
สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคใต้ ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน และสถานประกอบธุรกิจ มีประชาชาชนและธุรกิจได้รับผลกระทบจำนวนมาก มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดการณ์ว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมากถึงวันละประมาณ 1,000 ล้านบาท ถึง 1,500 ล้านบาท
หลายธนาคารและสถาบันการเงินได้ออกมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมดังกล่าว ซึ่ง SPOTLIGHT รวบรวมมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาจากธนาคาร-สถาบันการเงินต่างๆ ไว้ ดังต่อนี้
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) มีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่และภาคใต้ของไทย ทั้งในส่วนของวงเงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาว เพื่อให้ลูกค้าของ EXIM BANK สามารถดำเนินธุรกิจส่งออกหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกตลอดทั้ง Supply Chain ได้อย่างต่อเนื่อง
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999 หรือ Inbox Facebook ‘EXIM Bank of Thailand’
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ออก 7 มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลกระทบผ่าน “มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2568” โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มาตรการที่ 1 : สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก เดือนที่ 4-12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป
ลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสามารถเข้าร่วมโครงการ ‘สินเชื่อซ่อม-แต่ง’ และ ‘สินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus’ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อราย ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 5 ปี โดยวงเงิน 100,000 บาทแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเพียง 1% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ในวงเงิน 200,000 บาทถัดมา โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน
มาตรการที่ 2 : สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่
กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อราย ต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 - 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด, อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 - 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (2.945% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (3.845% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี
กู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.245% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาทต่อเดือนเท่านั้น ฟรีค่าธรรมเนียมประเมิน ราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน
มาตรการที่ 3 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 4 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้น เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 5 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 6 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง และไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 7 : พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์)
ติดต่อเพื่อยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ที่สาขา ธอส. ตั้งแต่บัดนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดมาตรการเร่งด่วน เพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าผ่านมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟู วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ ประกอบด้วย
1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.625%) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ธ.ก.ส. จะดำเนินการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน และพื้นที่การเกษตรของลูกค้า ทำการรวบรวมข้อมูลเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือและลดภาระหนี้สินต่อไป
สำหรับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ผู้ประสบภัยสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อขอรับการช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ลูกค้าสังกัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ตามรายงานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สตูล จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ตามที่จะได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในอนาคต ได้แก่
มาตรการ “พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย” สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้
มาตรการ “เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ” สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า
วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท ถึงสูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท) อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน
นอกจากนี้ มีสินเชื่อช่วยเติมทุนเพิ่มเติม สำหรับเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ยกระดับธุรกิจ ภายหลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ได้แก่ (1) สินเชื่อ “SME Green Productivity” (2) สินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” และ (3) สินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME”
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนครั้งนี้เป็นทางเลือกโดยสมัครใจ ผู้ประกอบการที่ต้องการรับบริการ แจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น สาขา SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ, LINE Official Account : SME Development Bank, เว็บไซต์ www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 1357
ธนาคารกรุงไทยออกมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครอบคลุมการลดภาระทางการเงิน ทั้งปรับลดค่างวดการผ่อนชำระ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการให้วงเงินฉุกเฉินเสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพ รวมถึงการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย
มาตรการแบ่งเบาภาระลูกค้าสินเชื่อปัจจุบัน
1. สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบันนาน 1 ปี และลดดอกเบี้ยเป็น 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลาดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี)
2. สินเชื่อบุคคล (Term Loan) ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบัน นาน 1 ปี และ ลดดอกเบี้ยเป็น ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
3. สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ให้ความช่วยเหลือครอบคลุม ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดการชำระหนี้ พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ย หรือพักชำระเงินต้น และ/หรือ พักชำระดอกเบี้ยบางส่วน ขยายระยะเวลาสัญญา/ปรับตารางผ่อนชำระหนี้ เป็นต้น โดยเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ซึ่งธนาคารจะพิจารณาให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อลดภาระทางการเงิน และสะท้อนภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของลูกค้าที่น่าจะฟื้นตัวในอนาคต
มาตรการสินเชื่อเพื่อกู้ซ่อมบ้าน / กู้ฟื้นฟูกิจการ สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ขอวงเงินเพิ่มเติม หรือลูกค้าใหม่
1. สินเชื่อบ้าน Top up สินเชื่อบ้านแลกเงิน และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลา ดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี กรณีสินเชื่อบ้าน ฟรีค่าประเมินและค่าจดจำนอง)
2. สินเชื่อบุคคล (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
3. สินเชื่อธุรกิจ SME (Term Loan) ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี หลังจากนั้น MLR-1% ต่อปี
ลูกค้าที่มีความประสงค์เข้าร่วมมาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร สามารถติดต่อได้ที่ ธนาคารทุกสาขา หรือ สาขาที่มีบัญชีเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 - วันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111
ธนาคารออมสินออกมาตรการ พักชำระหนี้อัตโนมัติ ไม่คิดดอกเบี้ย นาน 3 เดือน เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้าธนาคารออมสิน จำนวนกว่า 100,000 ราย ตามรายงานเบื้องต้นที่เปรียบเทียบสอบทานกับประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
มาตรการพักชำระหนี้ นาน 3 เดือน ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อทุกกลุ่ม (ยกเว้นบางประเภทตามเงื่อนไข*) มีหลักเกณฑ์สำคัญ ดังนี้
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินออกมาตรการผ่อนปรนหลักเกณฑ์เงื่อนไขตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ของลูกหนี้สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติที่มีสถานะ Non-NPLs และมีภูมิลำเนาที่อยู่อาศัย สถานที่ประกอบอาชีพ สถานที่ประกอบธุรกิจ ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ที่ครบกำหนดชำระในระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2568 โดยสามารถขยายวันครบกำหนดใช้เงิน 1 ครั้ง/ฉบับ ออกไปอีก 90 วัน และชำระดอกเบี้ยตามเงื่อนไขสัญญาเดิม ทั้งนี้ ธนาคารจะติดต่อลูกค้าแต่ละรายเพื่อแจ้งหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ให้ทราบ
*หมายเหตุ : ไม่รวมสินเชื่อบางประเภท เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, สินเชื่อชีวิตสุขสันต์, สินเชื่อตามนโยบายรัฐ (PSA) และสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำ
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือลูกค้า บสย. และลูกหนี้ที่ บสย.จ่ายเคลม สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประสบอุทกภัยและมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในพื้นที่ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. มาตรการช่วยเหลือลูกค้า ผ่อนผันการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ และค่าจัดการค้ำประกัน โดยพักชำระออกไปอีก 6 เดือน นับจากวันถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียม สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ บสย.ค้ำประกันสินเชื่อ ที่จะครบกำหนดชำระตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568
2. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ พักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกหนี้ที่ บสย.จ่ายเคลม ซึ่งอยู่ในระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ลูกค้า-ลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ผ่านช่องทาง LINE OA TCG First: @tcgfirst ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ ได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่ และ บสย. Call Center โทร. 02-890-9999
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb เร่งออกมาตรการ “ตั้งหลัก” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน หวังให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัวกลับมาตั้งหลักและก้าวเดินต่อไปสู่การมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2568 - 31 ม.ค. 2569 โดยมีรายละเอียดของมาตรการดังนี้
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อ เพื่อแบ่งเบาภาระ
ลูกค้าสินเชื่อบ้าน สามารถขอพักชำระเงินต้นได้ นาน 3 เดือน (ชำระคืนแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว) หรือ ขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อซ่อมแซมบ้าน ด้วยบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงิน ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรก (กรณีลูกค้าที่มีบัตรกดเงินสด ทีทีบี บ้านแลกเงินอยู่แล้ว สามารถทำรายการเบิกใช้เงินสดได้ ผ่านตู้ ATM หรือแอป ttb touch ดอกเบี้ย 0% นาน 2 เดือนแรก โดยต้องลงทะเบียนก่อน) ลูกค้าสินเชื่อรถยนต์ สามารถขอพักชำระค่างวดได้ นาน 3 เดือน
