว 0.13% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศตามราคาปัจจุบัน

สงขลาคือศูนย์กลางของแรงกระแทกระยะสั้น เพราะแทบทุกอำเภอเผชิญน้ำท่วมพร้อมกัน ภาคบริการซึ่งเป็นเสาหลักของจังหวัด ตั้งแต่ที่พักแรม ร้านอาหาร ค้าปลีก ไปจนถึงระบบขนส่ง ชะลอตัวอย่างหนัก ขณะที่ภาคการผลิต โดยเฉพาะเกษตรและอาหารแปรรูปซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญ ก็ต้องหยุดชะงักตามระดับน้ำ ส่วนโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและประปาที่ขาดช่วงในหลายจุด ยิ่งซ้ำเติมความเสียหายให้ลุกลามเป็นวงกว้าง

นอกจากนี้ ปัจจัยเวลายังเป็นตัวเร่งความรุนแรง เพราะอุทกภัยเกิดขึ้นปลายปีซึ่งมักเป็นช่วงพีกของการท่องเที่ยว และยิ่งเป็นปีที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างเตรียมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ในช่วง 9-20 ธันวาคม 2568 โดยสงขลาเป็นหนึ่งในสนามแข่งขันหลัก การหยุดชะงักของเมืองเจ้าภาพจึงไม่ได้กระทบเพียงรายได้ระยะสั้น แต่ยังหมายถึงแรงกดดันต่อภาพลักษณ์และความพร้อมของพื้นที่จัดงานระดับภูมิภาค

บาดแผลลึกจากสินทรัพย์เสียหายและฟื้นฟูยาวนาน

เมื่อระดับน้ำเริ่มลด สิ่งที่ตามมาคือบททดสอบระยะยาวจากความเสียหายต่อสินทรัพย์ ครัวเรือนจำนวนมากต้องเผชิญภาระซ่อมแซมบ้าน รถยนต์ และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ภาคธุรกิจต้องประเมินความเสียหายต่อเครื่องจักร สต็อกสินค้า และอาคารสถานประกอบการ ขณะที่ภาคเกษตรในหลายจังหวัดถูกน้ำท่วมพื้นที่ปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน รวมถึงบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำและพื้นที่ประมง ซึ่งความเสียหายลักษณะนี้มักไม่สะท้อนตัวเลขในทันที แต่ทยอยปรากฏเป็นต้นทุนที่สะสมตามฤดูกาลผลิต

ผลกระทบระยะสองนี้ซับซ้อนกว่า เพราะระดับการฟื้นตัวแตกต่างกันตามฐานะทางการเงิน เงินออม และความสามารถในการกลับมาหารายได้ของแต่ละครัวเรือน บางรายอาจฟื้นตัวเร็วด้วยเงินสำรองและการเข้าถึงสินเชื่อ ขณะที่อีกจำนวนมากต้องพึ่งพามาตรการบรรเทาจากรัฐ การยืดหยุ่นจากเจ้าหนี้ และการช่วยเหลือจากคู่ค้าเพื่อประคองกระแสเงินสด สถาบันการเงินเองก็ต้องเผชิญภาระบริหารความเสี่ยงจากหนี้เสียที่อาจตามมา

ในภาพใหญ่ อุทกภัยครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงวิกฤตธรรมชาติ หากเป็นบททดสอบความแข็งแรงของเศรษฐกิจฐานรากและความพร้อมของระบบสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน การฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพต้องเดินควบคู่ทั้งการเยียวยาเฉพาะหน้า การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน และการอัดฉีดสภาพคล่องอย่างตรงจุด เพื่อให้ภาคใต้สามารถกลับมายืนได้อย่างมั่นคง และลดรอยแผลทางเศรษฐกิจให้เล็กลงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในระยะถัดไป

แชร์
น้ำท่วมถล่มเศรษฐกิจภาคใต้ สูญไม่ต่ำกว่า2.5หมื่นล้าน ฝังแผลการเงินลึก