ลูกค้าสินเชื่อบุคคล / บัตรเครดิต สามารถขอพักชำระหนี้ได้ นาน 2 รอบบัญชี โดยยังคิดดอกเบี้ยตามปกติ
ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ หรือสินเชื่อ SME ประเภทสินเชื่อระยะยาว จะได้รับการพิจารณาชำระแบบปลอดเงินต้น เป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน หรือ ประเภทสินเชื่อหมุนเวียน จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืนเงินต้นสูงสุด 6 เดือน หรือ ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อธุรกิจ จะได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาชำระคืน หรือปรับลดยอดผ่อนชำระลงสูงสุด 70% ของยอดผ่อนชำระเดิม นาน 6 เดือน
ช่องทางการติดต่อธนาคาร
มาตรการความคุ้มครอง สำหรับลูกค้าที่มีประกัน
ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีความคุ้มครองประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย และได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม กรณีเป็นลูกค้าสินเชื่อบ้านทีทีบี และทีเอ็มบี (เดิม) สามารถรับความคุ้มครองได้โดยอัตโนมัติ ภายใต้เงื่อนไขการมอบ “ประกันฟรี” แจ้งเคลมผ่าน ชับบ์สามัคคีประกันภัย โทร. 0 2611 4425
ลูกค้าประกันภัย ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ติดต่อ บริษัทผู้รับประกันภัย ได้ที่ ธนชาตประกันภัย โทร. 1519, ชับบ์สามัคคีประกันภัย โทร. 1758, เมืองไทยประกันภัย โทร. 1484, อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย โทร. 1292, แอลเอ็มจีประกันภัย โทร. 1790, แอกซ่าประกันภัย โทร. 0 2118 8111 และ วิริยะประกันภัย โทร. 1557
ลูกค้า ttb ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยที่อยู่อาศัย และลูกค้าบัญชี ttb all free ที่ได้รับความคุ้มครองอุบัติเหตุจากการคงเงินฝากตามเงื่อนไข ติดต่อ ธนชาตประกันภัย โทร. 1519
ลูกค้าธุรกิจที่มีประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน ติดต่อ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย โทร. 1292
สามารถตรวจสอบความคุ้มครองได้ที่ “เมนูประกัน” ในแอป ttb touch
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาออกมาตรการเร่งด่วน ซึ่งครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคล และลูกค้าธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบ รายละเอียดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ประกอบด้วย
ลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อ SME รายย่อย
ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME
ลูกค้าสินเชื่อกรุงศรี ออโต้
ลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์
มาตรการที่ 1: พักชำระหนี้ นานสูงสุด 2 รอบบัญชี สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยพักชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 2 รอบบัญชี ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2568 ถึง มกราคม 2569 โดยระหว่างเข้าร่วมมาตรการพักชำระดังกล่าว ดอกเบี้ยยังคงคำนวณตามอัตราปกติแบบลดต้นลดดอก
ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับความช่วยเหลือ สามารถติดต่อเพื่อลงทะเบียนแจ้งความจำนงภายใน 31 มกราคม 2569 ผ่านทางศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ (ทุกวัน ตลอด 24 ชม.) หรือ Helpline : 02-714-5155 (ในเวลาทำการ จันทร์ถึงศุกร์ 8.30 – 17.30 น.) และจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี (การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบริษัท)
มาตรการที่ 2: ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือน ด้วยการขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระ (ปรับปรุงโครงสร้างหนี้) (ทั้งนี้ ไม่รวมลูกค้าที่ได้รับการช่วยเหลือในมาตรการอื่นสูงสุดอยู่แล้ว) โดยลูกค้ากรุงศรีฯที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ สามารถติดต่อเพื่อลงทะเบียนแจ้งความจำนง ผ่านทางศูนย์บริการสมาชิกบัตรฯ (ทุกวัน ตลอด 24 ชม.) หรือ Helpline: 02-714-5155 (ในเวลาทำการ จันทร์ถึงศุกร์ 8.30 – 17.30 น.) และจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี (การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบริษัท)
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.krungsriconsumer.com หรือ ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี โทร. 02-646-3555, ศูนย์บริการสมาชิกบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ โทร. 02-345-6789, ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน โทร. 02-627-8111 และศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิตโลตัส โทร. 1712
ธนาคารกสิกรไทยออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ ดังนี้
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าบุคคล
1. สินเชื่อบ้านกสิกรไทย พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
2. สินเชื่อบ้านกู้เพิ่มได้เพื่อซ่อมแซมบ้าน อัตราดอกเบี้ย 0% 3 เดือน ฟรีค่าประเมินหลักประกัน
3. บัตรเครดิตกสิกรไทย, สินเชื่อเงินด่วน Xpress Loan และบัตรเงินด่วน Xpress Cash พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
4. สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 50% ระยะเวลา 3 เดือน และขยายระยะเวลาผ่อน 3 เดือน
มาตรการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ
1. วงเงินสินเชื่อเดิม พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
2. สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมสถานประกอบการ ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี ดอกเบี้ย 3.5% ใน 2 ปีแรก โดยให้พักชำระเงินต้น จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย สูงสุด 3 เดือน
ช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือ
1. ลูกค้าบุคคลติดต่อที่ K-Contact Center 02-8888888
2. ลูกค้าธุรกิจติดต่อที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าหรือ K-BIZ Contact Center 02-8888822
3. ลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ติดต่อที่ KLeasing Call Center 02-6969999
.